ตอนที่ 339 หนึ่งบ้านเก็บเกี่ยวหนึ่งหมู่
จางซื่อที่อยู่ข้างๆ โยนผักในมือทิ้ง ยืดตัวตรงเดินไปถึงด้านข้างสามี กล่าวต่อว่า “สะใภ้ใหญ่ หลายวันมานี้ฟู่กุ้ยของข้าไม่ค่อยสบายเช่นกัน กลัวว่าจะทำไร่นาไม่ไหว” ขณะพูดก็ชำเลืองมองไปทางเจ้ารองครั้งหนึ่ง
เจ้ารองรู้กัน เขายื่นมือทาบหน้าอก “วันนี้ข้าเองก็เดินตลอดทั้งวัน รู้สึกไม่ค่อยสบาย อึดอัดหน้าอกจนรู้สึกทรมาน เกรงว่าพรุ่งนี้คงทำไร่นาไม่ไหว”
หญิงชราได้ยินเข้าก็มีน้ำโห “เช่นนั้นไม่ได้หรอก ทำเสียวันนี้แหละ ขืนเสียวันอากาศดีๆ เช่นนี้ไป ยืดเยื้อออกไปอีกหลายวันแล้วมีฝนตกขึ้นมา เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว”
เจ้ารองลูบหน้าอกพลางกล่าว “แต่ข้ารู้สึกไม่สบายจริงๆ ถึงแม้จะไปที่ดินแล้ว ก็คงทำงานอะไรไม่ไหว”
หลิวซื่อรีบกล่าว “น้องรอง เมื่อครู่ตอนออกจากบ้านเจ้ายังดีๆ อยู่เลย เหตุใดพอพูดว่าจะลงดินทำงาน ก็เจ็บหน้าอกขึ้นมาเสียอย่างนั้น”
จางซื่อแค่นหัวเราะ “แล้วไม่ได้หรือ ตอนที่กินข้าวกลางวัน ข้าเห็นฟู่กุ้ยก็ยังสบายดีอยู่เช่นกัน คนอื่นกินข้าวถ้วยเดียว ส่วนเขากินข้าวตั้งสองถ้วย ฟู่กุ้ยกินไม่อิ่ม อยากจะตักจากถ้วยของเขาสักสองคำ เขากลับต่อว่าฟู่กุ้ยเสียงดัง พวกเจ้าเองก็ได้ยิน เหมือนคนป่วยหรือไม่เล่า เกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นหน้าแค่ไม่เท่าไร เขาก็ป่วยจนลงที่นาทำงานไม่ได้แล้วรึ เขาป่วยได้ แล้วไยคนอื่นจะป่วยบ้างไม่ได้”
หลิวซื่อมองตาขวาง ชี้หน้าจางซื่อ “จางซูเหมย เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าจะบอกว่าต้าเป่าของข้าแกล้งป่วยรึ”
จางซื่อแค่นหัวเราะอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปดันนิ้วของหลิวซื่อออก กล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ข้าเพียงอยากบอกเจ้าว่า บุตรชายของเจ้าคิดอยากจะป่วยก็ป่วยได้ บุตรชายและสามีของข้าก็ทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน อย่าเห็นว่าคนอื่นเป็นคนโง่ ส่วนเจ้ามีสมองอยู่คนเดียวสิ”
สีหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปแล้ว ในใจนางลำเอียงไปทางบ้านใหญ่ เอ็นดูหลานชายทั้งสองคนของบ้านใหญ่เป็นที่สุด ย่อมรู้ดีว่าต้าเป่าแกล้งป่วย จึงคิดแผนการเอาไว้แล้ว ทว่าตอนนี้บ้านรองไม่ยอมแพ้ แล้วนางจะทำอะไรได้
“เช่นนั้นพวกเจ้าว่าควรทำอย่างไรกับที่ดินสองหมู่ ไม่เก็บเกี่ยวหรือ หากไม่เก็บเกี่ยว ฤดูหนาวปีนี้ก็ต้องกินลมตะวันตกเฉียงเหนือกันทั้งหมด”
“ไม่ใช่ไม่เก็บเกี่ยว ทว่าต้องแบ่งกันเก็บเกี่ยวอย่างยุติธรรม บ้านใหญ่มีสี่คน บ้านรองมีสี่คน พอดีเลย บ้านหนึ่งเก็บเกี่ยวหนึ่งหมู่ ไม่มีใครเอาเปรียบใคร” จางซื่อกล่าว
หลิวซื่อพลันพูดด้วยความร้อนใจ “เช่นนั้นได้อย่างไร ขาของเจ้าใหญ่ยังไม่หายดี เขาลงดินทำงานไม่ได้ แล้วจะเก็บเกี่ยวอย่างไร”
จางซื่อมองหลิวซื่ออย่างเย็นชา ซ่อนความดูถูกในแววตาไว้ไม่มิด “เรื่องนั้นข้าไม่สนหรอก เจ้ายังมีบุตรชายอีกสองคนไม่ใช่หรือ แต่ละคนตัวสูงใหญ่อย่างกับม้า หรือคิดจะเลี้ยงให้หมกตัวอยู่ในบ้านอย่างกับคุณหนู”
หลิวซื่อโมโหจนกระทืบเท้า ชี้หน้าต่อว่าจางซื่ออีก “ชั่วช้านัก พูดมั่วอะไรของเจ้า เจ้าต่างหากที่เลี้ยงลูกชายเหมือนกับคุณหนู ต้าเป่าของข้าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยกินแรง ทว่าเจออากาศร้อนๆ เข้าจึงไข้ขึ้น เสี่ยวเฟิงก็ต้องเรียนหนังสือ จะลงนาทำงานได้อย่างไร ต่อไปเสี่ยวเฟิงจะต้องเป็นขุนนาง เจ้าพูดจาสกปรกเช่นนี้ ระวังวันหน้าเขาจะจับเจ้าเข้าคุก”
จางซื่อหัวเราะเสียงดัง “ไอ้หยา ข้ากลัวเสียเหลือเกิน ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้เสี่ยวเฟิงของเจ้าจะสอบได้ลำดับที่เท่าไร หากเขาอยากเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นลำดับที่หนึ่งกระมัง”
หลิวซื่อตะลึงตาค้าง นางไม่รู้ว่าสอบแล้วยังต้องจัดลำดับด้วย เพราะเสี่ยวเฟิงไม่เคยพูดถึงมาก่อน นางเองก็ไม่เคยถามเขาเช่นกัน ว่าสอบจอหงวนมีการจัดลำดับอะไรหรือไม่
นางเชิดหน้า พลางตะคอกใส่จางซื่อ “ด้วยพรสวรรค์ของเสี่ยวเฟิง ย่อมได้ลำดับที่หนึ่งสิ เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
เดิมทีจางซื่อไม่อยากมีเรื่องกับนาง ทว่าเมื่อพูดกันมาถึงตรงนี้แล้ว หากไม่จู่โจมออกไปสักครั้ง นางก็คงจะกลั้นความโมโหนี้เอาไว้ไม่ได้จริงๆ
“ลำดับที่หนึ่งจริงๆ นั่นแหละ แต่ลำดับนี้อาจจะกลับตาลปัตรก็ได้”
หลิวซื่องงงัน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร อะไรกลับตาลปัตร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...