ตอนที่ 335 เจ้าของร้านอู๋
สายตาของเจ้าของร้านอู๋จับจ้องอยู่บนหนังเสือตลอดเวลา ตอนนี้ได้ยินคำถามถึงจะหันกลับไปมองหนังหมาป่า มันเป็นสินค้าชั้นดีเช่นเดียวกัน เขาลองสัมผัสและมองดูแล้ว ก็ยิ้มกล่าวว่า “ผืนละยี่สิบตำลึง”
บุรุษผู้นั้นถอนใจยาวๆ เสียงหนึ่ง เขามองผู้อื่น แล้วก็มองตนเอง สินค้าของตนเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ
เจ้าของร้านอู๋พูดกับพ่อค้าว่า “พาเขาไปรับเงิน สองตำลึงเงินนะ ส่วนเจ้าก็ทิ้งหนังสัตว์ไว้ที่นี่”
ชายผู้นั้นกล่าวขอบคุณ ความจริงก่อนที่จะมายังสกุลโม่ เขาไปตกลงราคากับร้านผ้าและร้านรับซื้อหนังสัตว์โดยเฉพาะมาแล้ว และเป็นอย่างที่เจ้าของร้านโม่ว่าไว้ ไม่มีใครต้องการหนังสัตว์ที่รอยขาดถึงหกจุดเช่นนี้ ขายได้สองตำลึงเงินก็นับว่าไม่แล้ว
หลังจากบุรุษผู้นั้นจากไป ไป๋จื่อก็ชี้หนังเสือถามว่า “แล้วหนังเสือเป็นเงินเท่าไรเจ้าคะ”
เจ้าของร้านลูบหนังเสือทั้งผืนเสียรอบหนึ่ง ยิ่งลูบก็ยิ่งรู้สึกชอบใจ หนังผืนนี้ไม่เพียงมีสันสวยงาม ยิ่งไม่มีรอยขาดแม้สักจุด เป็นสินค้าชั้นเลิศโดยแท้!
“พวกเจ้าได้มาอย่างไร แม้แต่รอดขาดสักรอยก็ไม่มี เสือขาวตาลอยเช่นนี้ดุร้ายนัก!” เจ้าของร้านถาม
ไป๋จื่อยิ้มจาง “พวกข้าฆ่ามันได้บนภูเขาลั่วอิง โชคดีนักที่มันล้มลงตรงหน้าพวกข้าเอง พวกข้าจึงได้สินค้าพร้อมขายมาเช่นนี้”
เจ้าของร้านอู๋รู้ว่านี่เป็นคำพูดแสดงความถ่อมตัว ในเมื่อนางไม่อยากพูดมาก เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถาม เพราะอย่างไรมันก็เป็นของเขาแน่แล้ว
“พวกเจ้าเสนอราคามาได้เลย ขอเพียงเหมาะสม ข้าล้วนรับซื้อทั้งนั้น” เจ้าของร้านโม่ยิ้มกล่าว
ไป๋จื่อส่ายหน้า “คนตรงไปตรงมาอย่างพวกเราย่อมไม่พูดอ้อมค้อม พวกข้านำของนี้มาขายเป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าราคาทั่วไปคือเท่าไร”
นางมองสีหน้าของเจ้าของร้านอู๋ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “แม้จะนำมาขายเป็นครั้งแรก แต่จะไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปอาจจะต้องนำหนังสัตว์มารบกวนท่านอีก ส่วนราคา ท่านดูตามความเหมาะสมก็ใช้ได้ ข้าไม่หวังให้ท่านให้ราคาสูงกว่าตลาด ขอเพียงอย่าต่ำกว่าราคาตลาดก็พอเจ้าค่ะ”
เจ้าของร้านอู๋มองแม่นางน้อยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง ท่าทางนางอายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น แต่วาจากลับเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีเหตุผลชัดแจ้ง รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
เขามองหูเฟิงและอาอู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะ ทั้งสองคนดูท่าทางไม่ธรรมดา น่าจะเป็นบุตรชายจากครอบครัวที่มีฝีมือ ผูกมิตรกับพวกเขาไว้มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษ
“ตกลง แม่นางช่างตรงไปตรงมาเสียจริง เช่นนั้นข้าจะเสนอราคาก็แล้วกัน ปกติแล้วเสือตาลอยเช่นนี้มีราคาตลาดอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสามร้อยตำลึง หนังเสือของพวกเจ้าผืนนี้เรียกได้ว่าเป็นสินค้าชั้นเลิศ ข้าจะไม่พูดมากแล้ว สามร้อยตำลึงเป็นอย่างไร”
ไป๋จื่อยิ้มพลางพยักหน้า “ตกลง ขายเจ้าค่ะ!”
หนังหมาป่าผืนละยี่สิบตำลึง สามผืนก็เท่ากับหกสิบตำลึง บวกกับหนังเสือสามร้อยตำลึง ทั้งหมดสามร้อยหกสิบตำลึง นี่นับเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย
“ต้องการเงินสดหรือตั๋วเงิน” เจ้าของร้านอู๋ถาม
“ข้าขอสามร้อยตำลึงเป็นตั๋วเงิน ส่วนอีกหกสิบตำลึงเป็นเงินสดเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าวตอบ
เจ้าของร้านอู๋นำตั๋วเงินและก้อนเงินหกสิบตำลึงออกมาในทันที แล้วส่งทั้งหมดนั้นให้ไป๋จื่อ
“แม่นางชื่อแซ่อะไรรึ”
“ข้าแซ่ไป๋ ไป๋จื่อเจ้าค่ะ” นางยิ้มเรียบๆ
เจ้าของร้านอู๋ยิ้ม “ข้าแซ่อู๋ เป็นผู้บริหารควบตำแหน่งเจ้าของร้านของร้านผ้าแห่งนี้ ต่อไปหากเจ้ามีหนังสัตว์ก็นำมาหาข้า รับรองว่าข้าให้ราคาสูงกว่าร้านอื่นแน่นอน”
ไป๋จื่อพยักหน้า “เจ้าของร้านอู๋ก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน ข้าไป๋จื่อชอบผูกมิตรกับคนตรงไปตรงมาเป็นที่สุด หากวันหน้ามีโอกาส จะต้องมารบกวนท่านอีกแน่นอนเจ้าค่ะ”
เจ้าของร้านอู๋ส่งพวกเขาออกไป มองจนกว่ารถม้าจะลับสายตา ถึงจะกลับไปชื่นชมหนังเสือที่โถงด้านหลังต่อ
“หยุดก่อน หยุดก่อนเร็ว!” ไป๋จื่อเห็นมีร้านขายถังหูลู่อยู่ข้างนอก นึกถึงเรื่องที่รับปากหรูเอ๋อร์ตอนจะออกมาได้ จึงรีบเรียกอาอู่ที่อยู่ข้างนอกให้หยุดรถ
หูเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนเงยหน้าขึ้นมองนาง “มีอะไรหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...