ตอนที่ 5 จะรักษาหรือไม่?
หญิงชรามีสีหน้าลำบากใจ “ทว่าในมือของข้าไม่มีเงินจริงๆ โสมของเจ้าข้าก็ซื้อไม่ไหว ใช้ยาอื่นได้หรือไม่”
หมอลู่ครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ใช้โสมทรายได้ แม้จะได้ผลด้อยกว่ามาก แต่ก็ดีกว่ายาบำรุงร่างกายทั่วไปอยู่บ้าง ราคาก็ถูกกว่าไม่น้อย”
สีหน้าของหญิงชราดูดีใจมาก “เช่นนั้นก็ได้ ใช้โสมทรายนั่นแหละ”
หมอลู่หยิบกระดาษและพู่กันออกมาจากในล่วมยา ก่อนจะเขียนใบสั่งยาให้อีกฝ่ายดูด้วยความรวดเร็ว “นี่เป็นใบสั่งยาที่ข้าออกให้จ้าวหลาน ท่านลองดู หากไม่มีปัญหา ข้าจะกลับไปหยิบยาแล้ว”
หญิงชราและหลิวซื่อไม่รู้หนังสือ จึงหยิบใบสั่งยามาทำเป็นอ่าน
หลิวซื่อส่งใบสั่งยาคืนให้ท่านหมอลู่ พลางหัวเราะแห้งๆ “ท่านหมอลู่ พวกข้าไม่รู้หนังสือ ดูไปก็ไร้ประโยชน์ ท่านบอกพวกข้าว่าต้องใช้เงินเท่าไรก็พอ”
หมอลู่รับใบสั่งยามา เขาเลิกคิ้วและกวาดสายตามองสตรีสูงวัยที่มีสีหน้าไม่พอใจครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “ค่าตรวจรักษาหนึ่งตำลึง ค่ายาสามตำลึง รวมทั้งหมดสี่ตำลึงเงิน หากพวกท่านไม่ไหวจริงๆ ติดค่าตรวจรักษาหนึ่งตำลึงไว้ก่อนได้ ส่วนค่ายาจำเป็นต้องจ่ายก่อน”
“อะไรนะ สี่ตำลึงเงิน?” หญิงชราได้ยินดังนั้น ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง “รักษาบาดแผลต้องใช้ถึงสี่ตำลึงเลยหรือ นี่เจ้าจะปล้นกันหรืออย่างไร”
ท่านหมอลู่ไม่พอใจกับคำพูดนี้ เขาทำหน้าเคร่งในทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็ส่งคนไปที่โรงหมอของอำเภอ ดูสิว่าหากเสียแค่สี่ตำลึงเงิน จะมีโรงหมอใดรับรักษาหรือไม่”
จู่ๆ ก็มีใครบางคนในหมู่คนที่ดูความคึกคักอยู่ด้านนอกตะโกนขึ้นมาว่า “คนบาดเจ็บถึงขั้นนั้นแล้ว เสียเพียงสี่ตำลึงเงินก็รักษาได้ นับว่าไม่มากจริงๆ ปีที่แล้วลูกผู้พี่ของข้าเป็นไข้หวัด ไปขอให้โรงหมอของอำเภอสั่งยาให้กินสองสามอย่าง เสียเงินไปสามตำลึงเต็มๆ จ้าวหลานบาดเจ็บถึงเพียงนี้ หากพาไปที่อำเภอล่ะก็ ไม่มีหลายสิบตำลึงเงินคงจะรักษาไม่หาย”
หลายสิบตำลึง? เช่นนั้นก็ทำอย่างขอไปทีดีกว่า ลำบากนางเสียเหลือเกิน
หญิงชราเห็นหมอลู่เก็บล่วมยาจะไปแล้ว จึงรีบพุ่งไปดึงเขาไว้ ทั้งยังหัวเราะกลบเกลื่อน “ท่านหมอลู่ เมื่อครู่ข้าพูดไม่รู้จักคิด ท่านอย่าถือสายายแก่อย่างข้าเลยนะ”
หมอลู่ขี้เกียจจะโต้เถียงกับนาง เขาเพียงเหล่มองนาง แล้วถามว่า “เช่นนั้นสรุปแล้วจะรักษาหรือไม่”
“รักษาสิๆ ย่อมต้องรักษา” นางยิ้มเจื่อนตอบรับ ในใจเจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีด เงินที่นางหามาทั้งชีวิต แม้แต่ตอนที่เจ้าสามบาดเจ็บก็ยังตัดใจนำออกมารักษาเขาไม่ได้ กลับคิดไม่ถึงเลย ว่าบัดนี้จะต้องเสียเงินไปกับคนใกล้ตายสองคน ‘คอยดูเถิด เอาเงินไปจากมือของข้า ช้าเร็วอย่างไรข้าก็ต้องเอาคืนมาจากพวกเจ้า’
หมอลู่พยักหน้า “ตกลง เช่นนั้นข้าจะกลับไปหยิบยา ท่านเตรียมเงินไว้ก็พอ”
หากเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่โต้เถียงเช่นนี้ ทว่าแม่เฒ่าสกุลไป๋ขี้เหนียวและไร้ยางอาย ถึงได้ขึ้นชื่อลือชาในหมู่บ้านหวงถัว เขาจำเป็นต้องป้องกันไว้
เขาแบกล่วมยาหมุนกายจะไป ทว่าไป๋จื่อรีบร้อนเข้ามาขวางเขาไว้ “ท่านหมอลู่ มือของแม่ข้าหักแล้ว ท่านพันแผลให้นางก่อนค่อยไปได้หรือไม่”
หมอลู่ตะลึงงัน มือหักหรือ? เมื่อครู่เขาไม่เห็นรู้เลย
เขาหันกลับไปนั่งยองๆ ลงข้างกายของจ้าวซื่อ แล้วตรวจมือทั้งสองข้างของนาง มือข้างขวาบวมตุ่ย มีรอยแผลอย่างชัดเจน บาดแผลนี้เมื่อครู่เขาเห็นแล้ว คิดว่าเหมือนบาดแผลส่วนอื่นบนร่างกาย จึงไม่ได้ตรวจดูอย่างละเอียด คิดไม่ถึงว่ากระดูกจะหักจริงๆ น่าแปลกนัก จื่อยาโถวรู้จักกระดูกหักได้อย่างไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...