คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 191

ตอนที่ 191 ปล้น

ไม่ไกลออกไปมีบุรุษสองคนนั่งยองกินหมั่นโถวอยู่ที่ข้างทาง พวกเขาสวมเสื้อผ้ามอซอ ใบหน้าสกปรก เหมือนกับเป็นผู้ประสบภัยที่มาจากทางใต้ ครั้นทั้งสองคนเห็นเงินในมือเจ้าใหญ่ ในแววตาก็ปรากฏความโลภขึ้นมา

หลังจากเจ้าใหญ่และเจ้ารองซื้อเนื้อเสร็จแล้ว พวกเขาก็เดินออกไปนอกเมือง เจ้ารองกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เงินนี้หนักทีเดียว ให้ข้าถือก้อนหนึ่งดีกว่า”

เจ้าใหญ่ส่ายหน้า “ไม่หนักแม้สักนิด มีอีกสิบก้อนก็ไม่หนัก”

“พี่ใหญ่ ทั้งชีวิตข้าไม่เคยจับเงินหนักสิบตำลึงมาก่อนเลย ให้ข้าชื่นชมหน่อยเถิด เมื่อนำกลับไปให้ท่านแม่แล้ว ข้าก็จะไม่มีโอกาสอีก” เจ้ารองกล่าว

เขาพูดถูก ถึงอย่างไรกลับไปแล้วก็ต้องให้ท่านแม่ ให้โอกาสเขาสักครั้งไม่เป็นไรหรอก

ดังนั้น เจ้าใหญ่จึงส่งเงินหนักสิบตำลึงให้เจ้ารอง อีกทั้งยังกำชับให้เขาถือไว้ให้ดี อย่าได้ทำตกหล่นเป็นอันขาด

สองพี่น้องเดินออกไปข้างนอกเมืองด้วยความเบิกบาน ในใจคิดถึงแต่เรื่องเงิน จึงไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเงาร่างลับๆ ล่อๆ สองสายตามพวกเขาออกจากเมืองมาด้วย

เจ้าใหญ่และเจ้ารองเดินอย่างว่องไว ขณะนี้พระอาทิตย์คล้อยลงทางตะวันตกแล้ว พวกเขาหวังว่ากลับถึงบ้านก่อนที่พระอาทิตย์จะลับภูเขาไปอย่างสมบูรณ์ย่อมดีที่สุด ไม่เช่นนั้นระหว่างมืดเช่นนี้ อย่าเพิ่งพูดว่าจะพบโจรหรือไม่ เพราะแค่จู่ๆ มีสัตว์ป่าโผล่ออกมาสักตัว ก็พอจะทำให้คนตกใจตายได้แล้ว

ครั้นเลี้ยวจากถนนหลวง ถึงทางเดินในภูเขา ผู้คนระหว่างทางก็ค่อยๆ บางตาลง เวลายามนี้แล้ว เหล่าชาวบ้านที่จากป่าเขาเข้าไปในเมือง ต่างก็กลับบ้านกันไปแล้ว

ทั้งสองคนรู้สึกร้อนใจ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แม้กระทั่งไม่รู้สึกเลยว่ามีใครอีกสองคนตามหลังพวกเขาอยู่ตลอด

เมื่อเดินตามทางไปได้ช่วงหนึ่ง ทั้งหน้าและหลังล้วนรกร้าง นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีเงาผีที่ไหนให้เห็นเช่นกัน

จู่ๆ บุรุษที่ตามหลังพวกเขาสองคนก็ถลันขึ้นมา พากันล้อมหน้าล้อมหลังสองพี่น้องเอาไว้

เจ้าใหญ่สีหน้าเปลี่ยนไป “ทำอะไร พวกเจ้าเป็นใคร”

บุรุษคนที่อยู่ข้างหลังเจ้าใหญ่ถีบเข้าที่บั้นท้ายของเขา ทำเอาเขาเกือบจะล้มลงบนพื้น

“เจ้ามีเงินสิบตำลึงไม่ใช่หรือ ไหนขอข้าดูสักหน่อย ดูสิว่ามีจริงอย่างที่เจ้าคุยหรือไม่”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว แม้แต่คนโง่ก็ฟังความหมายของพวกเขาออก เจ้าใหญ่โมโหขึ้นมา “กลางวันแสกๆ พวกเจ้ายังกล้าดักปล้น ในสายตาของพวกเจ้ายังมีกฎหมายอยู่หรือไม่”

“กฎหมาย?” จู่ๆ บุรุษผู้นั้นก็หัวเราะขึ้นมา หัวเราะจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาด้วยซ้ำไป “กฎหมายกินได้หรือไม่ ตอนนี้ข้ากินข้าวไม่อิ่มด้วยซ้ำ ยังจะสนใจกฎหมายอะไรอีก ข้าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป นี่ต่างหากคือกฎของข้า”

เห็นสีหน้าของทั้งสองคนดูโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น แม้เจ้าใหญ่จะตัวสูงใหญ่ แต่ในใจก็ยังรู้สึกสั่นกลัวอย่างอดไม่ได้

“พวกเจ้าคิดจะทำอย่างไร” เจ้าใหญ่ถาม

“คิดจะทำอย่างไร แน่นอนว่าต้องการเงิน ส่งเงินออกมาเสียดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว หากไม่ยอมล่ะก็ หึๆ…”

เจ้าใหญ่จะยอมได้อย่างไร นี่เป็นเงินที่จะช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเขา หากไม่มีเงินนี้ พวกเขาอาจจะกลายเป็นคนไม่มีบ้านให้กลับ หรือกลายเป็นผู้ประสบภัยก็เป็นได้

“พวกเจ้าฝันไปเถอะ” เจ้าใหญ่ผลักบุรุษที่ขวางอยู่ด้านหน้าออก ก่อนสาวเท้าจะวิ่งหนี แต่กลับถูกบุรุษข้างหลังกอดเอวเอาไว้ กดเขาลงไปบนพื้น

เจ้ารองเห็นดังนั้นก็สาวเท้าออกวิ่งไป อีกทั้งวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก

บุรุษสองคนนั้นไม่ตามเขาไปเช่นกัน เพราะพวกเขารู้ว่าเงินอยู่ที่ตัวของเจ้าใหญ่ ตามเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอเพียงแย่งเงินมาไว้ที่ตัวได้ก็พอแล้ว

“ข้าเอง พี่ใหญ่ ข้าเจ้ารองเอง” เมื่อเห็นเจ้าใหญ่ตกใจจนคุกเข่ากุมหัวอยู่บนพื้น เขาก็รีบเข้าไปประคอง

เจ้าใหญ่เงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง พลางกะพริบตาบวมปูดจนปิดเหลือช่องเล็กๆ “เจ้ารอง? เหตุใดถึงเป็นเจ้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” คราวนี้เขาถึงดึงสติกลับมาได้ ลุกขึ้นยืนในทันที ก่อนจะออกแรงผลักน้องชายครั้งหนึ่ง กล่าวด้วยความโมโหว่า “ดีเหลือเกินนะเจ้ารอง ตอนที่ข้าถูกโจรทุบตี เจ้ากลับวิ่งหนีไป เจ้ายังเป็นน้องชายของข้าอยู่หรือไม่”

เจ้ารองหัวเราะแห้งๆ “แน่นอนว่าข้าเป็นน้องชายท่าน ไม่เช่นนั้นข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่หรือ?”

ในใจของเจ้าใหญ่เข้าใจดี หากเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็จะหนีเช่นกัน ถึงอย่างไรอยู่ต่อก็คงจะถูกทุบตีไปด้วย บุรุษสองคนนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก หากพวกเขาลงมือรุนแรงมากกว่านี้ อาจจะถึงขั้นฆ่าคนตายก็เป็นได้

เขาถอนใจเสียงหนึ่ง แล้วเบิกตาที่เหลือเป็นเส้นเล็กๆ ถามเจ้ารองว่า “เงินเล่า? เงินไม่ได้หายไปกระมัง”

เจ้ารองรีบส่ายหน้า “ไม่หาย อยู่นี่” เขาพูดพลางหยิบเงินออกมาจากในอกเสื้อ ยื่นมันไปตรงหน้าของเจ้าใหญ่โดยตรง เขาไม่กล้ารับไป ถึงอย่างไรรับไว้ก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องให้กับท่านแม่

เจ้าใหญ่ก็ไม่เกรงใจ รับเงินมาใส่ไว้ในอกเสื้อ “โชคดีที่ตอนนั้นให้เจ้าถือไว้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้พวกเราคงไม่มีเงินติดตัวสักเหวิน กลับบ้านไปแล้วไม่มีเงินให้ท่านแม่ยังว่าไปอย่าง แต่เช่นนั้นจะรักษาบ้านของพวกเราไว้ไม่ได้”

สองพี่น้องกลับถึงสกุลไป๋ด้วยทีท่าซึมเซา ทุกคนล้วนชะเง้อคอมองอยู่หน้าประตูลานบ้าน ครั้นเห็นสภาพของเจ้าใหญ่แล้ว พวกเขาก็ตกใจจนต้องร้องไห้ออกมา

หญิงชราถลันมาข้างหน้า คว้ามือของเจ้าใหญ่ไว้ “ลูกชายข้า เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

เจ้ารองเล่าเรื่องทั้งหมดเสียรอบหนึ่ง ฝ่ายมารดาฟังแล้วเกือบจะเป็นลมสลบไป “เจ้าว่าอย่างไรนะ สิบตำลึงเงินถูกคนปล้นไปหรือ”

เขาชี้ไปที่ใบหน้าบวมเป่ง “ใช่ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่บาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนี้”

หลิวซื่อชี้เจ้ารอง พลางกล่าวว่า “เหตุใดมีแต่เจ้าที่บาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนี้ ส่วนน้องรองกลับไม่บาดเจ็บแม้สักนิด” สองพี่น้องพบโจรด้วยกัน ไม่มีทางที่เจ้าใหญ่จะถูกซ้อมอยู่คนเดียวแน่! เรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายเช่นที่เจ้าใหญ่เล่าแน่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา