ตอนที่ 531 ฤดูหนาวทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ตอนที่ซู่เอ๋ออ่านจดหมาย นางนิ่งเงียบอย่างผิดคาด เพียงแค่เหม่อมองจดหมาย ไม่พูดจาอะไรสักคำ บนใบหน้าไม่แสดงคามรู้สึกอะไรทั้งสิ้น
ไป๋จื่อโอบกอดนางไว้ ลูบหลังของนางเบาๆ “พี่สะใภ้ หากท่านอยากร้องไห้ ท่านก็ร้องออกมาเถอะเจ้าค่ะ”
ซู่เอ๋อส่ายหน้าเล็กน้อย แม้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่กลับไม่ได้ร้องไห้ออกมา ตอนนี้บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มขมขื่นอยู่จางๆ “ความจริงข้ารู้มานานแล้วว่าเขาจะไป ตั้งแต่เจ้ากลับมา ตั้งแต่เขาส่งพี่ชายของเขาไป เขาก็ไม่เคยสบายใจจริงๆ เลยสักวัน ขอเพียงเขามีเวลาว่าง เขาก็จะไปยืนอยู่บนชั้นลอย มองไปทางค่ายทหารที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงแม้จะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม”
“ข้ารู้มาตลอด แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ รั้งเขาไว้ข้างกายพวกข้าสองแม่ลูกด้วยความเห็นแก่ตัว แม้เขาจะไม่สบายใจเพียงไร ข้าก็กลับเลือกมองข้ามความรู้สึกของเขา”
ไป๋จื่อประคองไหล่จ้าวซู่เอ๋อไว้ แล้วมองเข้าไปในตาของนาง “ท่านไม่ถือโทษเขาหรือเจ้าคะ”
ซู่เอ๋อยิ้มด้วยความลำบาก “ไยข้าต้องถือโทษเขาด้วยเล่า”
“เขาทิ้งพวกท่านสองแม่ลูกไปยังสถานที่อันตราย แม้กระทั่งอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ท่านไม่โกรธเขาหรือ” ไป๋จื่อถาม
ซู่เอ๋อช้อนสายตาขึ้นมองกลับเข้าไปในของไป๋จื่อ ไม่ตอบความ แต่ย้อนถามเด็กสาวว่า “หูเฟิงก็ทิ้งเจ้าไปยังสนามรบเช่นกัน เจ้าโกรธเขาหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “นั่นไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรข้ากับหูเฟิงก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น แต่พวกท่านกลับเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งยังมีลูกด้วยกันอีก จะนำมาพูดในกรณีเดียวกันได้อย่างไรเล่า”
“นี่ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานและมีลูกหรือไม่ ข้าคิดว่าก่อนหูเฟิงจะไปก็ต้องทรมานใจอยู่นานมากเช่นกัน เขาไม่อยากจากท่านลุงหู ไม่อยากจากเจ้าไป แต่เขาเป็นบุรุษ เขามีเรื่องที่เขาควรทำ สุดท้ายเขาจึงต้องไป เฉกเช่นเดียวกับอาอู่”
ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพียง พากันบ่นว่าโลกใบนี้วุ่นวายนัก หากใต้หล้านี้สงบสุข ไร้การศึกสงครามใดๆ ก็ไม่ต้องมีการจากเป็นจากตายเช่นนี้มากนัก
…
ฤดูหนาวทางตะวันตกเฉียงเหนือหนาวเย็นมาก เดือนสิบก็จะมีหิมะตกลงมาครั้งใหญ่ นางเริ่มคิดถึงระบบทำความอบอุ่นในยุคปัจจุบัน แต่ที่นี่คงทำได้เพียงพึ่งพาเตียงอุ่นและเตาผิงแล้ว
ตอนที่สร้างบ้าน นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าอากาศในฤดูหนาวจะเย็นยะเยือกถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นนางต้องทำถ้ำหลบหนาวแน่
หูจ่างหลินช่วยจ้าวหลานเปลี่ยนฟืนในตะเกียงอุ่น ก่อนจะส่งคืนถึงมือนาง
“ในเรือนอบอุ่นทีเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนให้ข้าแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นสิ้นเปลืองฟืนไปเปล่าๆ” จ้าวหลานกล่าว
ทว่าหูจ่างหลินกลับกล่าวว่า “ที่บ้านของพวกเรามีฟืนเยอะ เจ้ายังกลัวว่าจะไม่พอใช้อีกรึ อีกอย่างตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนาสมุนไพรหรือร้านสองร้านในเมือง ต่างก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำราวกับสายน้ำหลั่งไหล ได้เงินมาแล้วก็ต้องใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่เช่นนั้นแล้วจื่อยาโถวจะลำบากหาเงินมากถึงขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน”
จ้าวหลานถอนใจเสียงหนึ่ง “หิมะตกหนักปิดกั้นถนนเช่นนี้ นางกับซู่เอ๋อยังจะเข้าเมืองอีกหรือ ร้านรวงต่างๆ ปิดร้านกันหมด แล้วพวกนางจะรีบร้อนไปทำอะไรกัน”
หูจ่างหลินตอบว่า “เมื่อวานเป็นวันที่ค่ายทหารจะส่งจะหมายมา ทว่านายไปรษณีย์ไม่มา พวกนางจึงร้อนใจ เข้าเมืองไปด้วยตนเองเสียเลย ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้จะมีจดหมายมาหรือไม่”
…
ไป๋จื่อกับซู่เอ๋อเข้าเมืองไป ครั้งนี้คนที่บังคับรถม้าคือเสี่ยวเฟิง สองเดือนผ่านไปแล้ว เสี่ยวเฟิงสูงขึ้นเล็กน้อย ร่างกายก็มีเนื้อเพิ่มขึ้นมาก สีหน้าดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว ในที่สุดเขาก็มีรูปร่างเหมือนกับเด็กหนุ่มวัยสิบสามที่ควรจะเป็นแล้ว
ตั้งแต่อาอู่จากไป เขาก็เริ่มเรียนรู้การบังคับรถม้า ทุกครั้งที่สำนักศึกษาปิดการเรียนการสอน เขาก็จะขอเป็นสารถีของไป๋จื่อและซู่เอ๋อเอง พาพวกนางไปนู่นมานี่
หลังออกจากหน่วยไปรษณีย์ สีหน้าของไป๋จื่อและซู่เอ๋อไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งสองคนเอาแต่นั่งกลัดกลุ้มไม่เอ่ยวาจาอยู่ในตัวรถ
เสี่ยวเฟิงเอ่ยว่า “มิสู้พวกเราไปโรงน้ำชาดีกว่า คนที่นั่นรู้ข่าวสารรวดเร็ว อาจจะได้สอบถามข่าวคราวที่สนามรบได้บ้างก็เป็นได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา