คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 347

ตอนที่ 347 ร้องขอความช่วยเหลือ

หูเฟิงรู้ว่าต้นซานจาอยู่ตรงไหน บริเวณนั้นมีป่าผืนเล็กอยู่แห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีต้นซานจาอยู่หลายต้นจริงๆ ตอนเก็บถั่วลิสงเมื่อปีที่แล้วมีเด็กๆ ตกจากต้นไม้ตายเพราะเก็บผลซานจาด้วย

“เจ้าอย่าเพิ่งไป รอข้าเกี่ยวข้าวสาลีตรงนี้เสร็จก่อน ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”

ไป๋จื่อก้มหน้าก้มตาเก็บหม้อและชาม จึงมองไม่เห็นท่าทางจริงจังของเขา ยังคิดว่าเขาก็แค่พูดเท่านั้น จึงตอบรับไปเรื่อยเปื่อยว่า “ดีเลย!”

หูเฟิงนำเคียวไปเกี่ยวข้าว ส่วนนางยกข้าวของกลับไปบนรถม้า หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ก่อนหน้านี้เตรียมมาด้วย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังป่าผืนเล็กที่อยู่ไกลออกไป

ป่าผืนนั้นห่างจากทุ่งข้าวสาลีของหมู่บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง ทว่าอยู่ใกล้กับที่ดินปลูกถั่วลิสง ตอนนี้ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการเกี่ยวข้าว ที่ดินปลูกถั่วลิสงตรงนี้จึงไม่มีใครอื่น

ขณะเดินอยู่บนทางเส้นเล็กๆ ใกล้จะเข้าไปในผืนป่าแล้ว ก็มีเด็กอายุเจ็ดแปดขวบสองคนถลันออกมาจากในป่า สีหน้าตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก คนหนึ่งในนั้นสะดุดล้มระหว่างทาง ตกลงไปในที่ดินปลูกถั่วลิงที่อยู่ข้างทาง ส่วนเด็กที่อยู่ข้างหน้าไม่สนใจเขา เอาแต่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งตามหลังมาก็ไม่ปาน

เด็กคนที่สะดุดล้มตะกายขึ้นมาจากในที่ดินปลูกถั่วลิสงแล้ว หลังจากปัดดินเลนบนเสื้อผ้าออกอย่างลวกๆ เขาก็วิ่งไปพร้อมกับผมกระเซอะกระเซิง

เดิมทีไป๋จื่อคิดจะไถ่ถามเขาสักสองคำ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก เด็กคนนั้นก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงาแล้ว เด็กชายคนที่วิ่งนำหน้าไปก่อนนั้นนางไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่านางรู้จักคนที่อยู่ด้านหลัง นั่นคือลูกชายคนเล็กของบ้านหวังต้าหนิว ครั้งก่อนหวังต้าหนิวพาเด็กชายคนนี้มาซื้อข้าวจากนาง เขาซุกซนทีเดียว อีกทั่งตะกละตะกลามนัก ตอนนั้นบนโต๊ะในบ้านวางหมั่นโถวที่กินเหลือจากมื้อเช้าอยู่สองสามลูก เขาเห็นเข้าแล้วก็บอกกว่าหิว จ้าวหลานจึงหยิบให้เขาชิ้นหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้กินหมั่นโถวไปสองคำแล้วก็ซ่อนไว้ในอกเสื้อ ก่อนจะบอกว่าหิวอีกแล้ว

จ้าวหลานใจดี ให้เขาไปหยิบเอง เขาจึงซ่อนหมั่นโถวสี่ลูกที่เหลืออยู่ในถาดไว้ในอกเสื้อทั้งหมด หวังต้าหนิวเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ ในดวงตามีแววขบขันด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าชื่นชมพฤติกรรมของบุตรชาย แม้กระทั่งกลับไปแล้วอาจจะชมว่าฉลาดด้วยซ้ำไป

ต่อมาในบรรดาคนที่นำข้าวและแป้งไปขายต่อในราคาสูงเหล่านั้น ก็มีหวังต้าหนิวอยู่ด้วยเช่นกัน เขาเองเคยทะเลาะเบาะแว้งกับสกุลหูมาก่อน จึงนับว่าผูกพยาบาทกับนางด้วยเช่นกัน

นางเดินหน้าต่อไป ครั้นผ่านที่ดินปลูกถั่วลิสงที่ถูกเด็กสกุลหวังล้มทับเมื่อครู่ นางเหลือบไปเห็นผลซานจาที่กระจายอยู่ในที่ดิน ยังมีผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ห่อผงซานจาด้วยอีกผืนหนึ่ง

บนผ้าเช็ดหน้าปักตัวอักษร ‘อวิ๋น’ เอาไว้ด้วย น่าจะเป็นชื่อแม่ของเขา

เด็กสาวเก็บผ้าเช็ดหน้าและผลซานจาที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมา ในใจคิดว่าหากพบเด็กคนนี้ค่อยคืนให้เขา เขากลับบ้านไปแล้วจะได้ไม่ถูกตี

ทว่าเดินหน้าต่อไปอีกสองสามก้าว จู่ๆ ก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือแผ่วเบาดังมา ทีแรกนางคิดว่าตนเองหูฝาดไป จึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เพื่อตั้งใจฟังอย่างละเอียดอีกสักรอบ ก่อนจะพบว่ามีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากในป่าจริงๆ

นางรีบถือกระบอกไม้ไผ่วิ่งเข้าไปในป่า เสียงนั้นเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย แผ่วเบาและแหบพร่ายิ่ง ชัดเจนว่าสถานการณ์ของคนผู้นี้ไม่ค่อยดีแล้ว

ใต้ต้นซานจาที่สูงใหญ่ต้นหนึ่ง นางพบคนที่ร้องขอความช่วยเหลือแล้ว เป็นเด็กคนหนึ่งตามที่นางคาดไว้ น่าจะอายุประมาณแปดเก้าปี ข้างกายของเขามีผลซานจากระจัดกระจายอยู่มากมาย บนเสื้อสีเขียวเข้มมีรอยสีแดงเข้มปรากฏอยู่ทั่ว ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ นางแยกไม่ออกจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วรอยนั้นคือเลือด หรือน้ำจากผลซานจากันแน่

ไป๋จื่อโยนกระบอกไม้ไผ่ในมือทิ้งไป แล้วก้าวไปยังข้างๆ ของเด็กคนนั้น “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นรึ” นางยื่นมือไปจับข้อมือของเด็กชาย ชีพจรถี่กระชั้น ไม่มีแววอ่อนกำลัง นางจึงถอนใจด้วยความโล่งอก

เด็กชายคนนั้นมองนางพร้อมใบหน้าซีดขาว น้ำตาเอ่อล้นออกมา “เจ็บ เจ็บเหลือเกิน!”

……….

ตอนที่ 348 แกล้งเจ็บเพื่อเอาเงิน

“เจ็บตรงไหน” ขณะถาม สายตาของนางมองไปบนขาของเด็กชาย รูปร่างของขาทั้งสองข้างนั้นดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

“ขา เจ็บขามาก ขยับไม่ได้…” เสียงของเด็กชายแหบพร่า ก่อนหน้านี้เขาคงออกแรงร้องไห้เสียงดังเป็นแน่ ตอนนี้จึงร้องไม่ออกแล้ว

ไป๋จื่อดึงกางเกงของเขาขึ้น เพื่อตรวจดูบาดแผลในทันที และเป็นอย่างที่นางคิดไว้ หน้าแข้งบวมปูดจนผิดรูปชัดเจนมาก เป็นอาการกระดูกหน้าแข้งหักตามแบบฉบับ

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว นางก็พูดกับตนเองว่า “โชคดีที่หักในแนวนอน ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จัดกระดูกแล้วค่อยใช้ไม้ดามไว้ก็ใช้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

นางกล่าวกับเด็กชายว่า “ข้าจะช่วยเจ้าพันแผลก่อน เจ็บหน่อย เจ้าอดทนไว้นะ”

เด็กชายกลั้นน้ำตา พลางถามว่า “มือซ้ายของข้าก็ขยับไม่ได้ จะพิการหรือไม่”

ไป๋จื่อกวาดสายตามองเขนของเขา นางพูดยิ้มๆ “แค่ข้อต่อเคลื่อนเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ข้าช่วยเจ้าเชื่อมสักหน่อยก็หายแล้ว” นางพูดไปพร้อมๆ กับยื่นมือไปกดเขนซ้ายของเด็กชายเอาไว้ เดี๋ยวบิด เดี๋ยวดัน จนกระทั่งมีเสียง ‘กรอบ’ ดังขึ้น เด็กชายแม้กระทั่งไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แขนของเขาก็กลับมามีความรู้สึกดังเดิมแล้ว

นางไม่ได้นำไม้ดามติดตัวมาด้วย ทำได้เพียงเสาะหากิ่งไม้ที่เหมาะสมมาดามไว้อย่างง่ายๆ ก่อนจำนวนหนึ่ง เมื่อกลับถึงหมู่บ้านแล้ว ค่อยให้พ่อกับแม่ของเขาพาไปหาหมอลู่ อย่างไรเสียหมอลู่ก็มีไม้ดามอยู่มากมายนัก

เด็กสาวใช้กิ่งไม้ดามหน้าแข็งที่กระดูกหักของเด็กชายด้วยผ้าคาดเอวของเขา แล้วถึงแบกเด็กชายขึ้นบนหลัง ขณะกำลังจะออกไปจากที่นี่ นางก็เห็นชายและหญิงห้าหกคนวิ่งมาทางตนด้วยความรีบร้อน

สตรีคนหนึ่งเห็นเด็กชายที่ไป๋จื่อแบกไว้บนหลังแล้ว นางก็ย่างสามขุมเข้ามาหา “ตงจื่อ ลูกชายข้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

ตงจื่อคว่ำหน้าอยู่บนหลังของไป๋จื่อ ทันทีที่เห็นบิดามารดาของตนเข้ามา เขาก็หดร่างด้วยความกลัว ในแววตาเต็มไปด้วยความตระหนก

“ท่านพ่อ ท่านแม่…”

สตรีคนนั้นยื่นมือไป คิดจะประคองตงจื่อลงจากหลังของไป๋จื่อ ทว่าไป๋จื่อรีบพูดว่า “ต้องระวังหน่อย กระดูกหน้าแข้งของเขาหัก ก่อนหน้านี้ข้อต่อแขนก็เคลื่อน ข้าเพิ่งจะเชื่อมข้อต่อให้เขา แต่ก็ไม่อาจออกแรงกับเขามากได้ ไม่เช่นนั้นข้อต่อของเขาอาจจะเคลื่อนซ้ำสองได้”

อีกฝ่ายประคองตงจื่อลงจากหลังของไป๋จื่ออย่างระมัดระวัง ก่อนจะถลึงตามองไป๋จื่อด้วยแววตาดุร้าย “ไยจิตใจของเด็กสาวเช่นเจ้าถึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ เพื่อผลซานจาไม่กี่ลูก ต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ ทำร้ายตงจื่อของข้าจนมีสภาพเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดจะชดใช้อย่างไร”

ไป๋จื่อชะงักงัน นี่มันอะไรกัน นางไปทำร้ายบุตรชายของนางตั้งแต่เมื่อใด เมื่อครู่บุตรชายของนางน่าสงสารนัก ตนถึงได้ลงมือช่วยเหลือ เหตุใดตอนนี้ถึงมาขู่เข็ญกันได้เล่า

เด็กสาวพูดกับแม่ของตงจื่อว่า “เจ้าถามลูกชายบ้านเจ้าดู ว่าแท้จริงแล้วใครทำร้ายเขากันแน่”

สตรีนางนั้นแค่นหัวเราะ “ยังต้องถามอีกหรือ ที่นี่มีเจ้าอยู่เพียงลำพัง นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครอีกที่ไหน”

ไป๋จื่อขมวดคิ้ว “ให้เจ้าถามก็ไม่ถาม แล้วเหตุใดถึงรู้ว่าเป็นข้า”

บุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆ แม่ตงจื่อทำหน้าบึ้งตึง เขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นเจ้าใหญ่สกุลเจี่ยที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความขี้เกียจ เขาพูดกับไป๋จื่ออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าทำร้ายลูกชายของข้า ทุกคนล้วนเห็น เจ้าอย่าได้คิดจะปฏิเสธเลย”

เด็กสาวกวาดสายตามองพวกเขาสองคน ถามว่า “พวกเจ้าเห็นข้าทำร้ายลูกชายเจ้ารึ”

พวกเขาสองสามีภรรยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเป็นฝ่ายหญิงที่เอ่ยปากว่า “แม้จะไม่ได้เห็นกับตา แต่ที่นี่มีเพียงเจ้าอยู่ลำพัง”

เด็กสาวกลอกตาขาว ไม่อยากพูดจามากความกับคนเหล่านี้อีก จึงหันไปถามตงจื่อว่า “เจ้าบอกพ่อแม่เจ้าสิ ว่าเจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร”

เด็กชายคอตก ใบหน้าตื่นกลัว ได้แต่พึมพำไม่กล้าพูดเต็มเสียง

เจ้าใหญ่เจี่ยตะคอกใส่บุตรชายว่า “เจ้าเป็นใบ้รึ พูดไม่เป็นหรือไร รีบพูดออกมาสิ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา