ตอนที่ 253 เป็นคนหรือผี
เจ้ารองถลึงตาโต กล่าวด้วยโทสะ “เจ้าไม่ไป? แล้วข้าจะหาพ่อเจ้าเจอได้อย่างไร เจ้าไม่นำทางให้ข้า แล้วข้าจะเจอพ่อเจ้าได้หรือ”
ไป๋ต้าเป่าหน้าซีดเผือด ดวงตาตื่นกลัวของเขาใกล้จะมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว “แต่ข้ากลัว…ที่นั่นมีงูพิษ งูพิษตัวใหญ่มาก”
ครั้นเจ้ารองได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก รู้ดีอยู่แล้วว่าที่นั่นมีงู เจ้ายังปล่อยพ่อของเจ้าไว้เช่นนั้น หากไปถึงหลังจากที่พ่อเจ้าโดนงูพิษนั่นกัดแล้วจะทำอย่างไร”
ที่บ้านยากจนเช่นนี้ หากพี่ใหญ่ถูกงูกัดเข้าจริงๆ ก็จำเป็นจะต้องนำเงินออกมาใช้ และไม่รู้ว่าเงินน้อยนิดนั้นจะเพียงพอหรือไม่
ก่อนที่จะแยกบ้าน ย่อมไม่อาจใช้ง่ายเงินจำนวนเล็กน้อยนี้ไปได้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด
เจ้ารองตะโกนใส่ไป๋ต้าเป่า “ยังตะลึงลานอะไรอยู่อีก เจ้าอยากให้พ่อของเจ้าตายอยู่ในที่นาจริงๆ ใช่หรือไม่”
หลิวซื่อนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องไห้จนหายใจแทบไม่ทันแล้ว ราวกับตนเองกลายเป็นหญิงหม้ายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หญิงชราได้ยินเสียงร้องไห้ก็พลันโมโหขึ้นมา นางต่อว่าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “เหตุใดต้องร้องไห้ด้วย สามีของเจ้ายังไม่ตายเสียหน่อย เจ้าก็ชิงร้องไห้ไปก่อนเสียแล้ว หุบปากเดี๋ยวนี้”
หลิวซื่อถูกแม่สามีตะคอกใส่จนสะดุ้งโหยง ก่อนจะเบิกดวงตาเหม่อลอยเต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหญิงชรา
ฝ่ายหญิงชราคร้านจะสนใจนาง จึงหันไปกล่าวกับไป๋ต้าเป่า “ต้าเป่า แม้เจ้าจะตกใจมาก แต่รีบไปหาพ่อของเจ้ากับท่านอาเถอะ หากเจ้าไม่ไป แล้วท่านอาของเจ้าจะหาเขาเจอได้อย่างไรกัน ไม่เช่นนั้นหาจนฟ้าสว่างก็อาจจะหาไม่เจอก็เป็นได้”
ต้าเป่ารู้สึกจนใจนัก ทำได้เพียงลุกขึ้นออกจากบ้านไปกับเจ้ารอง ระหว่างทางให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยชายเสื้อของอีกฝ่าย ดวงตามองไปรอบสี่ทิศอย่างหวาดหวั่น ราวกับกวางน้อยที่ตื่นตกใจกลัวก็ไม่ปาน
เจ้ารองร้อนใจนัก ทว่าต้าเป่าเดินช้าเหลือเกิน จะเรียกว่าเป็นความเร็วระดับหนึ่งยังไม่ได้เลย เขาจึงหันไปกล่าวกับหลานชายตนเองอย่างอดไม่ได้ “ต้าเป่า เจ้าเป็นผู้ชายอกสามศอก ทว่าเหตุใดถึงได้ใจเสาะเช่นนี้ ขืนเจ้ายังไม่เร่งความเร็วอีกล่ะก็ พ่อของเจ้าคงไม่รอดแน่” ครั้นกล่าวจบ เขาก็คิดจะสะบัดแขนของต้าเป่าออก แล้วลากเด็กหนุ่มให้เดินเร็วขึ้น
ต้าเป่าพลันสะดุ้งตกใจเพราะการกระทำอย่างฉับพลันของท่านอารอง ทำให้ตัวสั่นจนตกลงไปในคูน้ำด้านข้าง และเพราะเขาจับชายเสื้อของท่านอารองอยู่ตลอด จึงทำให้แม้แต่ท่านอารองของเขาก็ตกลงไปในคูน้ำด้วย
ในคูมีน้ำอยู่ไม่มาก ทว่าดินเลนกลับไม่น้อยเลย ครั้นทั้งสองคนปีนขึ้นมาได้แล้ว ต่างก็มีแต่โคลนเลนเปื้อนเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด
เจ้ารองโมโหเป็นอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาแสดงอารมณ์โกรธ ต้องรีบไปหาพี่ชายของตนก่อน ขออย่าให้เขาถูกงูกัดเลยเถิด ไม่เช่นนั้นแล้ว สถานะการเงินของที่บ้านคงจะน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง…
เขาลากต้าเป่าเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งร้อน
“ตรงนี้แหละ ข้างหน้านี้เอง” ไป๋ต้าเป่าจำสถานที่ตรงนี้ได้ ตอนที่เขาจากมา จำได้ว่าตรงที่พวกเขาล้มลงอยู่ห่างไม่ไกลจากบึงน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ด้านข้างมีต้นไม้เตี้ยอยู่สองต้น แค่มองไปก็เห็นแล้ว
ทว่ายังไม่ทันจะเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเจ้าใหญ่ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
สองคนอาหลานรีบถลันตามเสียงไป
ทันทีที่เจ้าใหญ่ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็รีบชะเง้อคอมองเงาคนที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะเรียกเงาคนนั้น “ช่วยด้วย ข้าคือเจ้าใหญ่ไป๋ รีบช่วยข้าเร็วหน่อยเถะ”
เงาคนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นคนในความมืดอยู่สองร่าง กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา ส่วนร่างกายมืดมิดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกก็คือใบหน้าของทั้งสองคนนั้นก็มืดสนิทด้วยเช่นกัน มองเห็นเพียงดวงตาส่องประกายราวกับลูกแก้วเท่านั้น
นะ…นี่เป็นคนหรือผี?
เขาตกใจพลางก้มลงคารวะโดยพลัน ขณะเดียวกันก็ร้องตะโกนเสียงดังว่า “อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้ายังมีแม่และลูกเมียต้องดูแล ข้าจะตายไม่ได้ ข้าจะตายไม่ได้”
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังพูดอะไรอยู่ ข้าเจ้ารองเอง” พี่ใหญ่ของเขาบ้าไปแล้วกระมัง ล้มจนเป็นบ้าไปแล้วหรือนี่
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้ารองพลันหยุดฝีเท้า แล้วหันไปมองต้าเป่า “ไม่ได้นำมาสักหัวเดียว?”
ไป๋ต้าเป่าส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองหนทางที่พวกเขาเพิ่งจากมา บัดนี้หมู่เมฆบดบังดวงจันทร์แล้ว ท้องฟ้ายามวิกาลยิ่งมืดมน เมื่อใดที่ลมพัดผ่านมา บรรยากาศโดยรอบและเสียงต้นไม้ใบหญ้าล้วนทำให้เขาขนลุกขนพอง
“ไม่ได้นำมาแม้แต่หัวเดียว เพราะเมื่อครู่รีบร้อนนัก จึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้”
เจ้ารองอยากจะโยนบุรุษตัวหนักเท่าเขาไท่ซานบนหลังทิ้งเสียจริงๆ สองพ่อลูกคู่นี้ยังมีความสามารถทำอะไรได้กัน ครั้งนี้เจ้าใหญ่ทั้งทำงานพลาด ทั้งเจ็บขา กะว่าจะออกไปหาประโยชน์จากข้างนอกก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง หากให้คนในหมู่บ้านรู้เข้า คงจะถูกหัวเราะเยาะแทบตายเป็นแน่
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปสักรอบ ดีเลวอย่างไรคงเก็บกลับมาได้บ้าง ไม่ถึงขนาดที่กลับบ้านมือเปล่ากระมัง” เจ้ารองกล่าวกับหลานชาย
ไป๋ต้าเป่าส่ายหน้าไม่ยอมหยุด “ไม่ได้ๆ ข้าไม่ไป ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่ไป” ดวงตาสีเขียวของงูพิษตัวนั้นยังปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขาไม่ยอมหยุด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้ากลับไปอีก
ตอนนี้เจ้าใหญ่เจ็บเจียนตาย ไหนเลยจะสนใจเรื่องแตงดินอะไรนั่น “อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนั้นเลย เร็ว รีบกลับไปก่อน ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
ขาข้างที่หักของเขามีแต่ความรู้สึกเจ็บจนเขาอยากตายในทุกก้าวที่เดินไปพร้อมกับน้องชาย
เจ้ารองจนใจนัก ทำได้เพียงแบกพี่ชายกลับไปยังสกุลไป๋
หญิงชราและหลิวซื่อที่เฝ้าอยู่หน้าประตูลานบ้านอยู่ตลอด ได้ยินเสียงโอดครวญของเจ้าใหญ่ดังโอ๊ยๆ มาแต่ไกล
หญิงชราพลันรู้สึกคลายใจ ยิ้มกล่าวว่า “เสียงดังกังวานเช่นนี้ น่าจะไม่เป็นอะไร”
หลิวซื่อปาดน้ำตาที่อาแก้มทิ้ง ยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
แอดรบกวนลงให้อ่านจนจบได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
สนุกมากค่ะ แอดรบกวนอัปให้อ่านจนจบได้ไหมคะรออ่านอยู่น้าาาาา...
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...