คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 415

ตอนที่ 415 ญาติ

ระหว่างเก็บฟืนอยู่บนเขา หูเฟิงจดจำภูมิประเทศของยอดเขานั้นได้ทั้งหมดแล้ว และมีแผนการให้เสี่ยวเฟิงหนีออกจากค่ายทหารแล้วเช่นกัน

ตกดึกคืนนั้น เขาถือโอกาสตอนที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว ลอบออกจากกระโจมที่พัก เสาะหามุมลับตาคน แล้วนำถ่านที่แอบซ่อนเอาไว้ขณะทำมื้อเย็น มาเขียนสองสามประโยคลงบนกระดาษสา

เช้าวันต่อมา หลังจากที่พวกเขาทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็ออกไปตัดฟืนบนเขากันอย่างพร้อมเพรียง ทว่าคราวนี้หูเฟิงพาเสี่ยวเฟิงไปด้วย ก่อนจะลอบส่งย่ามใบหนึ่งให้กับเสี่ยวเฟิง

“นี่คืออะไรหรือ” เสี่ยวเฟิงถาม

หูเฟิงพาเขาไปยังทางเชื่อมระหว่างป่า “ในนี้มีอาหารและเงิน ทั้งยังมีจดหมายฉบับหนึ่งด้วย รวมถึงแผนที่แผ่นหนึ่งด้วย เจ้าไปยังสถานที่บนแผนที่ที่ข้าให้ไว้ ขอเพียงไปถึงหมู่บ้านหวงถัว หาไป๋จื่อพบแล้ว เจ้าก็จะปลอดภัย”

“แต่ข้าไปเช่นนี้แล้วจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ พวกเขาจะไม่ตามจับข้าเพราะข้าหนีทัพใช่หรือไม่” เสี่ยวเฟิงมีสีหน้ากังวลใจ เพราะเขากลัวว่าหากตนเองหนีไปแล้ว จะทำให้จิ้นอ๋องลำบากไปด้วย

หูเฟิงส่ายหน้า “ไม่หรอก ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ลงจากเขาไปแล้วก็ใช้เส้นทางเล็กๆ นั่น อย่าเดินทางบนถนนหลวง หากพบคนถามไถ่ ก็บอกไปว่าลี้ภัยมา อย่าได้พูดถึงเรื่องในค่ายทหาร สภาพของเจ้าในตอนนี้ก็ดูไม่เหมือนคนที่กำลังหนีทัพ น่าจะพอเอาตัวรอดไปได้”

ขณะที่สนทนากัน หูเฟิงพาเขามาถึงบริเวณที่เมื่อวานตระเตรียมไว้แล้ว แม้เดินตามเส้นทางนี้ไปจะคดเคี้ยวอยู่บ้าง แต่ตรงตีนเขาไม่มีทหารลาดตระเวน นี่เป็นหนทางออกเดียวแล้ว

เสี่ยวเฟิงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เขาอิดออดอยู่นาน เพราะเมื่อวานเขาเพิ่งได้พบผู้เป็นบิดาเป็นครั้งแรก แต่พบกันครั้งเดียวก็ต้องแยกจากกันแล้ว

“รีบไปเถอะ มีข้าอยู่ที่นี่ พ่อของเจ้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่ เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านหวงถัว รอข้ากับพ่อของเจ้ากลับไป เข้าใจหรือไม่”

เด็กชายหยักหน้า ครั้นผละออกไปก็มักจะหันหน้ากลับมามองอยู่เสมอ จนในที่สุดเงาร่างผอมแห้งก็หายไปจากครรลองสายตาของหูเฟิง

หมู่บ้านหวงถัว

วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ไป๋จื่อตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ขนแตงดินที่เก็บกลับมาเมื่อวานออกมา รอคนงานจากร้านสือเค่อมารับสินค้าไป

รถม้ารับสินค้าของร้านสือเค่อมาช้ากว่าปกติเล็กน้อย มีคนลงมาจากรถม้าสองคน คนหนึ่งเป็นคนงานที่มารับสินค้าเป็นประจำ ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นตา เขาสวมเสื้อผ้าเก่าขาด เรือนร่างผมแห้ง ทั้งยังดูขี้โรคอีกต่างหาก

หลังจากเด็กหนุ่มลงจากรถม้า เขาก็รีบหยิบเงินย่อยจากในย่ามให้คนงาน ฝ่ายคนงานปฏิเสธว่า “ไม่ต้องๆ เจ้าแค่ติดรถมาเท่านั้น ไม่ต้องให้เงินหรอก เจ้าน่าสงสารนัก รีบไปหาญาติของเจ้าเถอะ”

เสี่ยวเฟิงรีบกล่าวขอบคุณ ขณะกำลังจะหมุนกายจากไป เขาก็เห็นสตรีนางหนึ่งออกมาจากในลานบ้าน จึงรวบรวมความกล้าเข้าไปถามว่า “แม่นางผู้นี้ ข้าอยากจะสอบถามอะไรหน่อย”

ไป๋จื่อพยักหน้า กล่าวถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจ้าอยากตามหาใครหรือ”

“ท่านรู้หรือไม่ว่าไป๋จื่ออยู่ที่ใด” เสี่ยวเฟิงรีบถาม

คนงานที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นมาด้วยความขบขัน “นางก็คือไป๋จื่อนี่แหละ ญาติที่เจ้าพูดถึงคือนางใช่หรือไม่”

เสี่ยวเฟิงชะงักไป ก่อนจะพิจารณาไป๋จื่อครั้งหนึ่งด้วยแววตาทอประกาย นางคือไป๋จื่อหรือ ไป๋จื่อเป็นเด็กสาวหรือนี่ เขานึกว่าเป็นบุรุษคนหนึ่งเสียอีก…

ไป๋จื่อยิ้มจางๆ “ข้าคือไป๋จื่อ เจ้ามาหาข้า? พวกเราเคยรู้จักกันด้วยหรือ”

เด็กชายอ้าปากอยากจะเอ่ยชื่อของหูเฟิง ทว่าก็นึกขึ้นได้ว่าคนงานบังคับรถยังอยู่ข้างๆ จึงยิ้มเจื่อนๆ ว่า “เดินไปคุยไปได้หรือไม่”

ดวงตาของไป๋จื่อกวาดมองย่ามที่เขาสะพายไว้บนหลัง หัวใจพลันกระตุกวูบ นี่ไม่ใช่ย่ามของหูเฟิงหรอกหรือ มันมาอยู่ที่เขาได้อย่างไร

“เจ้าตามข้ามาสิ!” นางหันหน้าไปพูดกับหูจ่างหลินที่กำลังจัดการเก็บฟืนอยู่ในลานบ้านว่า “ท่านลุงหู ท่านรับเงินค่าแตงดินให้ข้าทีนะเจ้าคะ ข้ากับน้องชายผู้นี้มีเรื่องต้องคุยกันสักหน่อย”

……….

ตอนที่ 416 รักษาหายได้

ไป๋จื่อพาเสี่ยวเฟิงเข้าไปในเรือน ตรงไปยังห้องของหูเฟิง

เมื่อปิดประตูห้องแล้ว ไป๋จื่อก็ถามเสี่ยวเฟิงว่า “หูเฟิงให้เจ้ามาใช่หรือไม่”

เสี่ยวเฟิงมีสีหน้าประหลาดใจ “จะ เจ้ารู้ได้อย่างไร”

นางชี้ไปยังย่ามบนตัวเขา “นั่นเป็นของของหูเฟิง ข้าจำได้”

เด็กชายเข้าใจโดยพลัน เขารีบปลดย่ามลง แล้วหยิบกระดาษสาแผ่นหนึ่งจากในนั้นออกมา บนนั้นมีตัวอักษรไก่เขี่ยเขียนอยู่จำนวนหนึ่ง

‘ดูแลเสี่ยวเฟิงให้ดี รอพวกข้ากลับไป’

พวกข้า? หมายความว่าเขาพบสหายในอดีตแล้วอย่างนั้นหรือ

“เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” นางถาม

เสี่ยวเฟิงพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดเสียรอบหนึ่ง ในเมื่อจิ้นอ๋องให้เขามาที่นี่ เช่นนั้นที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เขาย่อมไม่อาจปิดบังอะไรได้

ที่แท้เขาพบผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วสองคน สามปีผ่านมาแล้ว พวกเขาสองคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ คนหนึ่งในนั้นเป็นบิดาของเสี่ยวเฟิง หูเฟิงน่าจะดีใจมากที่ไม่มีใครหักหลังเขา ถึงตัวจะถูกจองจำ รับความทรมานไม่มีที่สิ้นสุด แต่พวกเขาทั้งสองคนนั้นก็ยังคงรักภักดีต่อเขา

“พ่อเจ้าบาดเจ็บหนักหรือไม่”

เสี่ยวเฟิงพยักหน้าพร้อมดวงตาแดงๆ “อืม บาดเจ็บหนักมาก แม่ทัพฟู่ก็เช่นกัน เขาบาดเจ็บหนักนัก”

ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง หากนางอยู่ที่นั่นด้วย อย่างน้อยก็ยังพอช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่แสนไกล พวกเขาจึงทำได้แค่ปรับตัวตามสถานการณ์แล้ว

นางตบบ่าของเสี่ยวเฟิง “ตั้งแต่วันนี้ไปก็อยู่ที่นี่เสีย คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้า นี่เป็นห้องของหูเฟิง เจ้าก็นอนที่ห้องนี้แหละ”

สีหน้าของเสี่ยวเฟิงดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทั้งซีดขาว ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง เพียงแค่ยืนเช่นนี้ก็โงนเงนจะล้มลง ราวกับต้องลมแรงก็ไม่ปาน

“หูเฟิงต้องบอกกับเจ้าแน่ๆ ว่าข้าเป็นหมอ เจ้าอยากให้ข้าจับชีพจรดูหรือไม่”

เสี่ยวเฟิงพยักหน้า “แน่นอน แต่เกรงว่าโรคของข้าคงจะรักษาไม่หาย”

เขาพูดพลางวางย่ามบนตัวลง แล้วยื่นมือของตนเองออกไป

ไป๋จื่อจับชีพจรของเขา ฟังอย่างตั้งใจ เรียวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน “เจ้ามีอาการป่วยที่หัวใจหรือ”

เด็กชายพยักหน้า “ใช่ เป็นมาตั้งแต่เล็กแล้ว หมอที่เคยมาตรวจอาการข้าบอกว่าเป็นโรคที่เป็นมาตั้งแต่ในครรภ์ รักษาไม่หาย”

“นั่นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถต่างหาก” ไป๋จื่อกล่าว

เสี่ยวเฟิงพลันตาเป็นประกาย รีบถามในทันที “เจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่ารักษาได้กระมัง”

ไป๋จื่อคลายคิ้วที่ผูกเข้าหากันออก ยิ้มกริ่มกล่าวว่า “แม้จะยากลำบากอยู่บ้าง แต่ข้ารับรองว่ารักษาให้หายได้ เจ้าวางใจเถอะ” นางพิจารณาเสี่ยวเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้า “สามปีนี้เจ้าคงจะลำบากไม่น้อย ดูสิผมกร่องนัก พ่อของเจ้าเห็นแล้วต้องมีแต่ความปวดใจแน่ๆ”

นางรู้สึกปวดใจเช่นกัน เพราะขณะที่นางอายุสิบสามในยุคปัจจุบัน นางเหมือนกับเสี่ยวเฟิงไม่มีผิด ผอมจนปลิวลม ชีวิตในบ้านเด็กกำพร้ามีแต่ความลำบาก การกินข้าวให้อิ่มสักมื้อ เป็นความปรารถนาอย่างยิ่งของเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งอย่างพวกนางแล้ว

จนกระทั่งนางสอบเทียบมัธยมปลายด้วยผลการเรียนที่โดดเด่น ได้รับเหรียญทองอันดับที่หนึ่ง ชีวิตของนางถึงจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นางจึงยิ่งตั้งใจร่ำเรียนยิ่งกว่าเก่า ซึมซับความรู้อย่างต่อเนื่องเหมือนกับฟองน้ำ นางไม่เคยกล้าเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เพราะไม่อยากมีชีวิตทุกข์ยากเหมือนตอนที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้าอีก และหวังว่าจะอาศัยความสามารถของตนเองหาเงิน ให้เด็กๆ ที่ยังคงต้องดิ้นรนในบ้านเด็กกำพร้าได้รับความยากลำบากน้อยลงหน่อย

“หิวหรือไม่ เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะทำให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้แหละ” ไป๋จื่อถาม

เสี่ยวเฟิงรีบโบกมือ “ไม่ต้องลำบากถึงเพียงนั้นหรอก ข้ากินได้ทุกอย่าง ในบ้านนี้มีอะไรข้าก็จะกินสิ่งนั้น ไม่ต้องตั้งใจทำให้ข้ากินเป็นพิเศษหรอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา