หลายวันต่อมา..
ตอนนี้สุขายะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย เขาต้องได้ดูแลกิจการ เพราะพี่ชายไม่เป็นผู้เป็นคน ได้แต่เมามายไปวัน ๆ
ส่วนเรื่องต่างประเทศ สุขายะจำเป็นต้องได้พูดความจริงให้แม่ฟัง พูดแค่เรื่องการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
พอพิมพ์ประไพรู้เรื่องนางก็เสียใจมาก แต่ต้องได้ทำให้ปกติที่สุด เพราะกลัวว่าผู้เป็นสามีจะคิดมากกับเรื่องนี้
@บริษัท
"เอกสารพวกนี้ฉันทำเสร็จแล้วนะคะ" พิมพ์ญาดาหอบเอกสารเข้ามาส่งสามีในห้องทำงาน ไม่ได้เหนื่อยแค่สุขายะ พิมพ์ญาดาก็เหนื่อยไม่แพ้กันแต่เธอก็ยินดีที่จะทำ
"ผมจะให้คนย้ายโต๊ะทำงานของคุณเข้ามาไว้ในห้องนี้นะ" เขาพูดทั้ง ๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากงานเลย
"ไม่ค่ะ" จบคำพูดพิมพ์ญาดาก็สะบัดก้นเดินออกจากห้องไป
สุขายะเงยหน้าขึ้นมองตามทันที คิ้วหนาขมวดคิ้วเข้าหากันแบบขัดใจ
"อะไรของเธออีก" เขาคิดว่าปรับความเข้าใจกับเธอได้แล้วสะอีก
..เที่ยงวันเดียวกัน..
ก๊อก~ ก๊อก~
"เที่ยงแล้วค่ะ" เธอคิดไว้แล้วว่าสามีคงจะทำงานเพลินจนลืมดูเวลา หญิงสาวก็เลยมาเตือนก่อนที่เธอจะลงไปทานข้าว
"ผมขอทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน..เดี๋ยวเราไปทานด้วยกัน" สุขายะยังวุ่นอยู่กับเอกสารที่อยู่ตรงหน้า เพราะงานทุกอย่างของพี่ชายโอนมาที่เขาหมดเลย
"ไม่ค่ะ ฉันจะไปทานข้างล่างกับพวกเพื่อน ๆ"
"พิมพ์!!" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตำหนิภรรยาเล็กน้อย
"อย่าดื้อสิ"
"ฉันจะไปทานกับเพื่อนค่ะ" พิมพ์ญาดาปิดประตูกลับให้เขาทันทีที่พูดจบ
ที่จริงหญิงสาวยังงอนเรื่องที่เขาไล่เธอออกมาอยู่ข้างนอก และแกล้งเธอสารพัด ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะรักกันแทบจะกลืนกิน แต่ความน้อยใจเรื่องในอดีตก็ยังคงเหลืออยู่
สุขายะวางงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินตามเธอออกมาทันที..ตอนนี้พนักงานกำลังจะออกไปทานข้าวรวมทั้งพิมพ์ญาดา
"เดี๋ยวก่อน" ทุกคนถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงท่านรอง เพราะไม่รู้ว่าท่านเรียกใครกันแน่ แล้วทุกคนก็ค่อย ๆ หันกลับมา
"คะ?" คนที่ถามขึ้นก็คือกนกลักษณ์
"ผมไม่ได้เรียกคุณ ผมเรียกภรรยาของผม"
"ท่านเรียกใคร" ต่างคนก็ต่างมองหน้ากัน งงเป็นไก่ตาแตกสิครับตอนนี้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพิมพ์ญาดาคือภรรยาของท่านรอง
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าท่านรองประธานเรียกใครกันแน่ จังหวะนั้นเขาก็เดินเข้ามาแล้วยื่นมือไปคว้าแขนของพิมพ์ญาดาไว้ เพราะเธอกำลังจะเดินหนีไป
"คนอะไรดื้อจัง บอกให้รอไปทานข้าวด้วยกัน" สายตาของเขามองมาแค่เธอ โดยที่ไม่สนใจพนักงานรอบข้างเลย
"ฉันก็บอกคุณแล้วไงว่าไม่ไป ฉันจะไปทานกับเพื่อน" หญิงสาวพยายามแกะมือเขาออก
ตอนนี้พนักงานรู้แล้วว่าท่านรองหมายถึงใคร และทุกคนก็ ค่อย ๆ แยกย้ายกันออกไปทานข้าวทีละคนสองคน ปล่อยให้ทั้งสองทะเลาะกันอยู่ตรงนั้น
แล้วข่าวนี้ก็ดังไปทั่วบริษัท ทุกคนรู้จักพิมพ์ญาดาดี ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะมาทำงานยังไม่นาน (เพราะเธอเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนในบริษัทนี้) แต่ทุกคนไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอคือภรรยาท่านรองประธานของบริษัท
"เกือบหัวขาดแล้วไม่ล่ะพี่พี" ลูกน้องในแผนกของพีระพัฒน์ต่างก็แซว เพราะเห็นเขาชอบไปยืนคุยกับพิมพ์ญาดาบ่อยครั้ง
"ผมจะไปรู้เหรอ แล้วมีใครรู้ไหมล่ะว่าเธอเป็นภรรยาของท่านรอง" ต่างคนก็ต่างส่ายหน้า พีระพัฒน์แอบเสียดาย เพราะเขาคิดว่าจะจีบพิมพ์ญาดาให้ติดอยู่แล้วเชียว
@ร้านอาหารหรู.. ไม่ไกลจากบริษัทนัก
"ร้านนี้อาหารอร่อย..ทานเยอะ ๆ นะ" สุขายะตักอาหารวางใส่จานให้พิมพ์ญาดา
หญิงสาวตักใส่ปากแล้วก็เคี้ยวโดยที่ไม่พูดกับเขาสักคำ แถมยังทำหน้าบูดบึ้ง
"เป็นอะไร"
"ทำไมคุณกล้าพูดเรื่องนั้น" เธอยังแอบสงสัยเพราะคิดว่าเขาคงไม่อยากให้ใครรู้
"เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่ฉันเป็นภรรยาของคุณไง คุณไม่อายคนอื่นแล้วเหรอ"
"ทำไมผมต้องอาย"
"ไม่รู้สิ แต่ก่อนเห็นคุณอายนี่"
"นั่นมันแต่ก่อน และผมก็ไม่เคยอายใครด้วย"
"ไม่เชื่อ..ถ้าคุณไม่อาย แล้วคุณเอาฉันไปไว้ทำไมถึงบันไดหนีไฟโน่นล่ะ"
"ก็ผมกลัวว่าเวลาไฟไหม้ คุณจะหนีไม่ทันไงฮ่าฮ่าฮ่าา" จบคำพูดสุขายะก็ขำขึ้น จนคนที่นั่งทานข้าวอยู่แถวนั้นหันมามอง
ที่ขำเพราะคำพูดนี้มันเป็นคำพูดของพิมพ์ญาดาที่พูดกับพีระพัฒน์วันนั้น..แต่เขาก็ได้ยิน ชายหนุ่มยังนึกขำในความคิดของเธอ คิดมาได้ยังไงถ้าไฟไหม้จะได้หนีก่อนเพื่อน
แต่พิมพ์ญาดาไม่สนุกกับคำพูดของเขาเลย เธอยังงอนตุ๊บป่องอยู่..ไม่รู้ว่าจะงอนอะไรดี แต่ขอให้ได้งอนไว้ก่อนแล้วกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่หมั้นคู่หมาย