เมื่อออกจากโรงพยาบาล ทัง โรลชูว และ จ้าว ฉีเหยิงก็เดินทางไปยังสถานีตำรวจ
ทั้งคู่แจ้งความและเล่ารายละเอียดเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง ใช้เวลาไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับเรื่องพร้อมดำเนินการคดีความทันที
แม้จะยังหาตัวผู้เป็นบิดาไม่พบ แต่ชายหนุ่มก็ก้มหัวขอบคุณหญิงสาวที่คอยช่วยเหลือตนไม่หยุด
ส่วนโรลชูวเอง ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหนึ่งในสาเหตุการหายตัวไปของลุงจ้าวนั้นมาจากเธอด้วย และทุกครั้งที่มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของฉีเหยิง ก็รู้สึกเศร้าใจทุกที
สองร่างชายหญิงโบกมือลากันหลังจากให้ความกับทางเจ้าหน้าที่เสร็จ โรลชูวพุ่งตัวขึ้นรถวางแผนกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนอาหารเย็น ทว่าพอถึงหน้าบ้าน กลับมีร่างของเด็กตระกูลหมิงยืนอยู่
หมิง เสี่ยวเซียวไม่ได้ยืนมาแค่ตัวเท่านั้น เธอยังหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วย
โรลชูวไล่สายตามองจากสัมภาระขึ้นไปยังใบหน้าของเด็กสาว พลันขมวดคิ้ว “เสี่ยวเซียว นี่เธอ…”
“ฉันจะมาขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก” เธอตอบยิ้ม ๆ
นั่นทำให้เจ้าของบ้านถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจ “ขออยู่ที่นี่สักพัก? แล้วชินจินเห็นด้วยหรือเปล่า?”
เด็กสาวส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่…”
เสี่ยวเซียวค่อย ๆ เงยหน้ามองพี่สะใภ้ “ถ้าเธอโอเค เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
โรลชูวได้แต่อึ้งกับคำขอเชิงเอาแต่ใจนั่น
ทัง โรลชูวไม่อยากตอบรับ เพราะนี่คือบ้านของเธอกับชินจิน ถ้ายัยตัวร้ายนี่เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย มีหรือที่ชีวิตเธอจะได้อยู่อย่างสงบ
คิดแล้วจึงตอบกลับไปทันทีว่า “ขอโทษนะ เสี่ยวเซียว ฉันว่าเธอควรโทรขออนุญาตชินจินก่อน”
และหากเป็นชายที่รักล่ะก็ เขาต้องให้คำตอบที่ทำเธอพอใจอยู่แล้ว
แต่พอพี่สะใภ้บอกแบบนั้น เสี่ยวเซียวก็ปั้นหน้าเง้างอนทันควัน “โรลชูว เธอไม่ต้อนรับฉันเหรอ?”
โรลชูวยิ้ม “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? แต่ฉันแค่ตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ เธอควรถามความเห็นของชินจินด้วยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม