หลิ่วชื่อเฉิงที่ไร้ความสดชื่นพลันยืดตัวขึ้นตรง จุ๊ปากเอ่ยอย่างประหลาดใจ “บังเอิญนักๆ บนเรือข้ามฟากถึงกับมีเจ้าแห่งบุปผาของพื้นที่มงคลร้อยบุปผาอยู่ด้วย มีเทพีบุปผาเจ้าชะตาอยู่ถึงสี่ท่าน พี่สาวเทพเซียนทั้งห้าล้วนงามยิ่ง แต่ละคนมีความงามแตกต่างกันไป ช่างเป็นบุญตายิ่งนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเปลี่ยนจากบุปผาเป็นวาสนาสาวงามหรือไม่…”
หานเชี่ยวเซ่อหลุดหัวเราะพรืด “คิดอยากจะมีวาสนาสาวงามยังจะไปยากอะไร เจ้าเอาหัวโหม่งเข้าไป หากเจ้าโหม่งตราผนึกขุนเขาสายน้ำของเรือข้ามฟากลำนั้นไม่ทะลุ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้”
หลิ่วชื่อเฉิงมีความคิดนี้อยู่จริงๆ
เรือข้ามฟากลำนั้นค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้
กู้ช่านกุมหมัดคารวะอยู่ไกลๆ แล้วก็ไม่สนว่าชิงจงฮูหยินแห่งหลุมน้ำลู่และแม่นางห้าท่านของพื้นที่มงคลร้อยบุปผาของเรือข้ามฟากฝั่งตรงข้ามจะมองเห็นหรือไม่ จะเก็บเอาไปใส่ใจหรือไม่
หานเชี่ยวเซ่อยิ้มบางๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้หลิ่วชื่อเฉิงก็ไม่มีหน้าวิ่งไปโอภาปราศรัยแล้ว
เจิ้งจวีจงไม่ได้ปรากฏตัว ฟู่จิ้นลูกศิษย์ใหญ่ของเขากลับเผยกาย เทพีบุปผาเจ้าแห่งชะตาคนหนึ่งในนั้นมีสีหน้าซับซ้อน มองมาทางเซียนกระบี่ฟู่ที่เคยถูกใต้หล้าไพศาลมองเป็น ‘จักรพรรดิขาวน้อย’ ผู้นั้นด้วยสายตาเหม่อลอย
เจ้าแห่งบุปผาของพื้นที่มงคลผู้นั้นโฉมสะคราญยิ่ง บุคลิกก็ยิ่งสง่ามีราศี สวมชุดคลุมอาคมปักลายร้อยบุปผา
นางมองมาทางกู้ช่านผู้ฝึกตนหนุ่มที่ชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลอย่างสนอกสนใจ ท่าทางสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยนสง่างาม ทั้งในและนอกร่างมีแต่กลิ่นอายของตำรา จะกลายเป็นคนบ้าคลั่งไปได้อย่างไร?
……
การประชุมในศาลบรรพจารย์ภูเขาตะวันเที่ยง ตลอดพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีขั้นตอนยุ่งยากเช่นนี้มาก่อน
การประชุมในวันนี้สิ้นสุดลง บรรพจารย์หญิงคนหนึ่งที่หลังจากแสงกระบี่แต่ละเส้นทยอยกันเปล่งแสงวูบผ่านไปแล้ว นางถึงจะทะยานลมออกมาจากยอดเขาบรรพบุรุษ กลับไปที่ภูเขาบ้านตัวเอง ไม่มีสหายเคียงคู่มาด้วย
ระหว่างทางนางผ่านภูเขาเดียวดายน้อยใหญ่ที่ถูกเรียกรวมว่ายอดเขาคู่รักซึ่งถูกปล่อยวางมาโดยตลอด ไม่เคยมีการเปิดยอดเขา เพราะภูเขาตะวันเที่ยงไม่เคยมีคู่รักผู้ฝึกกระบี่ที่สามารถจับมือกันเลื่อนขั้นเป็นเซียนดินมานานมากแล้ว
ซูเจี้ยเทพธิดาที่เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทวีป มีความหวังว่าจะได้ฝึกตนอยู่ที่นี่มากที่สุด น่าเสียดายที่มหามรรคาเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ สามสิบปีผ่านไป ลูกศิษย์อายุน้อยหลายคนที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในสำนักได้ไม่นาน เมื่อได้ยินชื่อนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้างงงัน
จากนั้นนางก็อ้อมผ่านยอดเขาเซียนเหรินสะพายกระบี่ ก่อนหน้านี้นางยังตั้งใจมาหยุดอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ นางไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับรักษากฎเกณฑ์ ทำตามระเบียบของบรรพจารย์ใช้มือข้างหนึ่งทำมุทราก้มหน้าคารวะอยู่ไกลๆ
เพียงแต่ตอนที่ก้มหน้าลง ผู้ฝึกตนหญิงที่มีนามว่าเถียนหว่านคนนี้กลับคลี่ยิ้มเย็นชาอ่อนจาง พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งนางก็กลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมดังเดิม
ยอดเขาแห่งนี้ระดับความสูงเป็นรองแค่ภูเขาบรรพบุรุษเท่านั้น บนยอดเขาปักกระบี่ยาวของตกทอดของบรรพจารย์บุกเบิกภูเขาตะวันเที่ยงไว้เล่มหนึ่ง ระดับขั้นไม่สูง ไม่ใช่อาวุธกึ่งเซียน แต่กลับมีความหมายยิ่งใหญ่อย่างมาก
บรรพจารย์ท่านนั้นตั้งกฎเหล็กเอาไว้ข้อหนึ่ง มีเพียงผู้ฝึกกระบี่รุ่นหลังของภูเขาตะวันเที่ยงที่เป็นเซียนกระบี่ด้วยอายุร้อยปีเท่านั้นถึงจะสามารถเอากระบี่ยาวเล่มนี้กลับไปวางไว้ในศาลบรรพจารย์อีกครั้งได้ เรียกได้ว่าหวังดีห่วงใยจากใจจริง ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมีอีกชื่อว่าภูเขากระบี่
ผู้ถวายงานปกป้องภูเขาของภูเขาตะวันเที่ยง วานรขาวหยวนเจินเย่มักจะมาฝึกตนที่ยอดเขาสะพายกระบี่ลูกนี้เป็นประจำ ในฐานะเผ่าพันธุ์ย้ายภูเขาที่เป็นทายาทของยุคบรรพกาล หยวนเจินเย่มีชื่อที่ดี อักษรคำว่าเจินและเย่รวมกับคำว่าภูเขา มีความหมายว่า ‘ยอดเขา’ เมื่อภูเขาตะวันเที่ยงเลื่อนขั้นเป็นสำนักได้สำเร็จ ฐานะของวานรขาวตัวนี้ก็เหมือนเรือที่ลอยขึ้นสูงตามน้ำไปด้วย เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่หยวนเจินเย่ไปปรากฏตัวบนภูเขาลูกอื่นเป็นบางครา เสียงเรียกขานว่าบรรพจารย์ย้ายภูเขาของเหล่าลูกศิษย์ฝ่ายในจึงดังสะเทือนชั้นฟ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข่าวลือเล็กๆ ที่เริ่มแพร่ไปบนภูเขาแล้วว่า อันที่จริงอีกไม่นานบรรพจารย์ย้ายภูเขาจะมีตบะห้าขอบเขตบนที่น่าตะลึงพรึงเพริดแล้ว
ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ไม่น้อยที่ถือโอกาสเรียกอีกฝ่ายด้วยความเคารพว่าพญาย้ายภูเขา
ซานจวินห้าขุนเขาซึ่งเป็นห้าขอบเขตบนคนแรกของแจกันสมบัติทวีปคือเว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋น ถ้าอย่างนั้นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาบ้านตนผู้นี้ก็จะได้กลายเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนที่มีชาติกำเนิดเป็นภูตตนแรก
ใจคนของภูเขาตะวันเที่ยงไม่เคยรวมกันเป็นหนึ่งเช่นนี้มาก่อน จิงเสินชี่ของผู้ฝึกตนไม่เคยฮึกเหิมห้าวหาญเช่นนี้มาก่อน
ต่อให้จะเป็นแค่ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่เพิ่งเข้ามาอยู่บนภูเขา ต่อให้จะเป็นแค่เด็กหนุ่มเด็กสาวที่ไม่รู้ประสา ก็ล้วนเริ่มรู้สึกว่าแจกันสมบัติทวีปที่เคยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล คล้ายว่าอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นเล็กมาก สายตาและความคิดจิตใจของพวกเขาจะลอยไปยังอุตรกุรุทวีปพันธมิตรที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายราวก้อนเมฆ จะลอยไปยังใบถงทวีปทางทิศใต้ที่ซากปรักทุกหนทุกแห่งคล้ายตะกร้าที่แตกรั่วก็ล้วนทำได้
เฝ้ารอคอยจนเมฆเปิดทางให้แสงจันทร์สุกสว่าง ประโยคนี้พูดถึงหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้าที่ตายไปแล้ว
ประหนึ่งตะวันกลางนภา พูดถึงภูเขาตะวันเที่ยงที่ไม่เพียงแต่เลื่อนขั้นเป็นสำนักอักษรจง ยังเริ่มสร้างสำนักเบื้องล่าง แม้ดูเหมือนจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครสงสัยในเรื่องที่ภูเขาตะวันเที่ยงจะต้องได้ครอบครองสำนักเบื้องล่างที่ถูกต้องชอบธรรมอย่างแน่นอน มองไปทั่วทั้งแจกันสมบัติทวีป แม้แต่สำนักโองการเทพที่เป็นผู้นำบนภูเขาก็ยังไม่อาจได้ครอบครองสำนักเบื้องล่าง
ทุกวันนี้พวกคนที่สอดรู้สอดเห็นของภูเขาตะวันเที่ยงชอบวิจารณ์บุคคลที่มีชื่อเสียงของหนึ่งทวีปมากที่สุด ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์บนภูเขาที่ยิ่งนานก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นต่างก็รู้สึกจากใจจริงว่าหลี่ถวนจิ่งก็แค่โชคดีที่ตายไปก่อน ไม่อย่างนั้นชีวิตบั้นปลายต้องไม่มีทางสงบสุขได้แน่นอน ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเซียนกระบี่อายุน้อยบางคนของภูเขาตะวันเที่ยงโจมตีให้พ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย
เถียนหว่านกลับมาที่ยอดเขาจูอวี๋ สถานที่ฝึกตนของนางโกโรโกโสอย่างยิ่ง มีแค่เรือนเรียบง่ายแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ไม่ได้อยู่บนจุดสูงของภูเขาที่การมองเห็นเปิดกว้างด้วยซ้ำ
นางเป็นทั้งเถียนหว่านแห่งศาลบรรพจารย์ บรรพจารย์หญิงผู้หนึ่งที่ตำแหน่งเก้าอี้ค่อนไปทางด้านหลัง ดูแลข่าวคราวในขุนเขาสายน้ำของที่ว่าการชิงสุ่ยและบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วเถียนหว่านเองก็ควบคุมดูแลเรื่องรายงานข่าวในนามด้วย เพียงแต่ว่าถูกสายของผู้คุมกฎของศาลบรรพจารย์ทิ้งตำแหน่งนี้ไว้ให้ว่างเปล่า นางไม่มีคุณสมบัติจะสอดมือเข้าแทรกเรื่องพวกนี้ มีเพียงรอให้เกิดข้อบกพร่องอะไรขึ้นมาเสียก่อน นางถึงจะถูกดึงตัวออกมา
ดังนั้นเถียนหว่านจึงเป็นสมาชิกของศาลบรรพจารย์ที่ผู้คนไม่รู้สึกถึงการดำรงอยู่ของนางเป็นที่สุด ในศาลบรรพจารย์ มีนางอยู่ก็ไม่มาก ไม่มีนางก็ไม่น้อย
ไม่ได้สอนลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจที่มีเวทกระบี่โดดเด่นอะไรออกมาได้ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง ได้แต่เฝ้าอยู่บนยอดเขาจูอวี๋ที่มีแขกมาเยือนบางตา ต่างก็พูดกันว่าภูเขาต่อให้ไม่สูงแค่ไหน แต่หากมีเซียนมาอยู่ก็ศักดิ์สิทธิ์ได้ ยอดเขาจูอวี๋ที่น่าสงสารกลับได้คำเรียกขานว่า ‘นกไม่ยืน’ มาครองเพราะเถียนหว่าน
แต่นางคือศิษย์น้องหญิงของโจวจื่อที่ ‘พูดได้ทุกเรื่องราว’ ผู้นั้น
แล้วยังเป็นหนึ่งในยี่สิบคนที่ได้เข้าร่วมการประชุมลับของสถานที่แห่งหนึ่ง
ท่ามกลางพื้นที่ลับขุนเขาสายน้ำที่ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ฝึกตนไปเยือนด้วยตัวเองแห่งนั้น เจ้าสำนักของสำนักว่านเหยาแห่งพื้นที่มงคลสามภูเขา หันอวี้ซู่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเหรินมีประสบการณ์ตื้นเขิน ตำแหน่งเก้าอี้นับจากด้านหลังมาเป็นอันดับที่สอง ก็แค่ดีกว่าเจ้าสำนักฉงหลินที่อยู่ในอันดับสุดท้ายนิดหน่อยเท่านั้น ทุกครั้งที่มีการประชุม สองคนนี้ไม่อาจเอ่ยพูดอะไรได้อยู่แล้ว แทบจะทำได้เพียงรับฟังคำสั่งแล้วปฏิบัติตามเท่านั้น ยากที่จะต่อรองราคากับใครได้
หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ยังรับคนรุ่นเยาว์มาอีกกลุ่มหนึ่ง ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด บางคนที่ต่อให้จะกลายมาเป็นแค่ตัวสำรอง ก็จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากคนที่มีตำแหน่งที่นั่ง รวมไปถึงต้องได้รับการยอมรับจากคนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเสียก่อน หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ก็จะต้องรับผิดชอบที่สร้างความเดือดร้อนอย่างร้ายแรง
ยกตัวอย่างเช่นสวี่เซวี่ยน ลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของเซียนกระบี่ใหญ่ป๋ายฉาง ก็คือคนที่ได้รับการแนะนำจากเจ้าสำนักฉงหลิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!