กว่าจะออกมาจากโรงหนังก็เกือบค่ำแล้ว เขาก็เลยพาเธอเดินกลับมาที่รถ ซึ่งอยู่ลานจอดรถของห้าง
"อยากไปไหนอีกไหม"
"นายมีอะไรก็พูดมาเถอะ"
"พูดอะไร?" เขาหันกลับไปเลิกคิ้วมองใบหน้า ของเธอในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถให้
"คุยกับท่านประธาน ท่านบอกว่ายังไง" อีกใจหนึ่งก็กลัวมาก ที่เขาทำดีอาจเพราะจะทำตามที่พ่อสั่ง
"ไม่ต้องไปใส่ใจ" เมื่อรู้ว่าเธอหมายถึงอะไรเขาก็เลยเปิดประตูรถ แล้วก็จับร่างของเธอให้เข้าไปนั่ง
"ท่านจะให้นายแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม" มือเรียวคว้าแขนคนที่กำลังจะปิดประตูให้คุยกันก่อน
"ก็บอกว่าไม่ต้องไปใส่ใจไง"
"จะไม่ให้ใส่ใจได้ยังไง ที่ตามใจมาทั้งวัน เพราะอยากจะบอกเรื่องนี้กับฉันไม่ใช่เหรอ"
"เอาความคิดนี้มาจากไหน" มือหนาเอื้อมเข้าไปขยี้ผมของเธอเบาๆ
"ฉันกลัว" มารยาหญิงเธอก็ไม่มีจะใช้กับเขา เอาสิ่งที่อยู่ในใจนี่แหละออกมาคุยเลย "กลัวว่านายจะไปแต่งงานกับคนที่ท่านประธานหาให้"
พระรามไม่ได้ตอบประโยคนี้ แต่เขาที่ยืนอยู่ โน้มตัวเข้าไปจูบเธอที่นั่งอยู่เบาะรถข้างคนขับ โดยไม่กลัวว่าจะมีใครเห็น
"รู้ไหมว่าปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรอกนะ" พอปล่อยจูบแล้ว เขาก็กระซิบพูดกับเธอเบาๆ
อะไรคือปาฏิหาริย์ ..หญิงสาวทำได้แค่คิดแล้วมองตามเขาที่เดินอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ
ปาฏิหาริย์ที่พระรามหมายถึงคือเรื่องที่ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะนั่นมันคือปาฏิหาริย์สำหรับเขาแล้ว
วันต่อมาที่บริษัท..
"คุณจะให้ฉันฝึกงานอะไรต่อ" หญิงสาวนั่งลงได้สักพักแล้ว แต่เขาก็ยังคงมัวยุ่งแต่กับงาน เพราะทิ้งงานไปสองวัน รวมทั้งพนักงานใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาด้วย
"ผมเคลียร์งานเสร็จก่อนเดี๋ยวหางานให้ทำ ระหว่างนี้ก็นั่งเล่นไปก่อน"
"คุณพระราม ฉันไม่ใช่เจ้าของบริษัทนะที่จะมานั่งเล่นเอาเงินเดือน" ว่าแล้วหญิงสาวก็ยันกายลุกขึ้นจากโซฟา
"จะไปไหน"
"ไปหาพี่สายหยุด"
"สายหยุดไหน"
"สายหยุดในแผนกบัดกรีคนที่เอาของมาส่งให้วันนั้นไง"
"หยุด!" ได้ยินแบบนั้นเขารีบหยุดเธอไว้ทันที
"ทำไม" จ๊ะเอ๋ตกใจเพราะเขาใช้เสียงตะคอก
"รู้ไหมว่าสารตะกั่วมันเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง"
"จริงเหรอ?"
"ตอนที่อบรมไม่ได้ฟังเลยหรือไง"
"ไม่ได้ฟัง เขามีอบรมเรื่องนี้ด้วยเหรอ"
"ต้องมีสิ เรื่องไหนที่เป็นอันตรายต่อพนักงานก็อบรมทั้งนั้นแหละ"
นี่แสดงว่าเธอไม่ได้สนใจการอบรมเลยเหรอเนี่ย ..จะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปสนใจล่ะ ในเมื่อเขานั่งทำหน้าเข้มอยู่ในห้องนั้นตลอด
"ไม่ฟังการอบรมแล้วเข้าไปนั่งในห้องอบรมทำไม"
"ไม่บอก"
"ก็เห็นอยู่ว่านั่งฟัง" พอเห็นว่าเธอนั่งลงที่เดิมเขาก็เลยนั่งลงเช่นกัน
"ใครจะมีอารมณ์ไปฟังล่ะ ก็ตัวเองอยู่ในห้องนั้นด้วย" หญิงสาวพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ
"อะไรนะ"
"เปล่า"
"ถ้ายังง่วงอยู่ก็นอนต่อ" พระรามไม่ได้สนใจคนที่อยู่ในห้องเลย เขาสนใจเธอที่มีสีหน้าตื่นตกใจมากกว่า
"ไม่คิดว่าจะหลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น" พระลักษณ์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วก็เดินออกจากห้องไป
มัลลิกาแอบยิ้มมุมปากแบบสะใจ ที่เห็นผู้จัดการต่อว่าพระรามเรื่องผู้หญิงคนนี้
"ผู้จัดการคะรอลิกาก่อน" ในเมื่อพระรามมองไม่เห็นหัวแล้ว มัลลิกาก็เลยคิดว่าหาผู้ชายคนอื่นดีกว่า
"มีอะไร"
"ผู้จัดการยังเห็นน้อยนะคะเนี่ย"
"เธอหมายความว่ายังไง" จากที่ไม่ได้หันกลับไปมอง พระลักษณ์ก็ค่อยๆ หันไป
"เรื่องผู้หญิงคนนี้แหละค่ะ แต่ลิกาไม่กล้าพูดหรอกค่ะ กลัวคุณราม..เออ.."
"คืนพรุ่งนี้งานเลี้ยงบริษัท เธอก็ไปร่วมงานด้วยแล้วกัน" พระลักษณ์เห็นแล้วว่าเธอคนนี้พอจะช่วยงานเขาได้
"จะให้ลิกาไปร่วมงานด้วยหรือคะ งานเลี้ยงผู้ถือหุ้นเนี่ยนะคะ" มันคือความฝันของสาวๆ ทั่วบริษัทที่อยากจะไปร่วมงานเลี้ยงนี้ "..แล้วฉันต้องใส่ชุดไหนเนี่ย" มัลลิกาเอ่ยพูดขึ้นเมื่อพระลักษณ์เดินจากไปแล้ว
"ฉันขอโทษที่เผลอหลับไป" จ๊ะเอ๋รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ ที่ผู้จัดการมาเห็นภาพเธอแบบนั้น จากที่ไม่ชอบหน้าเธออยู่แล้ว คงจะกลายเป็นเกลียดเลยสินะ
"ถ้ายังง่วงอยู่ก็นอนต่อ" เขาไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะเข้ามาเห็น แต่เขากลับโมโหด้วยซ้ำที่คนพวกนั้นทำให้เธอตื่น
เย็นวันเดียวกัน..
{"ฉันมาหาแกที่บ้านเช่า แต่คนที่นี่บอกว่าแกย้ายออกไปแล้ว"} ของขวัญไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนหลายวันแล้ว คิดว่าตอนเย็นค่อยมาหาที่บ้านเช่าแล้วกัน แต่พอมาก็เจอแต่ความว่างเปล่า
{"ฉันย้ายออกมาจากที่นั่นแล้ว"}
{"ทำไมถึงย้าย แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน แล้วนี่ย้ายไปอยู่ที่ไหน"}
{"เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง"}
{"ไม่ทันแล้ว แกคงต้องได้เล่าให้ฉันฟังวันนี้เลย เพราะพรุ่งนี้ผู้จัดการจะให้ฉันไปงานเลี้ยงบริษัทด้วย"} นี่แหละที่ของขวัญอยากจะคุยกับเพื่อน เพราะตอนที่ผู้จัดการเรียกเข้าไปหาในห้อง เอาแต่สอบถามเรื่องของจ๊ะเอ๋ แถมยังบอกให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงบริษัทด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
แอดค่ะ บอกบุญหน่อย อ่านต่อได้ที่ไหนค่ะ...