ตอน บทที่ 1 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ราตรีกาล ดึกสงัด จันทราเต็มดวงลอยเด่น เหล่าหมู่มวลดาราส่องระยิบระยับพร่างพราวเต็มฟ้า
ถึงกระนั้น ท่ามกลางธารดาราที่กระจุกตัว ยังปรากฏแสงสว่างเก้าสีที่กะพริบอ้อยอิ่ง และส่องประกายแพรวพราว
เมื่อสัญญาณประหลาดปรากฏขึ้นเหนือฟากฟ้าเช่นนี้ ย่อมหมายว่าจะมีกายาศักดิ์สิทธิ์ลงมาจุติในพิภพ
ณ เวลานั้นท่ามกลางการชุมนุมใหญ่ของจักรวรรดิแห่งเก้ามณฑล ผู้อาวุโสสวมชุดสีทองอร่ามยืนแหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าพลางเอามือไพล่หลัง
เบื้องหลังของอาวุโสผู้นั้นล้วนเต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์นับหมื่นของจักรวรรดิที่กำลังคุกเข่าราวกับรอรับคำสั่งบางอย่าง
"เปรี้ยงงงงง"
ทันใดนั้นแสงสว่างขมวดตัวก่อร่างเป็นสายฟ้าเก้าสี มันแหวกตัวผ่านธารดาราและสรวงสวรรค์ลงมาเบื้องล่าง
ฉับพลันท้องฟ้ายามค่ำคืนพลันกำเนิดแสงสว่างไสวราวกับว่ารุ่งอรุณได้มาเยือน ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดตัวลงมาสัม ผัสพสุธา ผืนดินก็ส่งเสียงครางครืน และเกิดการสั่นไหว อย่างน่าสะพรึง
แต่เมื่อขณะที่สายฟ้า และผืนปฐพีได้หลอมรวมกัน กลับไม่ปรากฏร่องรอยความเสียหายใด ๆ มันกลับพลันสาบ สูญไปโดยไร้ร่องรอย
เมื่อสิ้นแสงจากปรากฏการณ์ ความมืดมิดก็ปกคลุมราตรีกลับมาเฉกเช่นเดิม เพียงแต่ครานี้ดูเหมือนว่าราตรีนี้จะมืดหม่นลงกว่าเดิมเล็กน้อย เหมือนว่ามันสูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่างในตัวมันไป และความเงียบสงัดก็กลับคืนมาอีกครั้ง
สายตาของผู้อาวุโสลุกโชนด้วยประกายประหลาด ทั่วสรรพางค์กายของมันสั่นสะท้าน มันชี้นิ้วไปยังจุดที่สายฟ้าฟาดลงมา ออกคำสั่งว่า "ภายในขอบเขตแห่งแคว้นชิงโจวนี้ พวกเจ้าจงนำกำลังออกไปค้นหาทารกทั้งหมดที่เกิดในราตรีนี้ และพาตัวทั้งหมดกลับมา"
"น้อมรับคำสั่ง!"
เสียงขานรับก้องดังประดุจเสียงฟ้าผ่า ดังสะท้อน กังวานราวกับจะไปถึงเส้นขอบฟ้า และกองกำลังนับหมื่นแห่งจักรวรรดิมุ่งหน้าไปยังแคว้นชิงโจว พวกมันต้องทำทุกอย่างเพื่อค้นหากายาศักดิ์สิทธิ์ให้พบ
ห้าปีผ่านไปดุจพริบตา ทว่าผู้คนในยุทธภพยังจดจำเหตุการณ์น่าสะพรึงในราตรีนั้นได้ ไม่มีใครคาดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
ภายในเขตของแคว้นชิงโจวแห่งเก้ามณฑล ท่ามกลางบรรดาสำนักน้อยใหญ่ที่มีมากดุจเม็ดทราย 'สำนักมังกรคราม' คือหนึ่งในนั้น
วันนี้เป็นอีกคราที่สำนักทำการเปิดการรับศิษย์เข้าสำนักประจำปี ทะเลคนคราคร่ำล้อมรอบสำนัก
ทุกคราที่มีการเปิดรับศิษย์ใหม่ กลุ่มศิษย์ที่ต้องทำงานหนักที่สุดเพราะต้องรับหน้าที่จัดการดูแลการรับสมัครศิษย์ใหม่คงหนีไม่พ้นบรรดา "ศิษย์นอกสำนัก"
พวกมันคือกลุ่มศิษย์ที่ต้องทำงานหนัก และไร้เกียรติ ไม่เพียงตำแหน่งศิษย์นอกสำนักถือเป็นศิษย์ระดับล่างสุด แม้กระทั่งบุคคลภายนอกก็ล้วนดูหมิ่นเหยียดหยามพวกมันเช่นกัน
เหตุผลที่พวกมันล้วนถูกดูถูกเหยียดหยามก็เพราะว่า ศิษย์นอกสำนักนั้นล้วนไร้ความสามารถ และชั่วชีวิตของพวกมัน คงยากที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้นพวกมันจึงล้วนถูกรังเกียจ
"นี่ ท่าทีที่เจ้าแสดงออกมานี้คืออะไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคนนี้เป็นใคร?" เสียงตวาดดังมาจากหญิงนางหนึ่งที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหรางดงาม ข้างกายของนางมีเด็กผู้ชายอยู่หนึ่งคน จังหวะเดียวกับที่นางเปล่งเสียงตวาด นางชี้นิ้วไปยังใบ หน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
"ต้องขออภัยด้วยขอรับ วันนี้ท่านมาไม่ทันเวลา ทาง สำนักของเราได้ทำการปิดรับศิษย์แล้ว โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้" ใบหน้าของเด็กหนุ่มหมดจด เยาว์วัยและนุ่มนวล แต่ที่หว่างคิ้วของมันกลับแสดงออกถึงจิตวิญญาณที่แกร่งกล้า
มันมีนามว่าฉู่เฟิง อายุสิบห้าปี เป็นหนึ่งในศิษย์นอกสำนักนับหมื่นนับแสนของสำนักมังกรคราม
แต่ถึงแม้ฉู่เฟิงจะเป็นศิษย์นอกสำนัก มันกลับแตกต่างจากศิษย์นอกสำนักคนอื่น ๆ มันไม่เคยรู้สึกว่ามันด้อยกว่าศิษย์ชั้นอื่น หรือไม่เคยยอมปล่อยให้ตัวเองรู้สึกตกต่ำลงไป จากการกระทำของคนอื่น ๆ ที่ดูถูกมัน มันไม่เคยหวาดกลัว หรือตื่นตระหนกใด ๆ เมื่อต้องปรณนิบัติคนอื่น มันสงบนิ่งอยู่เสมอ
"กลับมาใหม่วันพรุ่งนี้งั้นหรือ... เจ้าคิดว่าข้าปัญญา อ่อนหรืออย่างไร? นี่มันกลางหุบเขานะ เจ้าจะให้พวกข้าไปพักที่ไหน?"
"เจ้าต้องจัดหาที่พักให้ข้าไม่เช่นนั้นข้าจะนำเรื่องไปฟ้องผู้อาวุโส…" นางโกรธเกี้ยวไม่ฟังเสียงรอบข้างใด ๆ และถึงขั้นไปกระชากเสื้อของฉู่เฟิง
"ฉู่เฟิงมีปัญหาอะไรงั้นหรือ?" เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวเสียงหนึ่งลอยมา
เมื่อมองไปยังทิศทางที่มาของเสียงก็พบกับหญิงสาวอ่อนวัยในชุดสีม่วงกำลังเดินตรงเข้ามา แม้ว่าปากของนางจะแฝงด้วยรอยยิ้มเจือจาง แต่สายตาของนางกลับเกรี้ยว กราดและจ้องไปยังหญิงที่กำลังเกรี้ยวกราดโวยวายนางนั้น
เมื่อหญิงที่กำลังเกรี้ยวกราดนางนั้น เห็นหญิงสาวอีกคนในชุดสีม่วง สีหน้าของนางก็พลันซีดเผือด เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
สาเหตุก็มาจากหญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ เสื้อผ้าที่นางสวมใสคือชุดสีม่วง ซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์ของการเป็นศิษย์ฝ่ายใน
หญิงนางนั้นได้แต่ก่นด่าในใจ เดิมทีนางคิดว่าจะใช้ สถานะของตนเพื่อที่ข่มชายหนุ่มเบื้องหน้า
แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะรู้จักกับศิษย์ฝ่ายใน ศิษย์ฝ่ายในนั้นสถานะสูงกว่าศิษย์นอกสำนักมาก ซึ่งนางไม่สามารถไปตอแยคนเหล่านั้นได้เลย
"ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแต่อยากจะถามบางอย่างกับเขาเท่านั้น" หญิงนางนั้นกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ
หญิงสาวชุดม่วงชำเลืองไปที่ผู้หญิงนางนั้น และเอ่ยสั้น ๆ ว่า "ไปซะ"
หญิงนางนั้นบังเกิดความลนลานรีบถอยออกจากสถานการณ์ด้วยใบหน้าซีดเผือด ความเร่งรีบทำให้นางสะดุดขาตัวเองล้มลง
แต่นางก็ไม่รั้งรอ รีบลุกขึ้นมาและฉุดกระชากเด็กชายที่มากับนางเพื่อรีบจากไป ด้วยความตื่นตระหนกทำให้นางพลาดล้มอีกครา นางดูจากไปอย่างทุกลักทุเลจริง ๆ
เมื่อเห็นเหตุการณ์ฉู่เฟิงส่ายหน้าและกล่าวกับหญิงสาวชุดม่วงอย่างสุภาพ "ขอบคุณมากท่านพี่ฉู่เยว่"
"ไม่ต้องสุภาพกับข้าหรอก ในเมื่อเราเป็นคนในครอบ ครัวเดียวกันไม่ใช่รึ?" ฉู่เยว่กล่าวกลับมาอย่างติดรำคาญ
นางพูดถูก ทั้งสองมาจากตระกูลเดียวกัน พวกมันมาจากตระกูลฉู่
ฉู่เยว่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉู่เฟิงทางฝั่งบิดา นางอายุมากกว่าฉู่เฟิงหนึ่งปี
ฉู่เฟิงไม่สนใจท่าทีของฉู่เจิน มันยิ้มและกล่าวว่า "ฉู่เยว่ ข้าจะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์ฝ่ายในปีนี้"
“เจ้าน่ะหรือ? ถ้าเจ้าผ่านบททดสอบในปีนี้ ข้ายินดีจะมอบส่วนแบ่งหญ้าเซียนทิพย์ในปีนี้ของข้าให้เจ้าเลย" ฉู่เจินพูดพร้อมแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
"จริงหรือ?" ฉู่เฟิงไม่ปักใจเชื่อลมปากของฉู่เจิน
"ข้าให้ฉู่เยว่เป็นพยานได้เลย แล้วถ้าเจ้าไม่ผ่านการทดสอบล่ะ?"
"ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะมอบหญ้าเซียนทิพย์ของข้าในส่วนปีนี้ให้กับเจ้า" ฉู่เฟิงพูดจบแล้วก็หันกลับไปทำงานของ ตนต่อ
"ฉู่เจิน พวกเราเป็นคนตระกูลเดียวกัน ไฉนเจ้าจึงต้องคอยสร้างความเดือดร้อนให้กับฉู่เฟิง?" ฉู่เยว่มองไปที่ฉู่เจินอย่างติดรำคาญ
"ตระกูลเดียวกัน? ฉู่เยว่เจ้าก็รู้ว่าฉู่เฟิงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนตระกูลเรา"
"มันเข้าสำนักมาห้าปีแล้วก็ยังไม่สามารถผ่านบททดสอบศิษย์ฝ่ายใน มันคือความอับปยศของตระกูลเราต่างหาก"
"ในตระกูลฉู่เรา มีใครชอบมันบ้าง? มีเพียงเจ้าที่ปฏิบัติต่อมันเป็นอย่างดี ทั้งยังจะมอบหญ้าเซียนทิพย์ให้มันอีก" ฉู่เจินไม่เข้าใจการกระทำใด ๆ ของนางเลย
"เจ้ามันตัวโง่งม” ฉู่เยว่ทำได้เพียงแสดงความโกรธออก มา จ้องมองไปที่ฉู่เจินแล้วเดินหนีไป
สำหรับฉู่เจินเองนั้น มันรู้สึกเป็นสุขยิ่งนัก เพราะว่าแม้มันจะไม่ได้รับหญ้าเซียนทิพย์จากฉู่เยว่ แต่มันก็มั่นใจว่าปีนี้มันจะได้หญ้าเซียนทิพย์ของฉู่เฟิงมาอย่างแน่นอน
กลางดึก ในเขตที่พักของศิษย์นอกสำนัก ความมืดเข้า ปกคลุม
หลังจากความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน ทุกคนจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่ห้องของฉู่เฟิงยังมีแสงสว่างลอดออกมา
มันนั่งอยู่บนเตียง นำหญ้าเซียนทิพย์ออกมาจากถุงผ้าและพึมพำกับตัวเอง "หวังว่ามันจะเพียงพอกับเจ้า"
เมื่อสิ้นประโยค มันก็หลับตา หญ้าเซียนทิพย์ถูกหนีบไว้ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของมันก่อให้เกิดรูปมือที่ประสานอย่างแปลกประหลาด
ทันใดนั้น พลังวิญญาณภายในหญ้าเซียนทิพย์ก็เริ่มไหลรินสู่ร่างฉู่เฟิง จากฝ่ามือโคจรเข้าสู่จุดตันเถียน
ขณะเดียวกันนั้น มีเสียงราวกับเสียงเคี้ยวอาหารดังลอดขึ้นมาจากจุดตันเถียนราวกับว่ามีคนรับประทานอะไรสักอย่าง
เมื่อมองไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณจุดตันเถียนของมัน มีกลุ่มก้อนพลังงานคล้ายสายฟ้าเคลื่อนตัวอยู่บริเวณนั้น
กลุ่มก้อนของสายฟ้ามีเก้าสี และทุก ๆ สีมีลักษณะคล้ายอสูรร้ายที่ร่างกายของมันกำเนิดจากสายฟ้าแผ่รังสี อำมหิตน่าสะพรึง ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งใดในพิภพนี้ออกมา…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...