ตอนที่ 623 ชะตากรรมของฉัน / ตอนที่ 624 มีทางช่วยฮูหยินแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
ตอนนี้ของ คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนางเอกเก่งทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 623 ชะตากรรมของฉัน / ตอนที่ 624 มีทางช่วยฮูหยินแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 623 ชะตากรรมของฉัน
“ฉันขอกล่องปฐมพยาบาลของคุณได้ไหม” เธอถาม
หลินหยางยกกล่องมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง วางมันลงบนต้นขาของเธอ
เธอใส่ยาลงในกล่อง สองมือกอดกล่องไว้จนแน่น ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะไม่มีทางปล่อยมืออย่างแน่นอน
หลินหยางถามอีกว่า “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลย ว่าคุณต้องการของพวกนี้ไปทำอะไร”
“หลินหยาง ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ว่าจิตวิญญาณของฉันอยู่ในร่างกายหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ร่างกายนั้นมีครอบครัวเป็นของตัวเอง และตอนนี้แม่ของฉันกำลังป่วย ฉันจำเป็นต้องใช้ยานี้ช่วยชีวิตเธอ” ไป๋จื่อพูด
แต่หลินหยางกลับขมวดคิ้ว “คุณถึงได้กลับมาที่นี่เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะยานี้ คุณก็จะไม่กลับมาแล้ว ผมเข้าใจถูกไหม”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้น หลินหยาง ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากกลับมา ฉันแค่ไม่รู้ว่าควรจะเจอหน้าคุณยังไงดี คุณไม่ควรมีชีวิตแบบนี้ ฉันรั้งคุณไว้ต่อไปไม่ได้”
หลินหยางมีสีหน้าขมขื่น “ไม่ใช่คุณที่รั้งผม แต่เป็นผมต่างหากที่รั้งคุณไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะผม อวี๋ม่านน่าก็คงไม่ลงมือทำร้ายคุณอย่างโหดร้าย แล้วคุณก็คงไม่ต้องกลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผม คุณถึงได้เป็นแบบนี้”
ไป๋จื่อส่ายหน้าอีกครั้ง “หลินหยาง คุณอย่าโทษตัวเองเลย ฉันไม่เคยโทษคุณเลยนะ นี่เป็นชะตากรรมของฉัน เผลอๆ ฉันอาจจะไม่ควรอยู่ที่โลกนี้ ฉันพบตัวตนที่แท้จริงของฉันที่โลกอีกใบหนึ่งแล้ว และฉันต้องการชีวิตแบบนั้นมาโดยตลอด หลินหยาง คุณปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยฉันไปแล้ว ก็ปล่อยวางตัวคุณเองด้วย”
หลินหยางส่ายหน้าไม่ยอมหยุด ดวงตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด น้ำตาไหลพรากลงมา
“ผมทำไม่ได้ ไป๋จื่อ ผมทำไม่ได้จริงๆ ผมไม่มีคุณไม่ได้ วันที่ไม่มีคุณ ก็เหมือนผมขาดความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมไม่รู้ว่าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ผมขอร้องคุณละ อย่ากลับไปอีกเลยได้ไหม”
เขารักเธอมาก หลายปีมานี้พวกเขาเรียนด้วยกัน ฝึกงานด้วยกัน สุดท้ายก็เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลหมิงซิงด้วยกัน เธอเห็นเขาเป็นคนที่สนิทที่สุด ถ้าไม่มีอุบัติเหตุในครั้งนั้น เธออาจจะคบกับเขาจริงๆ ก็ได้
แต่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้ามากมายขนาดนั้นหรอก
ที่เธอพูดได้ในตอนนี้มีแค่คำเดียวเท่านั้น ขอโทษ
“หลินหยาง ฉันขอโทษ!”
“ผมไม่อยากฟังคำขอโทษจากคุณ ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆ ผมตลอดไป”
เธอส่ายหน้า “ฉันคงทำไม่ได้หรอก!”
หลินหยางใช้หลังมือปาดน้ำตาที่หางตา เขามองเธออย่างไม่ละสายตา “ไป๋จื่อ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ผมก็จะหาทางรั้งคุณไว้ ถึงแม้ผมจะหาวิธีรั้งคุณไว้ไม่ได้ ผมก็ต้องหาหนทางตามหาคุณให้พบให้จงได้ ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน คุณอย่าได้คิดจะไปจากผมเลย”
เธอคิดว่าคำสาบานสามชาตินี้จะมีแต่ในละครโทรทัศน์หรือในนิยาย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้ยินเองกับตัว แต่เธอดีใจไม่ออก จะมีก็แต่ความทุกข์ใจและจนใจอยู่เต็มอก
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีห้า ท้องฟ้าเริ่มมีแสงอาทิตย์โผล่ออกมา ยามที่แสงจันทร์ถูกแทนที่ด้วยแสงตะวัน ไป๋จื่อก็สลบไสลไปเหมือนกับครั้งก่อน สิ่งของที่เธอกอดไว้ในอกก็หายไปพร้อมกับตอนที่เธอหลับไป หายไปอย่างไร้ร่องรอย
…
นางลืมตาขึ้น ม่านเตียงสีเขียวอ่อนสะท้อนเข้ามาในม่านตา กลับมาแล้ว นางกลับมาแล้ว
ไป๋จื่อหยัดกายลุกขึ้น กล่องปฐมพยาบาลปรากฏอยู่เบื้องหน้า
หลังจากเปิดฝากล่องออก นางก็หยิบยาที่ใส่ไว้ในถุงกระดาษออกมา เพนิซิลินห้ากล่อง เพียงพอที่จะใช้รักษาตงฟางหว่านเอ๋อร์แล้ว
นางรีบลงจากเตียง ก่อนจะซ่อนกล่องปฐมพยาบาลไว้ใต้เตียง ก่อนหน้านั้นนางหยิบยาเพนิซิลินในรูปแบบน้ำออกมาด้วย นางใช้เข็มฉีดยาดูดยาออกมาจากในขวด แล้วใช้ผ้าพันหลอดฉีดยาเอาไว้ คราวนี้ถึงจะนำมันไปที่ลานบ้านข้างๆ ได้
……….
“อ้อ จริงสิ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องเดินทางไปเมืองหลวง ร่างกายของหว่านเอ๋อร์จะไหวหรือ” ตงฟางมู่ถามอีก
ไป๋จื่อพยักหน้า “มีข้าอยู่ด้วยย่อมไม่เป็นอะไร ให้รถม้าวิ่งช้าหน่อย อย่าเร่งเดินทางจนเกินพอดี ก็น่าจะไม่เกิดอะไรร้ายแรงเจ้าค่ะ”
ตงฟางมู่วางใจลงได้แล้ว เขาพลันรู้สึกเบิกบานใจ “จื่อเอ๋อร์ ตอนนี้มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าล้วนไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น วางใจได้ทุกอย่างแล้วละ”
ไป๋จื่อกวาดสายตามองหรูเอ๋อร์ที่กำลังอัดอั้นตันใจ จึงกล่าวกับตงฟางมู่ว่า “นายใหญ่ ท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้ายังเรียกข้าว่านายใหญ่อยู่อีกหรือนี่ เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านตาสิ” ตงฟางมู่หัวเราะฮ่าๆ “เรียกข้าว่าท่านตาก่อน แล้วข้าจะช่วยเจ้า”
ไป๋จื่อเองก็อารมณ์ดี “ท่านตา ท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ”
คราวนี้ตงฟางมู่พยักหน้าด้วยความพอใจ “อืม…เรียกอีกครั้งสิ”
“ท่านตาๆ ท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จื่อยิ้มหวานหยาดเยิ้ม
คราวนี้ตงฟางมู่ถึงจะยอมรับปาก “พูดมาสิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ตาล้วนรับปากเจ้าทั้งสิ้น”
ไป๋จื่อรู้สึกอบอุ่นหัวใจนัก นี่เกรงว่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าสายเลือดกระมัง ถึงได้ทำให้คนสองคนที่เดิมทีไม่คุ้นเคยกัน สนิทชิดเชื้อกันเช่นนี้ภายในเวลาสั้นๆ ได้
“พวกข้าออกจากหมู่บ้านหวงถัวมานานแล้ว หูเฟิงจะต้องตามหาพวกข้าอยู่แน่นอน พ่อแม่ของหรูเอ๋อร์ รวมถึงพ่อของเสี่ยวเฟิง พวกเขาต้องเป็นห่วงพวกข้าแทบแย่แล้วแน่ๆ ท่านช่วยพวกข้าเขียนจดหมายส่งไปที่ค่ายทหาร ให้หูเฟิงรู้ว่าพวกข้าปลอดภัยดี ให้หรูเอ๋อร์ได้พบกับแม่ของนางโดยเร็วด้วยเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายแล้วละ ทัพใหญ่ของซีเยว่ถอนกำลังไปแล้ว ฝ่าบาทรับสั่งให้จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงโดยเร็ว เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาเดินทางถึงที่ใดแล้ว แต่ไม่เป็นไร พวกเราพบกันที่เมืองหลวงก็ได้ อีกไม่นานก็จะได้พบกันแล้ว”
หูเฟิงกลับเมืองหลวง อาอู่จะต้องตามมาด้วยแน่นอน เช่นนั้นจ้าวซู่เอ๋อก็ต้องร่วมเดินทางมาด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่าทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากันที่เมืองหลวงจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
อัพเดทตอนใหม่เมื่อไรค่ะ...
คุณแอดมินผู้ใจดี ช่วยอัพเดทตอนใหม่เยอะๆเลยนะคะ ชอบมาก สนุก พลีสสสสส...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
เอาใจช่วยหูเฟิงทวงคทนอำนาจนะ...
ถ้าพ่อไม่ถูกเมียรังแกจนเกือบตายก็คงไม่ตื่นสินะ...
ดีใจกับเสี่ยวเฟิง...