การแต่งตัวมาทำงานของพิมพ์ญาดาก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะเธอเริ่มจะชอบลุคนี้แล้ว
{"ค่ะ..ท่านรอง"} สุขายะโทรหาเลขาหน้าห้อง เพื่อสอบถามบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเลย
พอกนกลักษณ์วางสาย ก็รีบเดินมาหาพิมพ์ญาดาที่โต๊ะทำงาน
"ขอโทษค่ะคุณพิมพ์ญาดา ท่านโทรมาจากต่างประเทศบอกให้คุณเข้าไปทำงานในห้องของท่านค่ะ"
"ทำไมคะ" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าแบบสงสัย
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เดี๋ยวพี่จะเอาเอกสารเข้าไปให้ที่โต๊ะทำงานของท่านนะคะ เชิญคุณเข้าไปก่อนเลย"
"ไม่ค่ะ ฉันจะนั่งทำงานอยู่ตรงนี้" พิมพ์ญาดายังทำงานต่อไป
พอพิมพ์ญาดาไม่ย้ายเข้าไปทำงานในห้อง เลขาก็ต้องได้รายงานไปที่เจ้านาย
เย็นวันเดียวกัน..
หญิงสาวกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
{"สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณพ่ออาการเป็นยังไงบ้างคะ"} พิมพ์ประไพเลือกที่จะวิดีโอคอลมาคุยกับลูกสะใภ้
{"ตอนนี้เพิ่งถูกนำเข้าไปในห้องผ่าตัดจ้า แม่อยากให้หนูญาดามาด้วยจังเลย"} จังหวะที่พิมประไพกำลังคุยกับลูกสะใภ้อยู่นั้น ได้มีใครบางคนโผล่หน้าเข้ามาในกล้องด้วย
ที่จริงนางไม่ได้ตั้งใจโทรมาหรอก (แค่รอให้กำลังใจสามีก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว) แต่คนที่บังคับแม่ให้โทรมาก็คือสุขายะ เพราะอยากจะเห็นหน้าเธอใจจะขาดอยู่แล้ว
พิมพ์ญาดาก็คิดถึงเขาไม่แพ้กัน พอเห็นหน้าเขาโผล่เข้ากล้องมา ใบหน้างามถึงกับแดงกล่ำ ใจเต้นแรง หายใจติดขัด สายตาเธอมองจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น ความรู้สึกนี้เธอไม่เคยมีให้ใครมาก่อน
"ตายะขยับออกไปหน่อยสิ แม่จะคุยกับหนูญาดา" ตอนนี้สุขายะเบียดแม่จนจะออกจากกล้องอยู่แล้ว
"แม่ก็คุยไปสิ..ผมไม่ได้แย่งโทรศัพท์แม่สักหน่อย" เขายังแอบส่องดูหน้าจอโทรศัพท์ ตอนนี้แม่ของเขาพอจะเข้าใจความรู้สึกลูกชายแล้ว..นางก็เลยนึกอยากจะแกล้ง
{"หนูญาดาทำงานมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนเถอะลูก แม่ไม่กวนแล้ว แค่นี้นะ"} จบคำพูดพิมพ์ประไพก็ตัดสายพิมพ์ญาดาไป
"แม่!!" ยังไม่หายคิดถึงเมียเลย แม่ก็รีบตัดสายไปก่อน ชายหนุ่มถึงกับหงุดหงิดให้แม่
"ตาเถรตกใต้ถุน!" พิมพ์ประไพตกใจที่ลูกชายที่พูดขึ้นเสียงดัง
"แม่ตกใจหมดเลย! แกเป็นอะไร"
"เปล่าครับ" ถ้าจะบอกว่าคิดถึงเธอมากก็กลัวเสียฟอร์ม เพราะเคยพูดกับแม่ไว้ว่า จะไม่มีทางชอบผู้หญิงคนนี้ คนที่แม่หามาให้
พิมพ์ประไพแอบอมยิ้มแบบมีความสุข เพราะนางรู้แล้วว่าลูกชายหลงรักเมียตัวเองเข้าให้แล้ว
สามชั่วโมงผ่านไป..ตอนนี้พ่อของเขาก็ยังอยู่ในห้องผ่าตัด
"แกจะเดินไปเดินมาทำไม แม่เวียนหัวไปหมดแล้ว"
ที่เดินไปเดินมาไม่ใช่กังวลเพราะพ่ออยู่ในห้องผ่าตัดหรอก แต่เพราะทนนั่งคิดถึงเธออยู่เฉย ๆ ไม่ได้..จะโทรไปก็ดึกมากแล้ว เพราะเวลาที่นี่กับประเทศไทยมันต่างกัน
เพียงไม่นานชายหนุ่มก็เดินมานั่งลงที่เดิม แต่ก็ไม่นานอีกนั่นแหละเขาก็ลุกเดินวนไปมาอีกครั้ง
"ลูกไม่ต้องลุ้นขนาดนั้นหรอก อาจารย์หมอเก่งเรื่องนี้มาก"
"ครับ" ถ้าแม่ไม่พูดขึ้นมาก็ลืมแล้วนะว่าพ่ออยู่ในห้องผ่าตัด..เพราะมัวแต่ก็วนกระวายคิดถึงคนที่อยู่ประเทศไทย ชายหนุ่มแอบยิ้มและส่ายหน้าให้กับตัวเอง..เป็นเอามากนะเรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่หมั้นคู่หมาย