เราเป็นอะไรสำหรับเขางั้นเหรอ ทำไมรอบข้างของเขาถึงมีแต่ผู้หญิง เขายังคงเห็นเราเป็นของเล่นอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม
"น้องเป็นอะไร" เสมียนที่สโตร์ถามเมื่อเห็นเธอปาดน้ำตา
"จะมาซื้อชุดพนักงานเพิ่มอีกสองชุดค่ะ"
พอมองดูแล้วว่าเธอน่าจะใส่ไซส์อะไรเสมียนคนนั้นก็เลยหยิบชุดส่งมาให้ แต่ก็แอบแปลกใจ มาซื้อชุดทำไมร้องไห้ด้วย
"น้องจะจ่ายสดหรือว่าจะให้หักจากเงินเดือนคะ"
"หักเงินเดือนได้ด้วยหรือคะ" ถ้ารู้ว่าหักจากเงินเดือนได้ เธอคงไม่รอมาจนถึงวันนี้หรอก
"ใช่ค่ะ ตอนอบรมเจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกหรือคะ"
เขาคงบอกแหละแต่เราไม่ได้ตั้งใจฟัง "จ่ายสดค่ะ แต่ขอเป็นโอนจ่ายนะคะ" จะกลัวอะไรเงินในธนาคารมีตั้งห้าล้านบาท
พอได้ชุดใหม่แล้วจ๊ะเอ๋ก็เลยถือกลับมาที่แผนกด้วย เพื่อเป็นข้ออ้างว่าทำไมเธอถึงเข้างานช้า
"ทีหลังถ้าจะซื้อชุด ค่อยออกไปซื้อเวลาพักเที่ยง หรือไม่ก็ใกล้เลิกงาน" เป็นข้ออ้างได้ก็จริง แต่มันคือเรื่องส่วนตัวก็เลยถูกหัวหน้าตำหนิอยู่บ้าง
"ค่ะ"
ห้องอบรม..
"รอบนี้ก็มีพนักงานที่เพิ่งจะเรียนจบเข้ามาอีกแล้วเหรอ" ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นรายชื่อพนักงานใหม่และประวัติก็เลยถามกันดู
"จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย" คนที่ตอบหมายถึงว่าจบจากที่เดียวกับจ๊ะเอ๋และของขวัญ ..ใช่แล้วคนที่ทั้งสองพูดถึงก็คือหนุงหนิงที่เพิ่งจะจบออกมารุ่นเดียวกับจ๊ะเอ๋แต่คนละคณะ
"แปลกนะบริษัทเราไม่เคยเห็นรับคนที่ไม่มีประสบการณ์เข้ามาทำงานเลย"
"แต่สามคนนี้สวยนะ คงรับเพราะความสวยแหละ"
"สวัสดีครับน้องๆ ผมขอแนะนำตัวนะ ผมชื่อพระลักษณ์เป็นผู้จัดการของที่นี่" คนที่เข้ามาให้ความรู้ต่างก็ทยอยเข้าออกทีละคน ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อให้พนักงานได้รู้จักว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน และถือว่าให้ความรู้กับพนักงานใหม่ไปในตัว
"พระลักษณ์? พระราม?" หนุงหนิงเริ่มแปลกใจ ทำไมผู้จัดการถึงมีชื่อคล้ายกับพระราม ..อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่ที่แน่ๆ การที่หนุงหนิงเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ มันไม่ใช่ความบังเอิญแน่ เพราะมีคนติดต่อไปให้เธอเข้ามาสมัครงาน แต่คนนั้นเป็นใครล่ะ? หนุงหนิงกรอกสายตามองไปทั่วห้อง ว่าคนนั้นอยู่ในที่นี้ไหม เพราะการสมัครงานของเธอดูราบรื่นมาก จะว่าเป็นพระรามก็ไม่ใช่ เพราะหนุงหนิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระรามทำงานอยู่ในบริษัทนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ของเขา พระรามก็หายไปไม่ส่งข่าวกลับมาอีกเลย
เที่ยงวันเดียวกัน..
หนุงหนิงที่กำลังมองหาที่นั่ง แต่พอมองไปเห็นพระรามนั่งอยู่กับพนักงานคนที่เป็นผู้ช่วยของเขา หนุงหนิงก็รีบเดินเข้าไปหา
"ให้หนิงนั่งด้วยคนนะคะราม"
"นั่งสิ" ถึงแม้คนที่ขอนั่งด้วยไม่ใช่หนุงหนิง แต่เป็นคนอื่นเขาก็ต้องได้อนุญาตอยู่แล้ว
และมันก็ทำให้หลายคนต่างก็มองว่าใครที่กล้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับหัวหน้ารามและมัลลิกา
"หนิงดีใจนะคะที่ได้เจอรามอีกครั้ง" ประโยคนี้หนุงหนิงได้พูดกับเขาส่วนตัวแล้วครั้งหนึ่ง แต่อยากจะพูดให้มัลลิกาที่นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะอยู่รู้ว่าตัวเองสนิทกับพระราม
"รีบกินเถอะ เดี๋ยวช่วงบ่ายก็มีอบรมอีก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
แอดค่ะ บอกบุญหน่อย อ่านต่อได้ที่ไหนค่ะ...