ตอนที่ 465 หูเฟิงส่งจดหมายมา (8)
ไป๋จื่อนำจดหมายกลับบ้าน นางฉีกซองจดหมายทันทีที่เข้าไปในลานบ้าน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วดึงจดหมายที่อยู่ข้างในออกมาอ่าน
ในจดหมายเขียนไว้ว่า เขาสบายดีอยู่ในค่ายทหาร ไม่ได้ถามถึงเสี่ยวเฟิงอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับอธิบายเรื่องนี้เป็นนัยๆ
จดหมายดูเรียบง่าย คล้ายเป็นเพียงจดหมายที่ส่งกลับบ้านทั่วๆ ไป ทว่าระหว่างบรรทัดกลับมีจุดที่ไม่ธรรมดาจำนวนหนึ่ง หูเฟิงเป็นองค์ชายแต่กำเนิด เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ ด้วยระดับความสามารถของเขาแล้ว จะเขียนจดหมายที่ดูไม่มีอะไรเช่นนี้ได้อย่างไร ภายในนั้นมีสิ่งที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้นมามากทีเดียว แม้กระทั่งประโยคที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มโดยสิ้นเชิง
นางผุดลุกขึ้น แล้วกลับไปที่ชั้นสอง เมื่อวางจดหมายลงบนโต๊ะหนังสือใต้หน้าต่างแล้ว นางถึงจะหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง เพื่อคัดลอกตัวหนังสือและประโยคน่าสงสัยที่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีออกมา จากนั้นก็จัดเรียงพวกมันให้เป็นระเบียบอีกครั้ง
เป็นอย่างที่นางคาดเดาไว้ ในจดหมายซ่อนจดหมายเอาไว้ด้วย
วาจาไร้สาระที่ดูแล้วไม่จำเป็นเหล่านี้ต่างหาก ถึงจะเป็นจดหมายที่หูเฟิงเขียนให้นาง
ในจดหมายบอกว่า ฝ่ายศัตรูต้องการฆ่าคนปิดปากก่อนที่จอมพลหวังจะมาถึงทางตะวันตกเฉียงเหนือ โจวกังและฟู่เจิงกำลังเจอเรื่องลำบาก ชีวิตอยู่ในช่วงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาอยากช่วยโจวกังและฟู่เจิงออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทว่าในค่ายทหารมีผู้คุมเข้มงวด นำคนเป็นๆ ออกมาออกจะเตะตาเกินไป เขาจึงถามนางว่าบนโลกนี้มียาที่กินเข้าไปแล้วแสร้งตายได้หรือไม่
ยาที่กินเข้าไปแล้วแสร้งตายได้ แน่นอนว่ามี นางทำมันออกมาได้ ทั้งยังทำออกมาได้ดีมากด้วยซ้ำไป นางเคยได้รับรางวัลในยุคปัจจุบันเพราะยาชนิดนี้ เงินรางวัลนั้นสูงถึงหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทผลิตยามากมายอยากร่วมงานกับนาง แต่นางล้วนปฏิเสธไปด้วยเหตุผลอันคลุมเครือ เพราะจะผลิตของพรรค์นี้ในปริมาณมากไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความเป็นระเบียบของโลกใบนี้วุ่นวาย นางไม่อยากเป็นคนที่ถูกสาปแช่งไปชั่วลูกชั่วหลาน
ปัญหาก็คือ ถึงแม้นางจะทำยาชนิดนี้ออกมาได้ แล้วนางควรจะส่งถึงมือของหูเฟิงอย่างไร
นางนึกถึงขี้ผึ้งของหมอลู่ เขาบอกว่าขี้ผึ้งหนึ่งพันตลับเป็นคำสั่งซื้อจากค่ายทหาร
มุมปากของไป๋จื่อพลักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มของนางงดงามเป็นพิเศษ เพราะนางเกิดวามคิดบรรเจิดหนึ่งขึ้นแล้ว
ไป๋จื่อเก็บจดหมายอย่างดี ก่อนจะรีบร้อนออกจากบ้านไป นางพบกับพวกอาอู่ที่กลับมาพอดี จึงส่งจดหมายให้หูจ่างหลิน “นี่เป็นจดหมายของหูเฟิงเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้ามีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก อีกเดี๋ยวเสี่ยวเฟิงกลับมา ท่านก็ให้เขาอ่านให้ฟังนะเจ้าคะ”
จ้าวหลานรีบรั้งนางไว้ แล้วถามว่า “เวลาป่านนี้แล้ว เจ้าจะไปที่ใดอีก”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่สบายไม่ใช่หรือ ข้าต้องไปจัดยาให้เขาเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อเอ่ยตอบ
อาอู่ฟังว่านางจะออกไปจัดยา เขาก็รีบไปเตรียมรถทันที
จ้าวซูเอ๋อเข้าไปหยิบหมั่นโวที่เหลือจากมื้อเข้ามาจากในเรือน แล้วยัดใส่มือของคนทั้งสอง “กินระหว่างทางนะ อย่าปล่อยให้ท้องหิว”
ไป๋จื่อคว้าหมั่นโถวมากัดคำหนึ่ง พลางยิ้มกว้าง “พี่สะใภ้ดีกับข้าจริงๆ”
จ้าวซู่เอ๋อเองก็ยิ้มไม่หุบ “เจ้านี่นะ หมั่นโถวเต็มปากเช่นนี้ ยังไม่หยุดพูดจาปากหวานอีก”
เด็กสาวนั่งรถม้าเข้าเมือง ใบสั่งยาชุดหนึ่งของนางแบ่งออกเป็นสามใบ และแบ่งไปซื้อยาจากร้านขายยาสามร้าน เพราะสูตรยาชนิดนี้เป็นความลับ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้คนนอกนำไปทำเลียนแบบได้
นางพาอาอู่วิ่งวุ่นจนเขาเหงื่อตก ครั้นเห็นนางซื้อยาได้ครบครันแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “โถงสมุนไพรเป็นร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงหยวน เหตุใดเจ้าไม่ซื้อยาทั้งหมดจากนั่น แต่กลับวิ่งไปมาถึงสามร้านเช่นนี้เล่า”
ไป๋จื่อโยนถุงยาเข้าไปในรถ ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ แต่มันเกี่ยวพันถึงสิ่งยาสูตรลับ จึงไม่อาจซื้อวัตถุดิบของยาสูตรลับทั้งหมดที่ร้านเดียวได้ นั่นไม่เท่ากับกางสูตรของตนเองให้คนอื่นดูหรอกหรือ”
อาอู่เข้าใจในทันที “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าก็พูดถูกของเจ้า แต่ตกลงแล้วนี่เป็นยาสูตรลับอะไรกัน ถึงต้องทำลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ เป็นของดีมากเลยหรือ”
……….
เด็กสาวยิ้มน้อยๆ “ข้าก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงถือโอกาสมาสูดอากาศด้วยเลย”
เวลานี้อาอู่ขนหม้อต้มยาขึ้นมาแล้ว ในรถม้าเบียดเสียดขึ้นมาถนัดตา ไป๋จื่อมองหม้อต้มยานี้แล้วก็รู้สึกพอใจมาก มันเป็นขนาดที่นางต้องการพอดี นางจึงถาม “ราคาเท่าไรหรือเจ้าคะ ข้ากลับไปแล้วจะนำเงินให้ท่าน”
หมอลู่โบกมือ “ข้าไม่คิดเงินหรอก เจ้าไม่ต้องให้เงินข้า ถือว่าข้าให้เจ้าแล้วกันนะ”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน นี่เป็นสิ่งของที่ข้าฝากท่านซื้อ ท่านจะไม่รับเงินจากข้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะกล้าเอ่ยปากร้องขอท่านอีกได้หรือ” ไป๋จื่อสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเชียว
หมอลู่กลับพูดว่า “จื่อยาโถว เทียบกับคำแนะนำเรื่องสูตรลับที่ตกทอดในสกุลของข้า หม้อต้มยานี้นับเป็นเรื่องเล็กสำหรับข้าทีเดียว ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าให้ดีเลย หม้อต้มยานี่น่ะ ถือว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่ข้าให้เจ้าแล้วกัน อย่าได้ปฏิเสธอีกเลย” พวกเขาสกุลลู่มีสูตรยาลับนี้ ก็เท่ากับมีสมบัติล้ำค่าที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด และนั่นมีความพยายามของไป๋จื่อรวมอยู่ด้วย
“ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง ไหนเลยข้าจะรับมันเป็นบุญคุณได้” ไป๋จื่อว่า
“เจ้าอาจจะแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่กลับเปลี่ยนโชคชะตาของสกุลลู่พวกข้าได้อย่างแท้จริง พวกข้าสกุลลู่อาจจะร่ำรวยเพราะวาจาเรื่อยเปื่อยนี้ของเจ้าก็เป็นได้” หมอลู่กล่าว
ไป๋จื่อคิดอย่างละเอียด เป็นจริงดังที่เขาว่า บนโลกนี้มีคนอาศัยตำรับเฉพาะที่ตกทอดในตระกูลหากินอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ได้ดีเลิศเลอ แต่ก็พอเลี้ยงปากท้องให้อิ่มได้ อย่างไรเสียก็ทำให้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อไปได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หม้อต้มยาเบื้องหน้านี้ก็ถือเป็นเรื่องเล็กจริงๆ นางจึงรับมันไว้ด้วยความสบายใจ
ครั้นกลับถึงหมู่บ้าน ไป๋จื่อให้อาอู่ไปที่บ้านของหมอลู่ก่อน เพื่อขนวัตถุดิบยาลงจากรถทั้งหมด คราวนี้ถึงได้กลับบ้านของตนเอง ขนหม้อต้มยาและวัตถุดิบยาส่วนของตนเองลงจากรถ
นางเปิดห่อยาออกทีละห่อ จัดแจงพวกมันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเลือกวัตถุดิบยาที่นางต้องใช้ออกมา นางนำจำนวนหนึ่งในนั้นแช่ในเหล้าขาวก่อน ส่วนที่เหลือแช่ในน้ำสะอาด เมื่อจัดการทั้งหมดเสร็จสิ้น นางก็ไปที่บ้านของหมอลู่ ร่วมทำขี้ผึ้งพร้อมกับเขา
ไป๋จื่อแสดงความสามารถในการวางแผนอย่างเป็นระบบออกมา ต้มยา เก็บยา ผสมยา นางทำสามขั้นตอนนี้ไปพร้อมๆ กัน ลดขั้นตอนทำอื่นๆ ไปได้มากทีเดียว เดิมทีหมอลู่คนเดียวทำขี้ผึ้งยาในหนึ่งวันได้อย่างมากสิบตลับ แต่วันนี้มีไป๋จื่อมาช่วย ขณะเดียวกันใช้หมอต้มยาสามใบต้มยาพร้อมกัน ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม ขี้ผึ้งยาสามหม้อก็เสร็จสิ้น เมื่อบรรจุส่วนนี้ลงในตลับ ก็นับว่าทำได้สี่สิบตลับแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
แอดรบกวนลงให้อ่านจนจบได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
สนุกมากค่ะ แอดรบกวนอัปให้อ่านจนจบได้ไหมคะรออ่านอยู่น้าาาาา...
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...