คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 337

ตอนที่ 337 แบ่งเงิน

คนเล่าเรื่องพูดต่อว่า “คำกล่าวที่ว่าจิ้นอ๋องตายในสงคราม แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครเห็นกับตา ว่ากันว่าเกิดต้องเห็นร่าง ตายต้องเห็นศพ บางคนเชื่อว่าจิ้นอ๋องยังคงมีชีวิตอยู่ บางคนกลับปักใจเชื่อว่าจิ้นอ๋องตายแล้ว ความจริงของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบแน่ชัด”

มีคนด้านล่างเวทีถามอีก “หากจิ้นอ๋องตายในสงครามจริง เช่นนั้นตำแหน่งไท่จื่อไม่ตกเป็นของเซียวอ๋องแน่แล้วหรือ”

คนเล่าเรื่องยิ้มมีเลศนัย “ทุกสรรพสิ่งบนโลกไม่แน่นอน วันนี้ไม่อาจพูดเรื่องของพรุ่งนี้ โดยเฉพาะเรื่องในราชสำนัก หนึ่งวันยิ่งเปลี่ยนแปลงได้สามหน ไม่มีใครพูดได้แน่ชัดหรอก”

หูเฟิงมองถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวเขา บนผิวน้ำชาสีเหลืองอ่อนมีใบชาสีมรกตลอยอยู่หลายใบ เดิมทีผิวน้ำชาควรจะสงบนิ่ง แต่ลมจากเสียงหัวเราะในโถงทำให้เกิดระลอกคลื่นอยู่ตลอด

ในดวงตาสีดำทมิฬที่แต่ไหนแต่ไรล้วนเคร่งขรึม บัดนี้มีคลื่นคลั่งโหมขึ้นมา

ไป๋จื่อเรียกเสี่ยวเอ้อร์ “ห่อผลไม้แห้งพวกนี้ที พวกข้าจะนำกลับ” ขณะพูด นางก็ส่งเงินค่าชาและผลไม้ให้เสี่ยวเอ้อร์ไปด้วย

เสี่ยวเอ้อร์รีบไปนำกระดาษสีเหลืองที่ใช้สำหรับห่ออาหารมา สีหน้าของอาอู่ก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน เมื่อได้ยินไป๋จื่อพูด เขาก็หัวเราะแห้งๆ “ข้าเองก็อยากกลับไปเร็วหน่อยเหมือนกัน”

หลังจากเสี่ยวเอ้อร์ห่อผลไม้แห้งเรียบร้อยแล้ว ไป๋จื่อก็ถือข้าวของ มือข้างหนึ่งจูงมือหรูเอ๋อร์ ส่วนมืออีกข้างลากหูเฟิง เร่งฝีเท้าออกจากโรงน้ำชาไป

ระหว่างทางกลับหมู่บ้าน หูเฟิงไม่พูดจาเลยสักแอะ เอาแต่หลับตาพักผ่อน ดูท่าทางเงียบสงบเช่นเดิม ทว่ามือสองข้างที่วางอยู่บนหัวเข่ากลับกำเป็นหมัดอยู่ตลอดเวลา จนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาวซีดไปหมดแล้ว

เขาไม่พูด นางเองก็ไม่ถาม

หากเขาอยากพูด ย่อมพูดออกมาเอง หากไม่อยากพูด ถามไปก็มีแต่จะเพิ่มความลำบากใจให้เขา

เมื่อกลับถึงบ้าน หูเฟิงก็ก้มหน้าก้มตากลับไปที่ห้องของตนเอง

หูจ่างหลินเห็นท่าทางเขาเป็นเช่นนั้น จึงถามด้วยความสงสัย “เขาเป็นอะไรไป ดูท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย”

ไป๋จื่อส่ายหน้า “อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเจ้าค่ะ บาดแผลบนศีรษะของเขาก็ยังไม่หายดีด้วย”

ลุงหูไม่สงสัยอีก เขาเปลี่ยนเป็นยิ้ม ก่อนจะถามว่า “ขายหนังสัตว์เป็นอย่างไรบ้าง”

เด็กสาวรีบนำตั๋วเงินและก้อนเงินออกมาพร้อมกัน “ขายได้ทั้งหมดสามร้อยหกสิบตำลึงเจ้าค่ะ ข้าคิดไว้อย่างนี้ พวกเราสามครอบครัว ครอบครัวละร้อยตำลึง หลี่เฉิงและอู๋เจียงก็ช่วยออกแรงด้วย แบ่งให้พวกเขาครอบครัวละยี่สิบตำลึง ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบตำลึง พวกเราเก็บไว้ใช้ส่วนกลาง ค่าอาหารการกินทั่วๆ ไปก็ใช้เงินส่วนนี้”

หูจ่างหลินย่อมไม่มีความเห็น เพียงพยักหน้าด้วยความเบิกบานใจ

อาอู่กลับตกใจ เอาแต่โบกมือไม่ยอมหยุด “ไม่ได้หรอก ข้าไม่ได้ออกแรงอะไรเลย แบ่งให้ข้าเพียงยี่สิบตำลึงเหมือนกับพวกหลี่เฉิงก็พอแล้ว จะแบ่งให้ข้ามากเช่นนั้นได้อย่างไร”

ไป๋จื่อยัดตั๋วเงินใบนั้นใส่ในมือของเขา ยิ้มกล่าว “ท่านไม่ได้ออกแรง? หากไม่ใช่เพราะท่านไปถึงทันเวลา ข้ากับหูเฟิงอาจจะถูกหมาป่ากิน หรือไม่ข้าก็ถูกเสือกินไปแล้ว หากคิดดูดีๆ แล้ว ก็เป็นท่านนี่แหละที่ออกแรงมากที่สุด ข้าว่าแบ่งให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึงยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

หูจ่างหลินพูดเสริมเช่นกันว่า “จื่อยาโถวพูดถูก เจ้ารับไปอย่างสบายใจเถอะ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับแล้ว พวกข้าต่างหากที่เอาเปรียบเจ้า”

อาอู่ดีใจนัก ในที่สุดก็พยักหน้า “ตกลง เช่นนั้นข้าจะรับไว้”

“อนาคตข้างหน้าอีกยาวไกล พวกเราจจะมีแต่ชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าว

อาอู่พยักหน้าหงึกหงัก ในใจรู้สึกเป็นสุขถึงขีดสุด ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นเมื่อสามปีก่อน เขาก็ใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรไปพร้อมกับภรรยาและลูก ไม่มีมีวันที่ได้อยู่อย่างสงบสุขและสบายใจเลย นอกจากวรยุทธ์แล้ว เขาก็ไม่มีความสามารถใดอีก จึงทำงานหาเงินไม่ได้ ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้ากันหนาวและผ้าห่มในฤดูหนาว พวกเขาทั้งสามคนต้องกอดกันกลมเพื่อให้ความอบอุ่นกันและกัน แม้แต่บุตรสาวป่วยก็ไม่มีเงินเชิญหมอมารักษา ทำได้เพียงมองด้วยความร้อนใจเท่านั้น

หากไม่ได้พบไป๋จื่อและหูเฟิง เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร

……….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา