..ห้องผู้จัดการ..
ดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะเนื้อหอมเป็นพิเศษ เมื่อวานนี้ห้องท่านประธานวันนี้ห้องผู้จัดการ
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวกล่าวสวัสดีพอให้เป็นพิธี แต่เธอก็ไม่ได้ยกมือขึ้นมาไหว้
"ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย"
"ค่ะ" ถ้าไม่มีเรื่องคุยคงไม่ให้คนไปตามเธอขึ้นมาหรอก
"มานั่งก่อนสิ"
จ๊ะเอ๋ก้าวเดินเข้าไปนั่งลงเก้าอี้ด้านหน้าของพระลักษณ์แบบมั่นใจในตัวเอง ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้พกเอาความมั่นใจมาด้วยเลย
"ผมจะหางานที่เหมาะสมกับคุณให้" พระลักษณ์เห็นว่าพ่อกลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก ก็เลยคิดว่าต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว
"จะไล่ฉันออกหรือคะ" ขณะที่พูดใบหน้าของเธอก็ยังคงนิ่ง เหมือนไม่สะทกสะท้านสะเทือนใดๆ เลย
"อย่าว่าไล่ออกเลย แค่จะโยกย้ายงาน"
"ฟังดูดีนะคะ แล้วจะโยกย้ายไปที่ไหนล่ะ"
"ผมมีอยู่สามบริษัทให้คุณเลือก เป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนกับที่นี่โดยตรง ถ้าคุณได้ไปทำงานที่นั่นผมจะให้คุณบรรจุเป็นพนักงานประจำ ไม่ต้องฝึกงานอีกต่อไป"
"แล้วเงินเดือนล่ะคะ"
"อะไรนะ" เขาคิดว่าเธอจะไม่กล้าพูดเรื่องนี้ ..แน่นอนว่าทุกคนไม่กล้าถามเรื่องเงินเดือนอยู่แล้วถ้าจะถูกย้าย..เพราะดีเท่าไรแล้วที่ไม่ไล่ออก
"ถ้าเงินเดือนไม่พอยาไส้ ฉันขอเลือกทำงานที่นี่ต่อ"
"เรื่องเงินเดือนผมจะให้ทางนั้นจ่ายให้คุณตามความเหมาะสม เพราะคุณก็ได้บรรจุงานแล้ว"
"เท่าไรล่ะคะ..ต้องบอกตัวเลขให้ได้ด้วยสิ"
"พนักงานที่เริ่มบรรจุใหม่ เงินเดือนก็สตาร์ทที่สองหมื่นบาท"
"สองหมื่นบาทเองหรือคะ"
"ที่นี่คุณได้เงินเดือนแค่หมื่นกว่าๆ เองไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงพูดว่าแค่สองหมื่นบาท"
"คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะมั้งคะ"
"เข้าใจผิด?" พระลักษณ์เปิดแฟ้มเอกสารที่ ให้คนเอาขึ้นมาให้ก่อนที่จะเรียกเธอเข้ามา..ดูว่าเงินเดือนของเธอเท่าไรกันแน่
"คุณไม่ต้องดูเอกสารพวกนั้นหรอกค่ะ เพราะเอกสารพวกนั้นไม่สามารถยืนยันเงินเดือนของฉันได้"
"ทำไม"
"นี่ขนาดยังไม่ถึงเดือนเลย ฉันก็ได้ไป 20 ล้านบาทแล้ว คุณคิดว่าถ้าถึงสิ้นเดือน ฉันจะได้อีกเท่าไรล่ะคะ"
"หึ" ร่างหนาที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านหน้าค่อยๆ พิงหลังกับพนัก สองมือกอดอก ดวงตาคมเข้มมองมาที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
"หน้าฉันมีอะไรติดหรือเปล่าคะ หรือว่าจมูกยังโด่งไม่พอ ต้องไปเพิ่มจมูกอีกหน่อยแล้ว เออ..แต่ว่าช่วงนี้เขาฮิตคางเรียวกันด้วยนี่" ว่าแล้วจ๊ะเอ๋ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สิ่งที่เธอพูดไปสื่อให้คนที่นั่งอยู่ รู้ว่าเธอจะสูบเลือดสูบเนื้อจากพวกเขามาทำอะไรอีก...
ออกมาจากห้องของผู้จัดการได้ มือเรียวยกขึ้นมาแนบหน้าอก แล้วรีบหายใจเข้าลึกๆ เพราะอยู่ในห้องเธอแทบจะไม่ได้หายใจ
"จ๊ะ" ของขวัญวางงานที่กำลังทำอยู่แล้วรีบเดินเข้ามาหาเพื่อน "ผู้จัดการเรียกแกเข้าไปทำไม" เห็นสีหน้าเพื่อนดูไม่ค่อยดี
"เดี๋ยวแม่ไปเป็นเพื่อน" จอยเห็นว่ามันมืดค่ำมากแล้ว และคนที่มาขนของก็มีแต่ผู้ชายน่ากลัวทั้งนั้น
"ไม่ต้องหรอกแม่ ดูของช่วยพวกเขาเถอะ"
พอได้เบอร์เธอก็โทรไปจ้าง ..และเพียงไม่นานรถ 6 ล้อที่รับจ้างขนของก็มาถึง
จอยแอบแปลกใจเมื่อได้ยินลูกบอกให้ไปที่หมู่บ้านจัดสรรแถวบริษัท แต่ก็ไม่ได้ถามว่าไปทำไมที่นั่น เพราะจอยคิดว่าลูกคงจะเห็นห้องเช่าอยู่แถวหมู่บ้านนั้น
[หมู่บ้านจัดสรร]
"เราเข้ามาในหมู่บ้านทำไมลูก" หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านของคนมีอันจะกิน ไม่มีใครปล่อยให้เช่าอยู่แล้ว
"ก็ไปอยู่บ้านของเราไงคะแม่"
"บ้านของเรา?"
"ใช่ค่ะ" ถ้าพวกเขาไม่กดดันเธอแบบนี้ จ๊ะเอ๋คงไม่คิดจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อยู่แล้ว
พอรถจอดลงที่หน้าบ้าน จอยก็ยังไม่ยอมให้ขนของลง เพราะนางต้องถามเอาความจากลูกสาวให้ได้ก่อน
"แม่จะดูใบโฉนดเลยไหมล่ะ บ้านหลังนี้เป็นชื่อฉันเอง รวมทั้งรถที่จอดอยู่ในนั้นด้วย" ถึงว่าทำไมไม่เห็นรถจอดอยู่หน้าบริษัท เขาเอามาไว้บ้านนี่เอง และเธอก็ไม่คิดจะโกหกแม่อีกแล้ว
"ท่านประธานให้เยอะมากขนาดนี้เลยเหรอลูก"
"ค่ะ" มันยังไม่ใช่เวลาที่ต้องมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ที่เธอตอบไปก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด เพราะเงินทุกบาทที่ซื้อของก็คือเงินท่านประธานนั่นเอง
แกร็ก! จ๊ะเอ๋ใช้กุญแจที่มีอยู่เปิดประตู หน้าบ้าน เพื่อให้รถ 6 ล้อถอยเอาของเข้าไปลงให้ ..ส่วนจอยทำได้แค่ยืนมองตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าลูกมีกุญแจบ้านหลังนี้จริงๆ ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
แอดค่ะ บอกบุญหน่อย อ่านต่อได้ที่ไหนค่ะ...