ตอนที่ 193 ความยากลำบากตรงหน้า
กระนั้น เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนเช่นที่นางคิดไว้ คำบอกเล่าของสองพี่น้องตรงกัน ไม่มีความผิดปกติอะไร เป็นแค่เรื่องถูกปล้นธรรมดาเท่านั้น เพื่อปกป้องเงินนี้ไว้ เจ้าใหญ่ถึงได้ถูกทุบตีเสียยกหนึ่ง ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไร้ค่า เงินยังคงถูกแย่งไปอยู่ดี…
หญิงชรารู้สึกเพียงว่าตนวิงเวียนศีรษะ มีดวงดาวลอยอยู่ตรงหน้า สิบตำลึงถูกคนปล้นไปแล้ว สมองของนางมีแต่คำพูดนี้ ไม่สนใจฟังอย่างอื่นอีก
เจ้ารองเห็นผู้เป็นมารดามีทีท่าเช่นนั้น จึงรีบเรียกนาง “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ยังมีอยู่ที่ข้าอีกสิบตำลึง”
ฝ่ายมารดาพลันตาเป็นประกาย “เจ้าว่าอย่างไรนะ”
บุตรชายคนรองกล่าวตอบว่า “ท่านแม่ พู่หยกจำนำได้ยี่สิบตำลึง พี่ใหญ่เก็บไว้กับตัวสิบตำลึง เก็บไว้ที่ตัวข้าอีกสิบตำลึง โจรปล้นไปเพียงเงินที่อยู่กับตัวพี่ใหญ่เท่านั้น ตอนนั้นข้าหนีไปแล้ว ย่อมรักษาสิบตำลึงเงินนี้ไว้ได้”
หัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มของทุกคนพลันคลายลง ยังมีอีกสิบตำลึง โชคดีที่ยังมีอีกสิบตำลึง!
เจ้าใหญ่รีบนำสิบตำลึงเงินออกมา ยื่นไปตรงหน้ามารดาของตน
หญิงชราคว้าหมับไว้ในมือ ทั้งยังกำไว้แน่น ด้วยกลัวว่าเงินนี้มีขางอก วิ่งหนีไปได้อีก
แม้ในมือจะมีเงินสิบตำลึงเงิน ทว่านางก็ยังคงรู้สึกปวดใจอย่างยิ่งยวด ราวกับว่ามีคนใช้มีดจ้วงแทงหัวใจของนางอย่างแรงก็ไม่ปาน นั่นเป็นเงินสิบตำลึงเชียวนะ นางเก็บออมอยู่สิบปียังได้ไม่เท่าสิบตำลึงเงินเลย
หลิวซื่อโศกเศร้าที่สามีถูกซ้อมจนมีสภาพเช่นนี้ ทั้งยังเจ็บใจที่สิบตำลึงเงินถูกคนปล้นไป นางโมโหจนถึงขั้นยืนก่นด่าเสียงดังอยู่ในลานบ้าน ทักทายบรรพบุรุษเสียสิบแปดรุ่นอยู่รอบหนึ่ง กระนั้นก็ยังไม่พอใจ ยังลากเจ้าใหญ่จะออกไปข้างนอกอีก
เจ้าใหญ่ผลักหลิวซื่อที่เหมือนเป็นบ้าไปแล้วด้วยมือข้างหนึ่ง “เจ้าจะทำอะไร”
สะใภ้ใหญ่ขอบตาแดงก่ำ “ที่รัก เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เจ้าถูกซ้อมจนมีสภาพเช่นนี้ อีกทั้งถูกปล้นเงินไปอีกสิบตำลึง พวกเราต้องรีบไปฟ้องร้อง อาจจะจับนักเลงสองคนนั้นได้ สิบตำลึงเงินจะได้กลับมาที่เราอย่างไรล่ะ”
อีกฝ่ายถลึงตามองนางอย่างหมดคำพูด ขณะนี้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “เจ้าเมียโง่ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ไปฟ้องร้องในเวลากลางค่ำกลางคืน บอกว่าถูกคนปล้นเงินไปสิบตำลึง ทั้งยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แม้แต่หน้าตาเป็นอย่างไรข้าก็มองไม่ชัดเจน เจ้าจะให้ขุนนางทิ้งเมียรักในบ้าน แล้วออกไปตามจับโจรให้เจ้าหรืออย่างไร เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ”
เขากล่าวต่อ “ปีที่แล้วลูกชายของท่านลุงจ้งที่หมู่บ้านของพวกเราก็ถูกโจรปล้นเช่นเดียวกัน ไม่เพียงถูกปล้นเงินไปเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกซ้อมจนตาย ศาลาว่าการก็แค่ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งทหารออกไปตามจับโจรโดยสิ้นเชิง”
หลิวซื่อกระทืบเท้า “เช่นนั้นจะทำอย่างไร ช่างปะไรหรือ”
เจ้าใหญ่ถอนใจเสียงหนึ่ง “ไม่ช่างปะไรแล้วจะทำอะไรได้? สองคนนั้นไม่เอาชีวิตข้าก็นับว่าข้าโชคดีมากแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก” ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเท่าไรนัก ตอนนี้เมื่อหวนนึกถึงขึ้นมา หากสองคนนั้นชักมีดออกมาแทงเขาสักสองครั้ง ข้าจะยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้หรือไม่
เจ้ารองกล่าว “เข้าเรือนก่อนเถอะ ถึงแม้จะถูกปล้น ทว่าก็ยังอยู่รอดปลอดภัย ต่อไปออกจากบ้านต้องระมัดระวังให้มาก”
หญิงชราไม่ได้สนใจว่าพวกเขาพูดอะไรโดยสิ้นเชิง ในใจเอาแต่คิดคำนวณว่าจะจัดการเงินสิบตำลึงนี้อย่างไร หกตำลึงต้องคืนท่านหมอลู่ ส่วนที่เหลืออีกสี่ตำลึงนั้น นางไม่รู้เหมือนกันว่าราคาข้าวในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ที่นาห้าหมู่ในตอนนี้เหลือเพียงสองหมู่เท่านั้นที่เก็บเกี่ยวได้ แล้วจะผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างไร จะจ่ายค่าเรียนปีหน้าของเสี่ยวเฟิงได้อย่างไร
ไม่ต้องคิดไปไกล วันนี้พวกเขาทั้งสกุลไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน ต่างคนต่างก็หิวจนแขนขาไม่มีแรงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจัดการความยากลำบากตรงหน้าก่อน ต้องกินอะไรลงท้องก่อนถึงจะใช้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...