คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา นิยาย บท 607

สรุปบท ตอนที่ 607 แดนเซียนบนภูเขาฉีอวิ๋น / ตอนที่ 608 บังเอิญ?: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

อ่านสรุป ตอนที่ 607 แดนเซียนบนภูเขาฉีอวิ๋น / ตอนที่ 608 บังเอิญ? จาก คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 607 แดนเซียนบนภูเขาฉีอวิ๋น / ตอนที่ 608 บังเอิญ? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนางเอกเก่ง คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่​ 607 แดน​เซียน​บน​ภูเขา​ฉีอวิ๋น​

ชุ่ย​เอ๋อร์​มอง​เด็กหนุ่ม​ที่อยู่​เบื้องหน้า​ ก่อน​จะถามล้อเล่น​ว่า​ “เจ้าไม่กลัว​หรือ​”

ไป๋​จื่อ​ชะงัก​ไป​ “กลัว​? เหตุใด​ต้อง​กลัว​”

“พวกเรา​ไม่รู้จักมักจี่​กัน​ รับ​เจ้าออกจาก​เมือง​ยามวิกาล​ ทั้ง​ยัง​ต้อง​ขึ้น​เขา​อีก​ เจ้าไม่กลัว​ว่า​ข้า​จะเป็น​คน​ไม่ดี​หรือ​” ชุ่ย​เอ๋อร์​ถาม

คราวนี้​ไป๋​จื่อ​หัวเราะ​ขึ้น​มาแล้ว​ “ข้า​แยกแยะ​คนดี​กับ​คนเลว​ได้​ พี่สาว​เป็น​คนดี​ ไม่ใช่คนเลว​”

ชุ่ย​เอ๋อร์​เลิกคิ้ว​ “โอ้​? เจ้าแน่ใจ​ได้​อย่างไร​ว่า​ข้า​คนดี​”

“ว่า​กัน​ว่า​ ใบหน้า​แสดง​จิตใจ​ ลักษณะ​ของ​คน​เกิด​จาก​จิตใจ​หนุน​ส่ง คน​ที่​มีจิตใจ​ชั่วร้าย​ จะมาก​จะน้อย​อย่างไร​ก็​จะปรากฏ​ให้​เห็น​บน​ใบหน้า​ ถึงแม้จะจงใจแสร้งทำ​หรือ​ปิดบัง​เพียงใด​ ทว่า​ใน​ทุก​การกระทำ​และ​คำพูด​จะต้อง​เผย​ธาตุแท้​ออกมา​บ้าง​ในที่สุด​ ส่วน​ดวงตา​ของ​คน​ก็​ยิ่ง​เป็น​หน้าต่าง​ของ​จิตใจ​ เมื่อ​มอง​ไป​ใน​ดวงตา​ของ​คน​แล้ว​ ก็​จะมอง​จิตใจ​ของ​คน​ผู้​นั้น​ได้​ด้วย​” ไป๋​จื่อ​กล่าว​พร้อม​รอยยิ้ม​

นาง​หยุด​ไป​พัก​หนึ่ง​ แล้ว​กล่าว​อี​กว่า​ “พี่สาว​และ​ฮูหยิน​ล้วน​เป็น​คนดี​ คนดี​เช่นนี้​ ข้า​ไม่มีทาง​มอง​ผิด​ไป​ได้​”

ชุ่ย​เอ๋อร์​เบิกบานใจ​นัก​ นาง​ยิ้ม​เช่นกัน​ “เจ้านี้​นะ​ อายุ​ยัง​น้อย​แท้ๆ​ แต่​รู้จัก​พูดจา​ด้วย​คำพูด​หวาน​ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​”

ไป๋​จื่อ​ยิ้ม​จาง “ข้า​ไม่ได้​พูด​เยินยอ​เจ้า ที่​ข้า​พูด​ทั้งหมด​ล้วน​เป็น​ความจริง​”

ระหว่าง​ที่​สนทนา​กัน​ รถม้า​หยุด​ลง​แล้ว​ ชุ่ย​เอ๋อร์ลง​จาก​รถม้า​ก่อน​ แล้ว​รอ​นาง​อยู่​ด้านล่าง​

นาง​ลอด​ออก​มาจาก​ใน​รถม้า​ ทิวทัศน์​และ​สิ่งของ​ตรงหน้า​พลัน​ทำให้​นาง​คิดถึง​คำ​สอง​คำ​ใน​สมอง​ นั่น​ก็​คือ​หรูหรา​และ​ยิ่งใหญ่​

พื้น​ที่นี่​ปู​ด้วย​แผ่น​หิน​ชั้นดี​ที่​เรียบ​เสมอกัน​ มีสวนดอกไม้​เล็ก​ๆ ที่​ได้รับ​การ​ตัดแต่ง​ด้วย​ความประณีต​อย่างยิ่ง​อยู่​ทั่ว​บริเวณ​ เรือน​แต่ละ​หลัง​ปู​กระเบื้อง​หลังคา​คล้าย​เกล็ดปลา​ ซ่อนตัว​อยู่​ท่ามกลาง​ต้นไม้​มีค่า​ราคาแพง​

แม้จะเป็น​ยามค่ำคืน​ ทว่า​แสงสะท้อน​จะโคม​ที่​แกว่งไกว​เพราะ​ต้อง​ลม​ก็​ยัง​พา​ให้​มองเห็น​หมอก​จางๆ ที่​ลอยตัว​อยู่​ระหว่าง​เรือน​แต่ละ​หลัง​ ที่นี่​ราวกับ​เป็นแดน​เซียน​ ส่วน​นาง​เป็น​เหมือน​เด็ก​หลงทาง​ที่​จับพลัดจับผลู​เข้ามา​ใน​แดน​เซียน​ได้​

ชุ่ย​เอ๋อร์​ร้อนใจ​อยู่​บ้าง​ เพราะ​เห็น​ไป๋​จื่อ​ยืน​เหม่อลอย​ จึงจูงมือ​นาง​เข้าไป​ด้านใน​เสีย​เลย​

“ตอนนี้​มีอะไร​น่าดู​กัน​ หาก​เจ้าอยาก​ดู​จริงๆ​ พรุ่งนี้​เช้าค่อย​ดู​ก็ได้​ เช่นนั้น​ต้อง​งดงาม​กว่า​ในเวลานี้​เป็นแน่​”

ถึงชุ่ย​เอ๋อร์​ไม่พูด​ ไป๋​จื่อ​ก็​คิดได้​เช่นกัน​ ยาม​นี้​มีหมอก​บดบัง​ทิวทัศน์​อยู่​บ้าง​ ลม​และ​เมฆก็​หมุนเวียน​ผลัดเปลี่ยน​กัน​มาเยือน​ เวลานี้​ย่อม​ไม่ใช่เวลา​ที่​ที่​แห่ง​นี้​งดงาม​ที่สุด​อยู่แล้ว​

ก่อนหน้านี้​หู​เฟิงเคย​บอก​กับ​นาง​ว่า​ สถานที่​ที่​เขา​ฝึกฝน​วรยุทธ์​เมื่อ​ตอนที่​ยัง​เด็ก​เป็น​เหมือน​แดน​เซียน​ที่อยู่​นอก​โลก​ใบ​นี้​ มัน​อยู่​ใน​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ เต็มไปด้วย​จิตวิญญาณ​อย่างยิ่ง​ ทุก​เช้าที่​ตื่นขึ้น​มา เขา​เหมือนกับ​ได้​อยู่​ใน​แดน​เซียน​จริงๆ​

ตอนนั้น​นาง​ไม่เชื่อ​ นาง​คิด​ว่า​บน​โลก​ใบ​นี้​ไม่มีทาง​มีสถานที่​เช่นนั้น​ ไม่รู้​ว่า​หาก​เทียบ​ที่​นี้​กับ​สถานที่​ที่​หู​เฟิงเรียน​วรยุทธ์​เมื่อ​ตอนที่​เขา​ยัง​เด็ก​ จะพอ​เทียบ​กัน​ได้​หรือไม่​

ใน​ยุคปัจจุบัน​ นาง​เคย​เห็นภาพ​ภูเขา​ที่​มีชื่อเสียง​มากมาย​ ทุกแห่ง​ล้วน​ไม่เหมือน​โลก​มนุษย์​ ครั้น​นาง​ไป​ท่องเที่ยว​ใน​สถานที่​นั้น​ตาม​คำ​ร่ำ​ลือ​ สิ่งที่​เห็น​กลับ​แตกต่าง​กับ​ใน​ภาพ​เป็น​อย่างยิ่ง​ เพราะ​จำนว​มนุษย์​เพิ่มขึ้น​ การพัฒนา​สิ่งต่างๆ​ ก็​ก้าวไกล​ตาม​ การ​ทำลาย​ครั้ง​ยิ่งใหญ่​จึงเกิดขึ้น​เป็น​วัฏจักร​ ภูเขา​ที่​งดงาม​เหมือน​สรวงสวรรค์​เหล่านั้น​ สุดท้าย​ก็​เหลือ​เพียง​ใน​ภาพ​

ตอนที่​นาง​กำลัง​จิตใจ​เหม่อลอย​ ชุ่ย​เอ๋อร์​ก็​ลาก​นาง​มาถึงประตู​ขนาดใหญ่​ ที่​สลัก​คำ​ว่า​ ‘คฤหาสน์​ฉีอวิ๋น’​ เอาไว้​ด้วย​

ภายใน​ประตู​จวน​นั้น​ หอคอย​ เรือน​หลัง​น้อย​ใหญ่​ และ​สระน้ำ​ตระการตา​ล้วน​อวด​โฉมอยู่​ท่ามกลาง​ใบ​สน​สีเขียวขจี​

ภูเขา​ประดิษฐ์​มีหน้าตา​ไม่เหมือน​ใคร​ เถาวัลย์​พัน​เกี่ยว​กัน​ไปมา​ ต้นสน​สูงเสียดฟ้า​ ดอกไม้​หา​ยาก​นานา​พันธุ์​เบ่งบาน​อยู่​ใน​สวน​ นาง​แม้กระทั่ง​มองเห็น​สมุนไพร​ล้ำค่า​อยู่​หลายชนิด​ ภายใต้​แสงจันทร์​ขณะนี้​ สมุนไพร​ผลิ​ดอก​อยู่​อย่าง​เงียบเชียบ​ ส่งกลิ่นหอม​ดึงดูดใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​

ที่นี่​เป็นแดน​เซียน​บน​โลก​มนุษย์​อย่าง​แท้จริง​ หาก​ได้​อาศัย​อยู่​ใน​สถานที่​เช่นนี้​ ชีวิต​นี้​ก็​ถือว่า​คุ้มค่า​แล้ว​

ชุ่ย​เอ๋อร์​พา​นาง​เดิน​เข้าไป​ด้านใน​อีก​ เมื่อ​มีคน​ออกมา​ต้อนรับ​ ชุ่ย​เอ๋อร์​ก็​เป็น​ฝ่าย​กล่าว​ขึ้น​ก่อน​ “รีบ​ไป​บอก​นายใหญ่​ว่า​พบ​ตัว​เขา​แล้ว​”

คน​ผู้​นั้น​เอ่ย​ว่า​ “นายใหญ่​รอ​อยู่​ใน​โถงแล้ว​ รีบ​เข้าไป​เถอะ​”

ชุ่ย​เอ๋อร์​ไม่คาดคิด​ว่า​นายใหญ่​จะรอ​จนถึง​ยาม​นี้​ นาง​แปลกใจ​นัก​ ทว่า​ก็​รีบ​พา​ไป๋​จื่อ​เข้าไป​เช่นกัน​

ตง​ฟางมู่ถอนใจ​ออกมา​เสียง​หนึ่ง​ “หาก​เด็ก​คน​นั้น​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ก็​คง​อายุ​เท่ากับ​เจ้านี่แหละ​”

ไป๋​จื่อ​ฉงน​นัก​ “เด็ก​คน​นั้น​ที่​พวก​ท่าน​พูดถึง​ เป็น​หญิง​หรือ​ชาย​หรือ​ขอรับ​”

จากนั้น​ตง​ฟางมู่ก็​มอง​นาง​ครั้งหนึ่ง​ “เป็น​เด็กผู้หญิง​ เกิด​วันที่​ยี่​สิบเอ็ด​ เดือน​แปด​ แก่​เดือน​กว่า​เจ้าหนึ่ง​เดือน​”

จู่ๆ ไป๋​จื่อ​ก็​เริ่ม​หัว​ใจเต้น​แรง​ นาง​นึกถึง​คำพูด​ของ​จ้าว​หลาน​โดยพลัน​ จ้าว​หลาน​บอ​กว่า​ยาม​ที่เก็บ​นาง​ได้​ นาง​ยัง​เป็น​เด็กทารก​อายุ​ไม่ถึงขวบ​ปี​ ขณะนั้น​เป็นช่วง​ต้นเดือน​เก้า​ ก็​หมายความว่า​วันเกิด​ที่​แท้จริง​ของ​นาง​ ความจริง​แล้ว​ตรง​กับ​เดือน​แปด​ เด็กหญิง​ อายุ​เท่ากัน​ ดวงตา​เหมือนกัน​อย่าง​กับ​แกะ​ บน​โลก​นี้​ยัง​มีเรื่อง​บังเอิญ​เช่นนี้​อยู่​หรือ​

ไป๋​จื่อ​อยาก​ถามเขา​ ว่า​เหตุใด​เด็ก​คน​นั้น​ถึงหาย​ไป​ นาง​อยาก​ถามมาก​ ทว่า​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เอ่ยปาก​ นายใหญ่​ตง​ฟางก็​ถามนาง​เสีย​ก่อน​ “ข้า​ได้ยิน​ชุ่ย​เอ๋อร์​บอ​กว่า​ เจ้าจับชีพจร​ให้​บุตรสาว​ของ​ข้า​แล้ว​ เจ้าบอ​กว่า​อาการ​ของ​นาง​ไม่ได้​มาจาก​โรค​ แต่​เป็น​เพราะ​มีอะไร​บางอย่าง​ที่​ไม่ควร​อยู่​ใน​ร่างกาย​จำนวน​หนึ่ง​ ถึงได้​มี ‘อาการ​’ ถูกต้อง​หรือไม่​”

“ถูกต้อง​ขอรับ​” ไป๋​จื่อ​พยักหน้า​

ตง​ฟางมู่ถามอี​กว่า​ “เช่นนั้น​อะไร​บางอย่าง​ที่​เจ้าพูดถึง​ สิ่งที่​ไม่ควร​นั้น​ แท้จริง​แล้ว​คือ​อะไร​กัน​แน่​”

ไป๋​จื่อ​เอ่ย​ทันใด​ “หาก​ข้า​บอ​กว่า​เป็นพิษ​ ท่าน​จะเชื่อ​หรือไม่​”

สีหน้า​ของ​ตง​ฟางมู่เปลี่ยนไป​ทันที​ เขา​กัดฟัน​พูด​ “แน่นอน​ว่า​ข้า​เชื่อ​ หาก​เป็นพิษ​จริง​ ข้า​จะฉีก​คนชั่ว​นั่น​เป็น​ชิ้นๆ​ แน่​”

“ข้า​ขอ​พูด​ตามตรง​ ฮูหยิน​คง​ถูก​วางยาพิษ​มาเป็นเวลา​นาน​ เดิมที​พิษ​นั้น​ไม่ร้ายแรง​ถึงชีวิต​ ตอนที่​มีพิษ​ใน​ร่างกาย​ใน​ปริมาณ​น้อย​ หมอ​จึงตรวจ​ไม่พบ​โดยสิ้นเชิง​ ครั้น​พิษ​นี้​สะสมอยู่​ใน​ร่างกาย​นาน​วัน​เข้า​ ก็​ยิ่ง​ทำลาย​ร่างกาย​ไป​อย่าง​ช้าๆ ทำให้เกิด​ ‘อาการ​’ ต่างๆ​ มากมาย​ ฮูหยิน​มีอาการ​เหล่านี้​ ย่อม​มีหมอ​เขียน​ใบสั่งยา​ให้​นาง​แน่​ ทว่า​นาง​กิน​ยา​อะไร​ไป​ก็​ไม่ดีขึ้น​ ถูกต้อง​หรือไม่​ขอรับ​” ไป๋​จื่อ​ตั้ง​ข้อสันนิษฐาน​

ตง​ฟางมู่และ​ชุ่ย​เอ๋อร์​พยักหน้า​อย่าง​พร้อมเพรียง​ “ใช่แล้ว​ เป็น​เช่น​ที่​เจ้าว่า​ คนอื่น​ที่​มีอาการ​เดียวกัน​ กิน​ยา​เดียวกัน​กับ​ที่​หมอ​สั่งให้​ คนอื่น​หาย​ดี​เป็นปลิดทิ้ง​ แต่​นาง​กลับ​ไม่หาย​”

ไป๋​จื่อ​พยักหน้า​ “เช่นนั้น​ก็​เป็น​เพราะ​ยา​ไม่ถูก​กับ​อาการ​ อาการ​ของ​นาง​ไม่ได้​เกิด​จาก​โรค​ แต่​เกิด​จาก​พิษ​ อยาก​จะรักษา​อาการ​นี้​ให้​หาย​ ก็​ต้อง​กำจัด​พิษ​ใน​ร่างกาย​เสีย​ก่อน​”

ตง​ฟางมู่ยืน​ขึ้น​ด้วย​ความตื่นเต้น​ ก่อน​จะถามไป๋​จื่อ​ด้วย​ความรีบร้อน​ “ได้ยิน​เจ้าพูด​เช่นนี้​แล้ว​ หมายความว่า​เจ้ามีวิธี​รักษา​นาง​ใช่หรือไม่​”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา