ตอนที่ 541 ครอบครัวคนขี้เกียจ (2)
“ข้าก็เห็นไม่เห็นว่าเสี่ยวเฟิงจะเรียนหนังสือได้เรื่องสักเท่าไร เลิกเรียนไปเสียเถอะ ปีหน้าจะได้ลงที่ดินปลูกแตงดินกับข้าและต้าเป่า” เจ้าใหญ่กล่าว
หลิวกว้าหัวขึ้นเสียงในทันที “เช่นนั้นไม่ได้ ข้ายังหวังว่าเสี่ยวเฟิงจะได้เป็นขุนนาง ให้ข้าได้มีชีวิตสุขสบาย เรียนมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว จะเลิกเรียนง่ายๆ ได้อย่างไรกัน เจ้าไม่เสียดายบ้างหรือไร เสี่ยวเฟิงของพวกเราฉลาดเฉลียว เขาต้องมีแววได้เป็นขุนนางอยู่แล้ว!”
เจ้าใหญ่คร้านจะโต้เถียงกับนาง “สรุปว่าเงินหนึ่งเฉียนนี้นำไปซื้อเนื้อกินก่อนเถอะ ข้าทนหิวมาตั้งหลายวันแล้ว ดูหน้าของข้าสิ ซูบผอมลงไปไม่รู้ตั้งเท่าไร”
ทั้งสองคนเถียงกันไปมา ราวกับว่าได้เงินค่าเย็บปักมาอยู่ในมือแล้ว เหลือก็แต่รอให้พวกเรานำไปใช้จ่ายเท่านั้น
ครั้นพวกเขาพูดกันจนเหนื่อยแล้ว สองสามีภรรยาก็หลับตาลง นอนจนถึงยามเซินโดยไม่ได้กินข้าวกลางวัน
…
จางซื่อปักผ้าเสร็จอีกสองผืนอย่างยากลำบาก ขณะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก็พบว่าบนนิ้วมือที่แข็งทื่อเพราะอากาศหนาวก่อนหน้านี้ บัดนี้เกิดความอบอุ่นขึ้นมาแล้ว
นางออกจากเรือนไป เหลือบเห็นผ้าสำหรับปักที่นางให้หลิวซื่อเมื่อเช้ายังอยู่ที่เดิม มันไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ภาพนี้ทำให้นางโมโหไม่น้อย ทว่าก็ได้แต่ถลึงตามองประตูที่ปิดสนิทอย่างดุดัน แล้วหยิบผ้าผืนนั้นหมุนกายกลับห้องของตนเองไป
จางซื่อกล่าวกับเจ้ารองที่เหม่อลอยอยู่บนเตียง “ตอนเย็นห้ามนำข้าวไปให้พวกเขากินอีก หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้น พวกเราต้องอยู่ไม่รอดแน่”
ไม่รู้ว่าเจ้ารองกำลังเหม่ออะไรอยู่ จางซื่อจึงเข้าไปใกล้ๆ เขาด้วยสีหน้ามึนงง “เจ้าเป็นอะไรไป ใครยั่วโมโหเจ้าหรือ”
เมื่อจางซื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้ารองก็รู้สึกโมโหอยู่ในใจเช่นกัน อย่าเพิ่งพูดถึงงานในที่นาเลย เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่แล้ว จะมาหวังให้พวกเขาหาข้าวให้กินไม่ได้ ซูเหมยหวังดีให้งานพวกเขาทำ ให้พวกเขาหาเงินใช้จ่ายด้วยตนเอง ทว่ากลับไม่ต้องการแม้กระทั่งโอกาสที่จะหาเงินหรือนี่ วันๆ รู้จักแต่นอนขี้เกียจอยู่ในผ้าห่ม อยากให้คนอื่นมาปรนนิบัติดูแลพวกเขา
“ตอนเย็นข้าหุงข้าวเรียบร้อยแล้วก็ยกกลับห้องเลย ไม่ได้เหลือให้พวกเขาแม้สักนิด” เสบียงอาหารที่ให้พวกเขาก่อนหน้านี้หมดเกลี้ยงไปนานแล้ว วันนี้พวกเขาขี้เกียจแม้กระทั่งจะทำอาหาร เอาแต่รอเขาอยู่ทุกวัน เขาทนให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ตอนย่ำค่ำ จางซื่อจุดตะเกียงทำงานอยู่ในห้อง ส่วนเจ้ารองหุงโจ๊กง่ายๆ อยู่ที่ครัวด้านหลัง ทั้งหมดแบ่งได้ห้าถ้วย บุตรชายบุตรสาวคนละถ้วย เขาและซูเหมยอีกคนละถ้วย ส่วนถ้วยสุดท้ายยกไปให้หญิงชรา
หญิงชราขดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมลุกจากเตียง ทั้งยังให้เขายกโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาบนเตียงเพื่อวางถ้วย จนในที่สุดแล้วเขาก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าใหญ่และหลิวซื่อได้ความขี้เกียจจากใครมา
เมื่อก่อนเขาเองก็ขี้เกียจเช่นเดียวกัน เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีข้าวกินได้ แล้วไยต้องไปทำงานด้วยเล่า นั่นไม่เท่ากับหาเรื่องลำบากใส่ตัวเองหรือไร
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว หนึ่งเพราะมีแรงผลักดันในชีวิต สองเพราะซูเหมย เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหากซูเหมยเกียจคร้านเหมือนกันกับหลิวซื่อ เช่นนั้นแล้วครอบครัวนี้ของเขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร
…
หลิวซื่อที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มดันร่างของเจ้าใหญ่ที่อยู่ข้างๆ “เจ้าใหญ่ ข้าเหมือนจะได้กลิ่นโจ๊ก เจ้ารีบไปตักมาสักสองสามถ้วยสิ”
เจ้าใหญ่ไม่ขยับ “ข้าไม่ไป เจ้าไปเถอะ เมื่อวานข้าตักมาให้แล้ว วันนี้ก็ควรจะถึงตาเจ้าบ้าง”
หลิวซื่อดันร่างของสามีอีกครั้งหนึ่ง “ข้าไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร หากน้องรองของเจ้าไม่ยอมให้ข้า แล้วข้าจะสู้ชนะเขาหรือ”
ทว่าเจ้าใหญ่ก็ยังคงไม่ขยับดังเดิม หลิวซื่อจึงบันดาลโทสะ “รีบไปเดี๋ยวนี้ เพราะหากพวกเขากินหมดแล้ว พวกเราจะไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงข้าวให้กิน”
เจ้าใหญ่หิวตั้งนานแล้ว ขณะนี้ได้กลิ่นหอมของโจ๊กข้าวอีก ก็พลันรู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม
ทว่าเขาไม่อยากขยับเลย และภรรยาของเขาคนนี้ก็ขี้เกียจยิ่งกว่าเขาเสียอีก
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...