คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 251

ตอนที่ 251 กระแทกจนมึนงง

ลงดินทำงานในตอนกลางวัน นั่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อตกกลางคืนแล้ว ย่อมไม่มีใครกล้าเสี่ยงอันตราย ต่างก็ปิดประตูเข้านอนแต่หัววัน เมื่อฟ้าสว่างแล้วค่อยลงที่ดินอีกครั้ง อย่างน้อยก็มองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจน มองเห็นได้กว้างไกลในตอนกลางวัน ยามพบเจออันตรายก็ยังมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดได้

ในใจของเจ้าใหญ่ก็เริ่มลุกลี้ลุกลนเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยได้ออกมาข้างนอกในยามวิกาลเหมือนกับต้าเป่า ขณะนี้จึงเริ่มหลงทิศอยู่บ้างแล้ว พวกเขาสองพ่อลูกวนเวียนอยู่ในที่ดินที่เชื่อมกันอยู่นาน จนผ่านไปนานแล้วก็ยังหาที่ดินปลูกแตงดินของไป๋จื่อไม่พบ

เขาไม่รู้ว่าที่ดินของไป๋จื่ออยู่ที่ใด แต่เขารู้ว่านางเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่ปลูกแตงดิน ขอเพียงพบที่ดินปลูกมันฝรั่ง นั่นย่อมเป็นที่ดินของไป๋จื่ออย่างแน่นอน

ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินเตร่อยู่ที่นาผืนแล้วผืนเล่าไปนานเท่าไร จู่ๆ ไป๋ต้าเป่าก็ชี้ไปยังที่ดินที่อยู่ไกลออกไป “ท่านพ่อดูสิ ที่ดินผืนนั้นดูเหมือนปลูกแตงดินไว้เลย”

เจ้าใหญ่มองไปยังทิศทางที่บุตรชายชี้ ก่อนจะมองเห็นที่ดินผืนหนึ่งจริงๆ ที่ดินผืนนี้ไม่เหมือนกับที่ดินปลูกข้าวสาลีบริเวณใกล้เคียงโดยสิ้นเชิง เพราะมีใบไม้เบ่งบาน ก้านสูงเสียยิ่งกว่าข้าวสาลีอีก เขียวชอุ่มไปทั่วทั้งผืน

“จริงด้วย ที่นี่แหละ” เจ้าใหญ่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขารีบพาบุตรชายมุ่งหน้าไปเริ่มลงมือ

สองวันก่อนมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ทำให้ดินอ่อนนุ่มมาก เพียงแค่ลงจอบหนึ่งครั้ง ก็เก็บแตงดินออกมาได้กองใหญ่แล้ว พวกเขานำถุงผ้ามาด้วยสองใบ ไม่นานนักก็เก็บแตงดินใส่ลงทั้งสองถุงจนเต็ม

“ท่านพ่อ แตงดินนี้ปลูกได้ดีจริงๆ แต่ละหัวมีขนาดใหญ่มาก ท่านว่าแตงดินสองถุงนี้พวกเราจะกินได้กี่วัน”

เจ้าใหญ่กล่าวด้วยความปีติ “ไม่ต้องห่วงว่าจะกินได้นานเท่าไร กินหมดแล้วพวกเราค่อยมาอีก ต่อไปที่ดินผืนนี้ก็คือโรงเสบียงของสกุลไป๋พวกเรา”

ไป๋ต้าเป่านึกถึงความลำบากที่สกุลไป๋ได้พบเจอก่อนหน้านี้ จึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านพ่อ หากนางเด็กไป๋จื่อรู้เข้า นางจะปล่อยพวกเราไปหรือ”

ผู้เป็นบิดาแค่นหัวเราะ “นางจะทำอะไรพวกเราได้ ว่ากันว่าหากจะจับขโมย ก็ต้องจับหัวโจกให้ได้ก่อน พวกเรากลับไปแล้ว ซ่อนแตงดินพวกนี้ไว้อย่างดี ต้องซ่อนให้นางหาไม่เจอ ให้ตายอย่างไรพวกเราก็อย่าได้ยอมรับ เช่นนั้นแล้วนางจะทำอะไรพวกเราได้เล่า”

เมื่อไป๋ต้าเป่าเห็นบิดาพูดด้วยความมั่นใจถึงเพียงนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย เขายิ้มกล่าวว่า “ท่านพ่อ พวกเรารีบกลับไปกันเถิด ข้าหิวจนจะเป็นลมแล้ว กลับไปต้องรีบกินให้อิ่มท้องสักมื้อ”

สองพ่อลูกแบกแตงดินกลับไปกันคนละถุง หลังจากเดินไปได้ครึ่งทางแล้ว ไป๋ต้าเป่าได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นระลอกหนึ่ง เบามาก แต่กลับเข้าหูของเขาอย่างแจ่มชัดยิ่ง

“ท่านพ่อ ได้ยินหรือไม่”

เจ้าใหญ่ส่ายหน้า “ไม่มีนี่ เจ้าได้ยินอะไร”

“มีเสียงอะไรบางอย่าง ดูเหมือน…จะดังมาจากข้าหลังของพวกเรา” ขณะที่ต้าเป่าพูด เขาก็หันกลับไป ก่อนจะเห็นดวงตาสีเขียวปี๋คู่หนึ่ง ไปจนลำตัวยาวเหยียด…

“ท่านพ่อ เป็นงู งูขอรับ!”

เจ้าใหญ่สาวเท้าวิ่งไปข้างหน้า ส่วนไป๋ต้าเป่ากลับขาอ่อนเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าหยุดอยู่ที่นี่ วิ่งตามหลังผู้เป็นพ่อไปอย่างสุดชีวิต กระนั้นยังวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เจ้าใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าก็สะดุดล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้ไป๋ต้าเป่าที่อยู่ข้างหลังตั้งหลักไม่ทันในทันที แม้กระทั่งตัวของเขาและแตงดินที่นำมาด้วยล้วนทับใส่ตัวของเจ้าใหญ่

แม้ไป๋ต้าเป่าจะยังสูงไม่เท่าเจ้าใหญ่ แต่น้ำหนักตัวกลับไม่น้อยไปกว่าบิดาเลย เมื่อรวมแตงดินถุงหนึ่งด้วยแล้ว การกระแทกครั้งนี้ทำให้เจ้าใหญ่เวียนศีรษะ ขณะเดียวกันก็มีเสียงกรอบแกรบดังกังวานขึ้นมาด้วย

ไป๋ต้าเป่าตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากตัวของเจ้าใหญ่ เมื่อหันกลับไปมอง เขาเห็นว่างูตัวนั้นไม่ได้ตามมา จึงคลายใจขึ้นมาบ้าง ก่อนจะรีบดันตัวบิดาของตน “ท่านพ่อ ลุกขึ้นเร็ว งูหายไปแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”

ทว่าเจ้าใหญ่กลับไม่ได้สติเลยสักนิด บัดนี้ในทุ่งเงียบกริบ ราวกับไม่มีเสียงแมลงแม้สักตัว

……….

ตอนที่ 252 เรียกกำลังเสริม

ไป๋ต้าเป่าลนลาน รีบร้อนเรียกอยู่สองสามครั้ง แต่ท่านพ่อของตนก็ยังไม่มีท่าทีจะตอบรับ ทำเอาเขากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ “หรือว่าล้มเมื่อครู่นี้ เขาจะตายในทันที?”

เขายื่นมืออันสั่นเทาไปตรวจสอบลมหายใจของผู้เป็นพ่อ ‘ยังหายใจอยู่ ยังดีๆ ยังหายใจ’

จากนั้นเขาลองคิดจะพยุงอีกฝ่ายลุกขึ้น แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรงไปหมด ประคองบิดาที่ไม่มีสติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิงไม่ไหว

ทำอย่างไรดี หากทิ้งไว้ที่นี่ เช่นนั้นงูพิษตามมาทันแล้วจะทำอย่างไร

ไม่รู้ว่าเมื่อไรท่านพ่อถึงจะตื่น เหตุใดถึงล้มจนสลบไปเช่นนี้ได้

ไป๋ต้าเป่าตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก เขาเรียกบิดาของตนเองที่สลบอยู่ “ท่านพ่อ ท่านรอข้าอยู่ที่นี่นะ ข้าจะกลับไปเรียกคนมา ท่านรอข้านะ!”

เด็กหนุ่มในตอนนี้ไหนเลยจะสนใจแตงดิน แม้แต่พ่อแท้ๆ ยังทิ้งไว้ได้ลงคอเลย

เขาห้อตะบึงกลับบ้านตลอดทาง บัดนี้ท่านย่าของเขากำลังนั่งสัปหงกอยู่ในเรือน เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู นางก็รีบออกมาจากด้านใน ส่วนหลิวซื่อที่เดิมทีนั่งงีบอยู่ในโถงเรือน พวกนางกำลังรอคอยสองพ่อลูกกลับมา ครั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ก็พลันออกไปต้อนรับเช่นกัน

“กลับมาแล้วหรือ” หลิวซื่อยิ้มกริ่มมองผู้มาเยือน นางเห็นว่าเป็นบุตรชายของตัวเอง ทว่าสองมือว่างเปล่า “เหตุใดกลับมามือเปล่า พ่อของเจ้าล่ะ”

หญิงชราเข้ามาใกล้ในทันที ครั้นเห็นว่าสองมือของไป๋ต้าเป่าว่างเปล่า นางก็ขมวดคิ้วมุ่นในทันที “พวกเจ้าหาไม่เจอแม้กระทั่งที่ดินของไป๋จื่อรึ”

ไป๋ต้าเป่ารีบโบกมือ “ไม่ใช่ๆ เดิมทีพวกข้าได้แตงดินมาแล้วสองถุง ทว่าเมื่อกลับมาได้ครึ่งทางแล้ว ใครจะรู้ว่าจะเจองูพิษตัวหนึ่งเข้าจริงๆ”

ครั้นหลิวซื่อได้ยินก็ขาอ่อน เกือบจะคุกเข่าลงนั่งกับพื้น โชคทีดีแม่สามีข้างกายนางประคองนางไว้ก่อน

หญิงชราทำหน้าเคร่งถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดมาให้ชัดเจน เหตุใดพ่อของเจ้าถึงไม่กลับมาด้วย”

เมื่อไป๋ต้าเป่าเล่าเรื่องทุกอย่างเสียรอบหนึ่งแล้ว สองแม่สามีและลูกสะใภ้ได้ยินว่าเจ้าใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ ในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจได้บ้าง

หลังจากนั้นหญิงชราก็ไปเคาะประตูห้องของบ้านรอง “เจ้ารอง รีบออกมา มีเรื่องด่วน”

เจ้ารองกำลังหลับฝันหวาน เมื่อถูกผู้เป็นมารดาเรียกเช่นนี้ จึงรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก “มีเรื่องอะไรกัน คุยพรุ่งนี้ไม่ได้เลยหรือ”

“เจ้าช่างไร้น้ำใจนัก ยังไม่รีบออกมาอีก พี่ชายของเจ้าใกล้จะตายอยู่แล้ว” หญิงชรากล่าว

ความง่วงของเจ้ารองพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขารีบลงจากเตียงนอน แม้แต่ชุดนอนก็ไม่ทันได้สวมใส่ เพียงรีบไปเปิดประตู “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องขั้นกับพี่ใหญ่หรือ” ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน หักกระดูกแล้วเส้นเอ็นก็ยังเชื่อมกันอยู่ หากพบเจอเรื่องอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้

หญิงชรากล่าว “พี่ใหญ่ของเจ้าล้มลงระหว่างทาง ตอนนอนสลบอยู่บนคันนา ละแวกนั้นมีงูพิษเพ่นพ่านอยู่ด้วย เจ้ารีบไปแบกเขากลับมาเร็ว”

จางซื่อสะบัดแขนเสื้อออกมา กล่าวด้วยความสงสัยว่า “พี่ใหญ่ออกไปกับต้าเป่าไม่ใช่หรือ เหตุใดต้าเป่ากลับมาแล้ว แต่พี่ใหญ่กลับไม่กลับมาด้วย”

หลิวซื่อพูดด้วยความร้อนใจ “ต้าเป่าตกใจกลัว แขนขาไร้เรี่ยวแรง ย่อมยกพี่ใหญ่ของเจ้าไม่ได้ อย่าพูดจามากความเลย รีบไปเถอะ ขืนไปช้าแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรต่อไป”

แม้ในใจของเจ้ารองและภรรยาจะไม่สมัครใจ แต่เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้เข้า หากไม่ช่วยก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร

จางซื่อหยิบเสื้อมาให้เจ้ารอง “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็ไปเถอะ ระหว่างทางก็ระวังตัวด้วย”

เจ้ารองตอบรับพลางสวมเสื้อ ครั้นกำลังจะออกไป กลับเห็นไป๋ต้าเป่านั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ในโถงเรือน ราวกับไม่คิดจะไปด้วยกันกับเขาอย่างไรอย่างนั้น

“ต้าเป่า เจ้ายังไม่ลุกอีกหรือ ไปสิ!” เจ้ารองกล่าว

ไป๋ต้าเป่าชะงัก “ข้า? ข้ายังต้องไปอีกหรือ” เขาทำหน้าตาตื่น เมื่อคิดถึงดวงตาเขียวอี๋คู่นั้นขึ้นมา เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยพลัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา