"ขอบใจนะจ๊ะ ที่พาตายะกลับบ้านอีกแล้ว" พอเห็นรถมาจอดที่หน้าบ้านพิมพ์ประไพรีบเดินออกมาดู
"ทำไมแม่อยู่ที่บ้านได้" ชายหนุ่มคิดว่าแม่ต้องเฝ้าพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลสิ
"แกยังไม่รู้เหรอว่าพ่อกลับมาพักฟื้นที่บ้านก่อนเดินทาง"
พอได้ยินคำแม่พูด ชายหนุ่มมองไปดูหน้าหญิงสาวที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เพราะเธอไม่บอกเรื่องนี้กับเขาเลย
"แล้วพ่ออยู่ไหนครับ"
"นอนหลับไปแล้ว แม่ว่าลูกไปพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้เข้าไปทำงานที่บริษัท"
สุขายะคุยกับแม่ได้สักพัก เขาก็รีบขึ้นมาด้านบน
แกร่ก! แอดดด~ เปิดประตูเข้ามาก็พบรองเท้าสลิปเปอร์ (ที่ใช้สำหรับเดินอยู่ในตัวบ้าน) หนึ่งข้างวางขวางประตูอยู่ สายตาของเขามองไปดูผู้หญิงที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงทันที เพราะอีกข้างยังอยู่ที่เท้าของเธอ
พิมพ์ญาดาขึ้นมาถึงชั้นบน เธอก็รีบวิ่งไปนอนคลุมโปงที่เตียง ที่จริงเธอไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรเลย พอได้ยินเขาพูดกับเพื่อนว่าจะมากินที่บ้านบ้าง หัวใจก็เต้นรัวเพราะคิดว่ายังไงก็คงจะไม่รอด แต่ถ้าแกล้งหลับไปก่อน..เขาคงจะไม่ทำอะไรเหมือนคืนนั้น
พอเข้ามาสุขายะก็ตรงไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัว เพื่อที่จะเข้าไปอาบน้ำ
ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวในห้องน้ำ หญิงสาวยิ่งหัวใจเต้นรัวเข้าไปใหญ่ เพราะวันนั้นพอเขาออกจากห้องน้ำ..ก็ตรงมาที่เตียงเลย
เสียงประตูห้องน้ำได้ถูกเปิดออกสักพักแล้ว แต่ทุกอย่างเงียบจนผิดปกติ พิมพ์ญาดาก็เลยแอบลืมตาขึ้นนิดหนึ่งเพื่อที่จะมองว่าเขาอยู่ไหน
สิ่งที่เธอเห็นมันช่างน่าสมเพชยิ่งนัก ชายหนุ่มยืนมองผ่านทางหน้าต่างเพื่อไปดูหลังคาบ้านอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล..นั่นก็คือบ้านพี่ชายของเขา
หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าเขาคงไม่อาจลืมผู้หญิงคนนั้นได้ แล้วผู้หญิงอีกคนที่เขาไปกกไปกอดอยู่ทุกวันนี้ล่ะ?? แต่ในห้วงความคิดของเธอ..ไม่มีตัวเองอยู่ในนั้นเลย หรืออาจเพราะเธอเกลียดและไม่มีใจกับเขา..ก็เลยไม่ได้น้อยใจอะไรกับเรื่องนี้
..เช้าวันต่อมา..
เมื่อคืนนี้ก็ทำเหมือนคืนนั้น เขาเลือกที่จะนอนโซฟา แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เธอกลัวก็คือ กลัวเขามานอนที่เตียง
หญิงสาวรีบลุกขึ้นจัดการกับตัวเองแล้วรีบลงมาข้างล่าง
พอสุขายะเดินลงมาชั้นล่างก็เจอคนแปลกหน้าสองคน พร้อมกับเอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มมองหน้าพ่อแม่และก็เธอแบบสงสัย
"เข้ามานั่งก่อน" สุริยากวักมือเรียกลูกชายให้มานั่งด้านข้าง
"มีอะไรครับพ่อ"
"เซ็นต์ซะ" พ่อวางปากกาลงตรงหน้าลูกชาย
สุขายะมองดูกระดาษแผ่นนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่ามันคืออะไร สายตาคมดังเหยี่ยวตวัดไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย
เขาไม่พูดอะไรสักคำแต่ก็ยอมหยิบปากกานั้นขึ้นมาเซ็นต์ชื่อตัวเองลงไป มันคือใบทะเบียนสมรส ยังไงเขาก็ยอมตกลงไปแล้ว ชายหนุ่มแค่อยากจะรีบทำให้มันเสร็จ ๆ ไป
ทุกคนถอนหายใจโล่งอกที่เขายอมเซ็นต์แบบไม่ ได้บังคับอะไรเลย แต่มันต่างจากหญิงสาว เพราะนั่นมันคือคมมีดที่รอวันกรีดคอเธอ
[บริษัท]
พอเซ็นต์เอกสารเสร็จสุขายะก็ยอมเข้าบริษัท เพื่อมารับตำแหน่ง เพราะพรุ่งนี้พ่อของเขาต้องได้เดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศแล้ว ชายหนุ่มก็เลยอยากทำให้พ่อสบายใจก่อนเดินทาง
"นี่คือห้องทำงานของนาย" พี่ชายของเขาพาเดินมาดูห้องทำงาน
"อืม" ตอบออกไปแบบผ่าน ๆ
"เลขาของนายก็คือคุณกนกลักษณ์ "
"สวัสดีค่ะ"
เช้าวันต่อมา..ที่สนามบิน
ทุกคนมาส่งพ่อกับแม่เพื่อเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ
"วันผ่าตัดผมจะบินไปหานะครับ" ชายหนุ่มร่างสูง ดึงพ่อเข้ามากอดไว้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้
"ดูแลงานช่วยพี่ชายให้ดีนะ" ถึงแม้สุริยาจะแปลกใจในตัวลูกชายคนเล็กมาก แต่ท่านก็คิดว่าดีแล้วที่ลูกชายเปลี่ยนไปแบบนี้ เขาคงจะโตพอที่จะรู้เรื่อง
"ฝากดูแลสุขายะด้วยนะหนูญาดา อย่าลืมที่แม่สั่งไว้ล่ะ" พิมพ์ประไพกระซิบคุยกับลูกสะใภ้คนเล็กเบา ๆ พิมพ์ญาดาแอบพยักหน้าให้เล็กน้อย
พอส่งท่านทั้งสองขึ้นเครื่องไปแล้ว ทุกคนก็ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง
พิมพ์ญาดากลับมาที่บ้านเพื่อที่จะแต่งตัวไปทำงาน แต่สุขายะและพี่ชายได้เดินทางไปที่บริษัทก่อนหน้านั้นแล้ว
[บริษัท]
"มาพบใครคะ" พนักงานต้อนรับด้านหน้าได้ถามผู้หญิงคนหนึ่ง และพนักงานที่อยู่แถวนั้นต่างก็มองมาที่เธอ
"สวัสดีค่ะฉันพิมพ์ญาดา" หญิงสาวพูดพร้อมกับถอดแว่นตาดำออกแบบช้าๆ
"ฉันไม่ได้มาพบใครค่ะ แต่ฉันมาทำงาน"
"คะ?" พนักงานที่นี่ยังไม่มีใครรู้จักเธอ
"งะ..งานอะไรคะ" พนักงานต้อนรับมองดูการแต่งตัวของเธอแล้วคงไม่ใช่งานธรรมดาเหมือนพวกเธอแน่
เพราะวันนี้พิมพ์ญาดา ใส่เดรสสั้นแบบรัดรูป เปิดหน้าอกเห็นร่องแบบเซ็กซี่มาก (นี่แหละคือสิ่งที่พิมพ์ประไพกระซิบพูดกับลูกสะใภ้คนเล็กตอนที่อยู่สนามบิน นางได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้)
และพิมพ์ญาดาคิดว่าก็น่าสนุกดี เพราะเกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ยั่วสามีงั้นเหรอ..จะยั่วเขาได้ยังไง..ในเมื่อเขาไม่มีใจกับเธอเลย แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อผู้มีพระคุณต้องการ พิมพ์ญาดาก็เลยจัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่หมั้นคู่หมาย