Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 2

  ฉู่เฟิง ไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฉู่ มันเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของ "ฉู่ยวน" บุตรคนที่ห้าของตระกูล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนอื่น ๆ ต่างรุมรังแกกลั่นแกล้งมัน และทำให้มันได้รับความอับอายตั้งแต่เล็ก ถ้าไม่ใช่ฉู่ยวนคอยปกป้อง ป่านนี้มันคงถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉู่เป็นแน่ ดังนั้น ฉู่เฟิงจึงรู้สึกสำนึกในบุญคุณของฉู่ยวน และให้สัตย์สาบานว่ามันจะทำให้ตนเองกลายเป็นบุรุษที่ฉู่ยวนภาคภูมิใจ ทั้งยังจะนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่ฉู่ยวนอีกด้วย

  เมื่อห้าปีก่อน ฉู่เฟิงอายุเพียงสิบขวบ ขวบปีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นฝึกวรยุทธ์

  ในเวลานั้นฉู่เฟิงมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม เพราะมันเชื่อว่าเวลาที่จะได้พิสูจน์ตัวเองมาถึงแล้ว อย่างไรก็ดี ฉู่เฟิงไม่เคยคิดว่ามันจะถูกฟ้าผ่าหลังจากเข้าสำนักมังกรครามได้เพียงเดือนเดียว สายฟ้าผ่าลงมาใส่ร่างของมันแล้วพุ่งตรงเข้าสู่จุดตันเถียน

  ตอนแรก ฉู่เฟิงคิดว่านั่นถือเป็นโชคดีกับมัน เพราะเมื่อเริ่มฝึกวรยุทธ์ ฝีมือของมันกลับรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เพียงในเวลาสองเดือนหลังถูกฟ้าผ่า มันก็เข้าสู่ระดับทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สอง

  ด้วยความเร็วของการก้าวหน้าในการฝึกวรยุทธ์ที่ผิดปกติที่มันประสบ มันจึงไม่กล้าบอกใครถึงเรื่องนี้ มันซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้กับตัวเอง และเริ่มฝึกวรยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

  แต่ความโชคดีกลับอยู่กับมันไม่นานนัก ในขณะที่ฉู่เฟิงคิดว่ามันเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง จู่ ๆ ภายในร่างกายของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็ทำให้พลังวิญญาณของมันย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความก้าวหน้า และมันก็ถูกตราหน้าว่าไร้พรสวรรค์ในการฝึก ซึ่งกลายเป็นว่านี่ก็คือสิ่งที่น่าสะพรึงที่สุดในชีวิตมัน

  "หึ่งงงงงง"

  ในตอนนั้น หญ้าเซียนทิพย์ในมือฉู่เฟิงถูกสลายพร้อมกับถูกดูดซึมเข้าไปในจุดตันเถียนของมัน อัตราความเร็วในการฝึกพลังวิญญาณของมันเร็วขึ้นมากจนมันเองก็คาดไม่ถึง ปกติแล้วจากความแข็งแกร่งของฉู่เฟิงมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อดูดซับพลังของหญ้าเซียนทิพย์

  แต่คราวนี้มันสามารถปรับพลังวิญญาณจนมาถึงครึ่งทางในระยะเวลาสั้น ๆ และจุดตันเถียนของมันซึ่งให้ความรู้สึกราวกับเป็นถ้ำลึกไร้ก้นที่ไม่มีจุดสิ้นสุด กลับถูกทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีพลังถมเข้าไปจนเต็มแล้ว...

  "หึ่งงงงงง..."

  ทันใดนั้น แสงสว่างก็ลอยวาบขึ้นมาจากฝ่ามือของฉู่เฟิง เพียงชั่วพริบตาเดียวหญ้าเซียนทิพย์อีกครึ่งที่เหลือก็พลันสลายหายไป

  ในชั่วขณะเดียวกัน ภายในจุดตันเถียนของฉู่เฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และแล้วสัตว์อสูรสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เก้าสีของฉู่เฟิงก็ผสานถักทอรวมกันภายในร่างกายของมัน พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และหลอมรวมกัน จนในที่ สุดก็เปลี่ยนรูปกลายเป็นเหมือนวัตถุที่คล้ายกับเม็ดยา

  หลังจากที่สายฟ้าก่อร่างกลายเป็นเม็ดยาแล้ว พลังวิญญาณอันไร้ขีดจำกัดเพิ่มพูนขึ้นทั่วร่างของมันจนล้นทะลักออกมา คล้ายกับกระแสคลื่นที่โถมซัดเข้าไปชำระล้างทุกซอก มุมในร่างกายของมัน

  “ครืนนนนน"

  ฉู่เฟิงลืมตาขึ้นทันใด ในตอนนี้มีร่องรอยพลังของสายฟ้าปรากฏอยู่ในแววตาทั้งคู่ของมัน ความรู้สึกที่ไม่อาจ บรรยายได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัน

  "ข้าทำสำเร็จแล้ว ห้าปี... ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จแล้ว" ฉู่เฟิงบังเกิดความปิติอย่างหาใดเปรียบ มันกระโดดลงจากเตียง มันเดินไปรอบ ๆ พลางสำรวจร่างกายของตนไปพร้อมกันลำดับขั้นในการฝึกวรยุทธ์

  ขอบเขตของพลังที่ชาวยุทธ์ล้วนรู้จักนั้น สามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

  ห้วงพลังทิพย์ยุทธ์ ธาตุยุทธ์ กาฬยุทธ์ และเหนือยุทธ์

  พลังทั้งสี่ขอบเขตที่กล่าวมานั้น จะถูกแบ่งย่อยลงไปอีก

  เก้าระดับ

  ระดับหนึ่งของห้วงพลังทิพย์ยุทธ์นั้นมีเป้าหมายหลักคือการฝึกร่างกายด้วยวิธีการพิเศษ และเพิ่มความแข็งแกร่งทางกาย หลังจากเข้าสู่ระดับสองของห้วงพลังทิพย์ยุทธ์ ผู้ฝึกฝนต้องใช้วิธีหลอมรวมพลังวิญญาณ มีเพียงผู้ที่ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมพลังวิญญาณที่จุดตันเถียนเท่านั้น จึงจะสามารถเริ่มต้นเส้นทางการฝึกวรยุทธ์ได้อย่างแท้จริง

  จากครั้งที่โดนฟ้าผ่าร่างกายฉู่เฟิงนั้นเกิดความเปลี่ยน แปลงบางอย่าง ทำให้มันไม่สามารถหลอมรวมพลังงาน วิญญาณได้ สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สถิตในจุดตันเถียนของมันราว กับอสุรกายบ้าคลั่งเก้าตัวที่หิวโหย พลังวิญญาณที่ฉู่เฟิงหลอม รวมเข้าไปจึงถูกสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ดูดกลืนเข้าไปทั้งหมด

  แต่ฉู่เฟิงไม่เคยยอมแพ้ มันเชื่อว่าถึงแม้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะเขมือบพลังวิญญาณทั้งหมดที่มันรวบรวมฝึกปรือเข้าไป แต่พวกมันย่อมมีขีดจำกัด ตราบใดที่มันยังส่งพลังวิญญาณเข้าสู่จุดตันเถียนอย่างต่อเนื่อง มันจะสามารถเติมเต็มความหิวโหยของเหล่าอสูรร้ายได้ในสักวัน

  และในที่สุด วันนี้มันก็ทำสำเร็จ

  "นี่คือความรู้สึกแข็งแกร่งสินะ พลังวิญญาณที่ไร้ขีดจำกัดวิ่งพล่านอยู่ในร่างกายของข้า ราวกับจะฉีกทึ้งร่างกาย ของข้าให้ขาดเป็นชิ้น ๆ เพื่อพวกมันจะได้ทะลักออกมา”

  ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับฉู่เฟิง มันไม่เคยคิดว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะหลอมรวมกลายเป็นวัตถุที่คล้ายเม็ดยาและสถิตอยู่ ณ จุดตันเถียนของมัน พลังวิญญาณ ที่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยอออกมานั้นแข็งแกร่งจนเกินกว่าจะจินตนาการได้

  ฉู่เฟิงรู้ดีว่าแม้มันจะฝึกฝนวรยุทธ์ไม่เคยหยุดหย่อนตลอดห้าปีที่ผ่านมา มันก็คงไม่อาจจะรวบรวมพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ เหตุผลที่มันทำเช่นนี้ได้คงเป็นเพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

  "พรึ่บบบบบ"

  แต่แล้ว จู่ ๆ ร่างกายฉู่เฟิงก็แข็งทื่อ และสีหน้าของ มันก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พลังของมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ฉู่เฟิงกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดอีกครั้ง และบรรลุสู่ระดับทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่

  "ความทุกข์ทรมานกำลังจะผ่านพ้น และความรุ่งโรจน์ จะมาเยือนข้าแล้วสินะ?"

  ฉู่เฟิงกำหมัดแน่น มันรู้สึกว่าพลังที่ระเบิดปะทุขึ้นในร่างกายของมันช่างคุ้มค่าเหลือเกินเมื่อเทียบกับห้าปีแห่งความทุกข์ทรมาน

  ทันใดนั้นพลังของฉู่เฟิงก็ก้าวกระโดดไปอีกสองระดับ ความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหาคำอธิบายได้ของมันหวนคืนกลับมาในที่สุด ฉู่เฟิงมองเกรี้ยวกราดไปยังทิศที่ตั้งของสำนักฝ่ายในและพึมพำกับตัวเอง "ฉู่เจินข้าจะเอาหญ้าเซียนทิพย์ของเจ้ามาให้ได้"

  ธรรมเนียมการรับศิษย์ของสำนักมังกรครามจะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง และทุกครั้งจะกินเวลาสิบวัน หลังจากสิบวันนั้น การทดสอบเพื่อคัดเลือกศิษย์ภายในจะเริ่มขึ้น ฉู่เฟิงที่เคยนิ่งเฉยมาตลอดห้าปี จะหวนลงสนามอีกครั้ง

  สถานที่จัดทดสอบคือวังใต้ดินอันโอ่อ่าของสำนัก ภาย ในโถงกลางของวังใต้ดินเต็มไปด้วยคลื่นฝูงชนมากมายราว กับมหาสมุทร และคราคร่ำดุจผืนป่าบนภูเขารวมจำนวน แล้วน่าจะต่ำกว่าหมื่นคน

  ผู้ร่วมการทดสอบส่วนใหญ่มีพลังระดับทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สาม เพราะทุกคนรู้ว่าการคัดเลือกเพื่อเป็นศิษย์ชั้นในต้องมี ห้วงพลังระดับนี้เป็นอย่างน้อย

  อย่างไรก็ตาม ก็มีศิษย์จำนวนน้อย ที่อยู่ระดับทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สอง แต่พวกมันเหล่านั้นก็ต้องการที่จะเข้าทดสอบโดยหวังว่าจะสามารถสอบผ่าน ท่ามกลางความสับสนมึนงง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม