คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 397

ตอนที่ 397 ขนมไหว้พระจันทร์

ไป๋เจินจูส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ผู้ชายอย่างหูเฟิงจะชอบเด็กกะโปโลอย่างไป๋จื่อได้อย่างไร นางไม่คู่ควรกับเขา”

จางซื่อไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรในทันที ถึงอย่างไรเสียเจินจูก็เป็นบุตรสาวของตน ในสายตาของนาง เจินจูย่อมดีที่สุด ขณะเดียวกันนางก็เข้าใจเช่นกัน ว่าเจินจูอาจจะไม่ได้ดีที่สุดในสายตาของคนอื่น

เจ้ารองเป็นบุรุษ พูดจาตรงไปตรงมา ไม่ได้คิดมากมายเหมือนสตรี เขากล่าวกับไป๋เจินจูว่า “เจินจูเอ๋ย เจ้าก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทั้งยังรู้เรื่องในบ้านของพวกเราดี หูเฟิงผู้นี้กับพวกเราสกุลไป๋เป็นศัตรูกัน ถึงแม้ไม่มีไป๋จื่อ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดองกับพวกเราสกุลไป๋ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

ไป๋เจินจูส่ายหน้าอีก สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย “ไม่ ข้าไม่เข้าใจ พวกท่านก็คือพวกท่าน ข้าก็คือข้า ข้ากับเขาไม่ได้ผูกใจเจ็บเป็นศัตรูกัน เรื่องของข้ากับเขาจะเป็นไปไม่ได้เพราะพวกท่านได้อย่างไร”

เจ้ารองอยากจะโน้มน้าวต่อ แต่ไป๋เจินจูกลับไม่อยากฟังอีก นางถลันออกจากห้องไปพร้อมดวงตาแดงก่ำแล้ว

สองสามีภรรยาเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จางซื่อจะเอ่ยขึ้นว่า “ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าข้าจะเป็นแม่สื่อให้นาง และต้องเป็นช่วงก่อนที่หูเฟิงจะกลับมาด้วย ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะจัดการอะไรได้เลย”

เจ้ารองพยักหน้า “ถูกต้อง เจินจูอายุไม่น้อยแล้ว ขืนชักช้าต่อไปก็ยิ่งไม่ดีต่อนาง หากมีใครได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ยิ่งไม่เป็นการดีแน่”

สกุลหู

ก่อนหน้านี้ไป๋จื่อซื้อของว่างและขนมไหว้พระจันทร์จากร้านสรรพรสมาให้หัวหน้าหมู่บ้านสองชิ้น

หัวหน้าหมู่บ้านเอาแต่ปฏิเสธว่า “เจ้าให้ข้าชิ้นเดียวก็พอแล้ว สองชิ้นมากไป ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”

“ชิ้นหนึ่งให้พวกท่านสองคนกิน ส่วนอีกชิ้นหนึ่งให้ท่านอาหวังกับท่านน้าสะใภ้กิน ท่านอย่าปฏิเสธอีกเลยนะเจ้าคะ” ไป๋จื่อกล่าว

หัวหน้าหมู่บ้านถือขนมสองชิ้น พลางถอนใจยาวๆ เสียงหนึ่ง เขารู้เจตนาของจื่อยาโถวดี เด็กสาวอยากใช้สิ่งของเหล่านี้ปิดปากของหลี่ซื่อ นางจะได้ไม่เอาแต่หาเรื่องจะไล่ครอบครัวของอาอู่ไปเช่นนี้

จะโทษก็ต้องโทษที่เขาแก่แล้ว ใช้การไม่ได้ จัดการลูกสะใภ้คนนี้ไม่ได้

ไป๋จื่อเห็นเขารับไปในที่สุด คราวนี้ถึงได้พูดว่า “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านเจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไรหรือ เจ้ารีบพูดมาเร็ว” หัวหน้าหมู่บ้านรีบถาม

“อีกสองสามวันบ้านใหม่ของข้าก็จะสร้างเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นเก็บกวาดสักหน่อยก็เข้าไปอยู่ได้ ข้าอยากรับพวกพี่อู่ไปอยู่ด้วยกันเจ้าค่ะ” เด็กสาวพูด

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะหลายวันมานี้หลี่ซื่อมาหาเรื่องพวกเขาที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง คนในหมู่บ้านล้วนรู้ดี เพื่อปิดปากของหลี่ซื่อผู้นี้ เขาต้องมอบเงินค่าเช่าห้องจากอาอู่ให้นาง แต่นางกลับยังไม่พอใจ ยังคงหาเรื่องอาอู่และครอบครัวไม่รู้จักจบสิ้น เพียงเพราะอยากจะได้เงินมากกว่านี้

เขาถอนใจเสียงหนึ่ง “เขาย้ายไปก็คงดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทนรับอารมณ์ของลูกสะใภ้ข้า เอาอย่างนี้ คราวหน้าข้าจะนำเงินค่าเช่าห้องก่อนหน้านี้มาคืนให้เจ้านะ”

ไป๋จื่อรีบโบกมือ “ไม่ต้องเจ้าค่ะ ไม่ต้องคืนค่าเช่าห้องหรอก เดิมทีพวกข้าเป็นคนพูดเองว่าจะเช่าอยู่หนึ่งปี ตอนนี้พวกข้าตัดสินใจไม่อยู่เอง ไม่เกี่ยวกับท่าน เช่นนั้นก็ไม่ต้องคืนเงินค่าเช้าห้องนะเจ้าคะ”

หัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าบึ้ง “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบผู้อื่นพรรค์นั้น คนก็ไม่อยู่แล้ว ไหนเลยจะรับเงินของพวกเจ้าได้ ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”

เด็กสาวกลอกตาครั้งหนึ่ง ก่อนจะยื่นคำขาดว่า “คนไม่อยู่จริงเจ้าค่ะ แต่สิ่งของก็ยังอยู่ที่บ้านของพวกท่าน บ้านของข้าเล็กนัก วางของได้ไม่มากมายเท่าไร ถือเสียว่าข้าเช่าห้องของท่านไว้เก็บของแล้วกันนะเจ้าคะ”

อาอู่มีข้าวของมากมายเท่าไรไยเขาจะไม่รู้ ต่อให้ห้องเล็กมากกว่านี้ก็ย่อมวางสิ่งของเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน “จื่อยาโถว ข้ารู้เจตนาดีของเจ้า แต่ให้ตายอย่างไรข้าก็รับเงินนี้ไว้ไม่ได้”

ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “ข้าไม่ได้มีเจตนาดีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าต้องการเช่าห้องของท่านไว้วางของจริงๆ ไม่ใช่แค่ข้าวของของพี่อู่ ยังมีของของข้ากับท่านแม่ด้วย พวกข้าไม่ได้จะคืนห้องให้ท่านเจ้าค่ะ”

……….

ตอนที่ 398 ท่านลุงหูเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากโน้มน้าวซ้ำๆ อีกรอบหนึ่ง ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็ยอมแพ้ไป๋จื่อ เขาถอนใจเสียงหนึ่ง ความรู้สึกตอนนี้ชัดแจ้งคล้ายกับได้ส่องกระจก เด็กสาวไป๋จื่อผู้นี้ไหนเลยจะต้องการเช่าห้องของเขาเพื่อวางสิ่งของ นางไม่อยากให้เขาลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด เรื่องที่เงินเช่าห้องเข้ากระเป๋าของหลี่ซื่อ คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนรู้ดี แล้วนางจะไม่รู้ได้อย่างไร

หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว จ้าวซู่เอ๋อที่กำลังเก็บของก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนดีจริงๆ บุตรชายของเขาก็ซื่อสัตย์จริงใจ เหตุใดเขาแต่งกับสะใภ้พรรค์นั้นได้กัน!”

ไป๋จื่อเอ่ยเสียงเรียบ “ทุกบ้านล้วนมีปัญหาเป็นของตนเอง นี่อาจจะเป็นชะตากรรมของเขา โชคดีที่ทั้งสองบ้านไม่ได้อยู่ร่วมกัน ไม่เช่นนั้นชีวิตคงมีแต่ความน่าลำบากใจมากกว่านี้แน่”

ครั้นกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ไป๋จื่อก็กลับไปที่เรือน นางบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง ขณะกำลังคิดถึงเรื่องปลูกสมุนไพร จู่ๆ นางก็นึกถึงจดหมายของเมิ่งหนานขึ้นมาได้ จึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากใต้หมอน

ตัวหนังสือบนซองจดหมายเป็นระเบียบมาก ท่ามกลางความเป็นระเบียบก็เจือความงดงามเอาไว้ด้วย เด็กสาวหยิบจดหมายออกมาจากด้านใน ทั้งหมดมีถึงสามแผ่น แต่ละแผ่นมีตัวหนังสือเขียนไว้จนเต็มพื้นที่

เขาบอกว่าเสบียงอาหารที่นางทำให้อร่อยมาก แต่น่าเสียดายที่กินหมดตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว หลังจากนั้นเขาก็คิดถึงฝีมือการทำอาหารของนางทุกวัน แม้แต่ดื่มชาหรือกินข้าวก็ไม่อยากทำ

ระหว่างทางกลับเมืองหลวงนั้น พวกเขาพบโจรกลุ่มหนึ่งด้วย แต่โชคดีที่องครักษ์จากสกุลเมิ่งมีจำนวนมากพอ บวกกับนำเงินทองติดมาน้อยนัก จึงนับได้ว่าเขารอดพ้นอันตรายไปได้อย่างปลอดภัย กระนั้นฝ่ายเขาเองก็เสียหายอย่างหนัก มีคนตายไปหลายคน รถม้าก็เสียหายด้วย ทำได้เพียงเดินเท้าไปวางแผนการใหม่ที่หมู่บ้านบริเวณใกล้เคียง

เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้เรียกเขาไปเข้าเฝ้า และพระราชทานตำแหน่งขุนนางที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ให้เขา เงินเดือนตำแหน่งนี้แม้จะไม่สูงมาก แต่ก็นำไปใช้จ่ายได้สบายกว่ายามที่อยู่ที่เมืองชิงหยวนนัก

เขาคิดถึงชีวิตที่เมืองชิงหยวนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจากที่ได้พบนางแล้ว และเขาหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้งในเร็ววัน

อีกทั้งเขาบอกว่า เขารอจดหมายตอบกลับของนางอยู่เสมอ และขอเพียงนางอยากเข้าเมืองหลวง เขาจะส่งคนมารับนางทันที

“กำลังอ่านอะไรอยู่หรือ” จ้าวหลานเข้ามาในเรือน เห็นบุตรสาวกำลังถือจดหมายอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ

นางพับจดหมายที่อ่านจบแล้ว ใส่มันเข้าไปในซองจดหมาย ยิ้มกล่าวว่า “จดหมายของเมิ่งหนานเจ้าค่ะ ข้าลืมอ่านมันเสมอเลย วันนี้พบพี่ใหญ่เฉินเข้า เขาเตือนข้าเรื่องจดหมาย ข้าถึงนึกขึ้นมาได้”

“ในจดหมายว่าอย่างไรบ้างเล่า” จ้าวหลานยิ้มถาม

ไป๋จื่อสอดจดหมายกลับเข้าไปใต้หมอน พลางส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เขาเพียงบอกว่ากลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว ถามข้าว่าพวกเราสบายดีหรือไม่ อยากไปเมืองหลวงหรือไม่”

จ้าวหลานนั่งลงข้างๆ เด็กสาว จับมือนางพร้อมกับเอ่ยถาม “จื่อเอ๋อร์ เจ้าอยากไปเมืองหลวงหรือไม่ หากเจ้าอยากไปก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงแม่นะ แม่ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงได้อยู่ข้างกายเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ได้”

เด็กสาวรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก นางรู้จักนิสัยของจ้าวหลานดี จ้าวหลานเป็นคนที่ไม่ชอบความอึกทึกครีกโครม ชีวิตในหมู่บ้านตามป่าเขาเช่นนี้จึงเหมาะกับจ้าวหลานที่สุดแล้ว

“ท่านแม่ ข้าเพียงอยากมีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กับท่านที่นี่ เรื่องอื่นข้าไม่อยากคิดถึงทั้งนั้น” นางพลิกมือขึ้นมาจับมือของจ้าวหลานไว้ รอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่บนดวงหน้า “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากถามท่าน ท่านคิดว่าท่านลุงหูเป็นอย่างไรบ้าง”

จ้าวหลานหน้าแดงเถือกโดยพลัน รีบชักมือของตนเองกลับ กล่าวด้วยความเหนียมอายว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ถามอะไรของเจ้า”

“ท่านแม่ ข้าถามอะไรท่านก็รู้อยู่แก่ใจดีกระมัง รีบบอกข้ามาเถอะ”

ใบหน้าของจ้าวหลานราวกับมีไฟแผดเผา นางมองตาขวางใส่จื่อเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจอะไรกัน พูดจามั่วซั่วให้น้อยๆ หน่อยเถอะเจ้าน่ะ ข้าจะไปตักน้ำ ส่วนเจ้าก็พักผ่อนเสีย”

ไป๋จื่อมองเงาหลังของจ้าวหลานจากไปด้วยความลนลาน นางรู้สึกเบิกบานใจนัก ด้วยไม่เคยเห็นจ้าวหลานมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าขวยเขินเหมือนกับเด็กสาวแรกรุ่นเช่นนั้น ดูท่านางจะเดาไม่ผิดแล้วล่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา