คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 411

ตอนที่ 411 โจวกัง

เมื่อเสี่ยวเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พลันมีรอยยิ้มเบ่งบานบนใบหน้า เขาพยักหน้าขอบคุณผู้คุมหงึกหงัก แล้วสาวเท้าหมายจะเดินเข้าไปข้างใน

มุมปากของผู้คุมคนนั้นยกยิ้มเล็กน้อย สายตามองไปทางอื่น แต่เท้ากลับยื่นไปทางเสี่ยวเฟิง

เสี่ยวเฟิงคิดแต่จะเดินเข้าไป จึงไม่ได้สังเกตท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คุม และไม่คาดคิดเช่นกันว่าผู้คุมจะยื่นขามาขัดขาเขา เท้าที่สาวออกไปจึงเกี่ยวเข้ากับขาที่ยื่นออกมากะทันหันโดยพลัน ทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มเสียสมดุลทันที จะล้มหน้าทิ่มลงกับพื้น

หูเฟิงเป็นคนที่เคยฝึกวรยุทธ์มา หูตาว่องไว ขณะที่เขาเห็นขาของผู้คุมยื่นออกมา มือของเขาก็ยื่นออกไปแล้วเช่นกัน คว้าหมับเข้าที่แขนของเสี่ยวเฟิงได้ทันท่วงที “ระวังๆ ดูทางหน่อย เจ้าล้มไปไม่เป็นไรหรอก แต่จะล้มใส่นายทหารสองคนนี้ไม่ได้”

“ขอรับๆ ข้าไม่ระวังตัวเอง” เสี่ยวเฟิงพยักหน้าพร้อมหน้าซีดเผือด

ชายหนุ่มกวาดสายตามองผู้คุมที่จงใจจะขัดขาด้วยความเย็นชา ความอำมหิตในแววตาราวกับแฝงมีดแหลมคมไว้มากมาย

ผู้คุมคนนั้นไม่เห็นทั้งสองคนอยู่ในสายตาอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เห็นสายตาเฉียบคมของหูเฟิงโดยสิ้นเชิง เพียงทำหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง วางอำนาจไปทั่ว

เสี่ยวเฟิงเห็นว่าสีหน้าของหูเฟิงดูไม่ค่อยสบอารมณ์ จึงรีบจูงมือเขาเดินไป “พี่หู ข้าไม่เป็นไร พวกเราไปเถอะ”

หูเฟิงแอบจดจำหน้าตาขี้เหร่ของสองคนนั้นไว้ กดกลั้นอารมณ์โกรธนี้ไว้ชั่วคราว ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาต้องระบายโทสะออกมา ระบายออกมาอย่างแรงเสียด้วย

ค่ายบูรพาที่เจ็ดไม่เหมือนกับค่ายอื่นๆ กระโจมที่นี่มีรั้วไม้ล้อมอยู่ด้านนอก เป็นการแบ่งแยกค่ายบูรพาที่เจ็ดจากค่ายอื่น

เสี่ยวเฟิงชี้ไปยังกระโจมที่อยู่ด้านหน้า “ตรงนั้นแหละ”

ผู้คุมที่อยู่ข้างนอกกระโจมกำลังสัปหงกอยู่ แม้กระทั่งพวกเขาเดินเข้าไปใกล้แล้วก็ยังไม่ตื่น

ภายในค่ายบูรพาที่เจ็ดเงียบมาก เงียบจนน่าแปลก

บริเวณนี้มีกระโจมทั้งหมดสามหลัง เพียงแต่กระโจมตรงหน้ามีผู้คุมเฝ้าอยู่ด้วย ดูท่าทางมีแค่ในกระโจมหลังนี้เท่านั้นที่ขังคนไว้ ส่วนกระโจมหลังอื่นล้วนว่างเปล่า ทว่าถึงแม้จะไม่ว่าง ก็คงไม่ได้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ไว้แน่นอน

หูเฟิงส่งเสียงชู่ให้เสี่ยวเฟิง เป็นการบ่งบอกให้เด็กชายอย่าได้ส่งเสียงปลุกผู้คุม จะได้ไม่เกิดการกลั่นแกล้งเหมือนกับที่ผู้คุมหน้าค่ายสองคนนั้นทำ

ทั้งสองคนเข้าไปในกระโจมอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะมีกลิ่นเหม็นสายหนึ่งโชยมาปะทะใบหน้า

มีทั้งกลิ่นมูลที่ยากจะทานทน กลิ่นเน่าๆ หลังจากผิวหนังเกิดหนอง ไปจนถึงอาหารเน่าเสีย ปะปนอยู่ด้วยกันทั้งหมด ฉุนจมูกยิ่งนัก

ตั้งแต่เสี่ยวเฟิงเข้ามาในกระโจม น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุดหย่อน เขาตั้งใจอดทนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นสภาพน่าเวทนาของคนข้างในแล้ว เขาจะอดทนต่อไปได้อย่างไรกัน

หูเฟิงจับมือของเขาไว้แน่น มือของเขาทั้งอบอุ่นและมีพลัง “อย่าส่งเสีย เจ้าถือไว้ก่อนนะ” แม้เขาจะยังมองไม่เห็นนักโทษเหล่านั้นชัดเจน แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจรางๆ ว่าคนเหล่านี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับตนเองก็เป็นได้

หลังจากส่งกล่องอาหารให้เสี่ยวเฟิงแล้ว เขาก็หมุนกายออกจากกระโจมไป มองไปทั้งทางซ้ายและขวา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอื่น เขาถึงจะยื่นแขนไปทางผู้คุมที่หลับไม่ยอมตื่น ทำให้ผู้คุมสลบเหมือดไปโดยสิ้นเชิงด้วยกำปั้นเดียว

เขากลับเข้าไปในกระโจม เห็นเสี่ยวเฟิงคุกเข่าอยู่ข้างหน้านักโทษคนหนึ่งที่สลบไสลไม่ได้สติ เขย่าร่างกายของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง น้ำตาไหลลงมาเหมือนลูกปัดที่มาอย่างไม่ขาดสาย อ้าปากหมายจะส่งเสียง ทว่าก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ริมฝีปากที่สั่นเครือเอาแต่ส่งเสียงอือๆ ไม่หยุดหย่อน

หูเฟิงก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะตบบ่าของเสี่ยวเฟิงเบาๆ “ไม่ต้องร้องไห้ เขายังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่”

เสี่ยวเฟิงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง ทำหน้าตาอ้อนวอนหูเฟิง “พี่หู ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนเก่ง ข้าขอร้องท่าน ขอร้องให้ท่านช่วยเขาด้วย”

หูเฟิงไม่แปลกใจที่เขาขอร้องตนเช่นนี้ เพราะตั้งแต่เสี่ยวเฟิงกลับมาพร้อมน้ำตานองหน้าก่อนหน้านี้ เขาก็รู้แล้วว่าคนที่ถูกขังอยู่ในค่ายบูรพาที่เจ็ดแห่งนี้ จะต้องเป็นญาติของเขาอย่างแน่นอน

“เขาเป็นใคร เหตุใดถึงถูกขังอยู่ที่นี่ได้” หูเฟิงถาม

……….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา