เมื่อพูดจบ โถงนั่งเล่นกว้างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ผู้นำตระกูลหยิงเลือดขึ้นหน้ากว่าเดิม ซ้ำยังตวัดสายตามองหน้าว่าแฟนลูกสาวเขม็ง
“พูดอะไรของแม่เนี่ย?” หยิง เสี่ยวเซียมมองไปที่แม่อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ลู เซียวเหยาคิดว่าการที่ผู้ใหญ่พูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าพวกท่านจริงจังและไม่ได้ล้อเล่นกับความสัมพันธ์นี้
คุณนายหยิงสบตากับแววตาเขินอายของว่าที่ลูกเขยอีกครั้ง พลางส่งยิ้มบางให้
เธอคิดว่ามันไม่ผิดที่เธอพูดออกไปแบบนั้น ซึ่งจำเป็นต้องหันมาพูดกับลูกสาวอย่างจริงจังว่า “แม่จริงจังนะ พวกลูกสองคนอย่าคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ รู้ไหมว่าสังคมทุกวันนี้มันต่างจากเมื่อก่อน และอีกไม่นานลูกก็ต้องเข้ามามีบทบาทในตระกูลของตัวเองมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่หัดระมัดระวังการกระทำของตัวเองให้ดี อาจโดยสังคมภายนอกตราหน้าว่าความได้นะ”
หยิง เสี่ยวเซียวหันไปสบตาแฟนหนุ่มแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “วางใจเถอะค่ะแม่ เราสองคนยังไม่ถึงขั้นนั้น”
คุณนายหยิงชะงักไป “ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืน พวกลูก…”
ถึงจะยังพูดไม่จบ แต่ถ้าสังเกตจากสีหน้าท่าทางของแม่แล้ว เสี่ยวเซียวก็รู้ว่ามารดากำลังเข้าใจผิด “พ่อแม่ เมื่อคืนหนูแค่นอนที่บ้านของเซียวเหยา ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นจริง ๆ ค่ะ” พูดอธิบายพร้อมยิ้มบาง
มากที่สุดก็แค่ เซียวเหยาช่วยเปลี่ยนชุดให้เธอก็เท่านั้น
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เขาเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเธอ ใบหน้าสวยก็ร้อนวูบ ก่อนจะรีบสูดหายใจปรับอารมณ์ให้นิ่งสงบเหมือนเดิม ร่างบางหันมองร่างสูงอีกครั้ง “เซียวเหยา ช่วยอธิบายเรื่องเมื่อคืนให้พวกท่านฟังหน่อยได้ไหม ไม่งั้นคงเข้าใจผิดกันไปใหญ่แน่ ๆ”
เซียวเหยาเลิกคิ้วไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เธออยากให้เขาอธิบายอะไร?
ให้พูดว่าเขาไม่ได้แตะต้องเธอจริง ๆ น่ะเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่รักสายฟ้าแลบ: เจ้าสาว ของ คุณ พอจะเป็น ฉันได้ไหม