Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 6

  ฉู่เฟิงมองไปยังต้นเสียง บริเวณทางเข้าชั้นสาม มันเห็นผู้อาวุโสที่เส้นผม คิ้วและเคราเป็นสีขาวโพลน ยืนจ้องมาที่มัน

  ฉู่เฟิงรู้ว่าอาวุโสท่านนี้ทำหน้าที่ดูแลหอฝึกวรยุทธ์ แม้ ว่าอายุอานามมันเกือบจะร้อยปี ทว่าฉู่เฟิงกลับสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้

  "ขอบคุณผู้อาวุโสที่ตักเตือนข้า ทว่าข้ารู้ตัวว่ากำลังทำ อะไร" หลังจากคารวะผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม มันก็เดินเข้าไป ในชั้นสาม

  "เฮ้อ ช่างเป็นศิษย์ที่หยิ่งยโสอะไรเช่นนี้" ผู้อาวุโสส่าย ศีรษะด้วยความผิดหวัง

  มันเคยเห็นศิษย์มากมายเหมือนฉู่เฟิง และพวกมันก็ มักลงเอยพบเจอกับความล้มเหลว บางคนถลำลึกเข้าสู่ทางผิด หรือเสียสติคลุ้มคลั่งจนเสียผู้เสียคน แต่พวกที่ค่อย ๆ ฝึกไป ที ละขั้น เรียนรู้จักการแก้ไขกลับตัวพัฒนาตนเองต่อไปใน อนาคตได้ดีกว่า

  ทว่าถึงอย่างนั้น เรื่องที่มันเจอคราวนี้ก็มิใช่เรื่องใหม่ เมื่อเขาเห็นศิษย์หน้าใหม่เข้ามา เขาจึงตักเตือนด้วยความเมตตาหวังดี เพราะไม่อยากให้ศิษย์ทั้งหลายเลือกเดินทางผิด

  ฉู่เฟิงก้าวเดินไปรอบ ๆ ชั้นสาม มันรีบค้นหาคัมภีร์วรยุทธ์ที่มันสนใจใคร่รู้ จากนั้นจึงหยิบคัมภีร์วรยุทธ์นำไปให้ผู้อาวุโสลงบันทึก

  “เจ้าแน่ใจรึ ว่าต้องการจะฝึกเคล็ดวิชา 'ฝ่ามือมายา' นี้?” ผู้อาวุโสจ้องมองด้วยความฉงนสงสัย

  "ขอรับ" ฉู่เฟิงยิ้มและผงกศีรษะตอบกลับความกังขาของผู้อาวุโส

  "เจ้าเคยอ่านวิธีฝึกทักษะนี้กระจ่างแล้วรึ?” ผู้อาวุโสยังคงเอ่ยถามต่อ

  "ข้าเคยเห็นแล้วขอรับ" ฉู่เฟิงยิ้มอีกครั้ง

  "ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังคิดจะเลือกคัมภีร์วรยุทธ์เล่มนี้งั้นหรือ? นี่เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ยากสุดที่อยู่ในหอฝึกวรยุทธ์ทั้งหมดเลยนะ" สีหน้าของผู้อาวุโสฉายแววสงสัย และไม่เข้าใจ การกระทำของฉู่เฟิง

  "นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ข้าต้องการฝึกจริง ๆ ขอรับ" ใบหน้าของฉู่เฟิงยังคงฉาบด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าแววตากลับหนักแน่นดุจหินผา

  "เฮ้อ เจ้าเด็กสมัยนี้ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย" ผู้อาวุโสถอนหายใจ แต่สายตายังคงจ้องมองฉู่เฟิง และ จดบันทึกชื่อคัมภีร์ที่ฉู่เฟิงนำมา หลังจากยื่นคัมภีร์คืน ผู้อาวุโสยังกล่าวอีกว่า "ในการฝึกวรยุทธ์ แม้เจ้าจะเผชิญหน้ากับความลำบากเพียงใด ก็ต้องหลบลี้หนีหน้าฝ่าฟันมันไปให้จงได้"

  ฉู่เฟิงพยักหน้าแทนการเอื้อนเอ่ยวาจา ถึงแม้ผู้อาวุโสท่านนี้จะมีข้อกังขาในตัวมัน แต่มันกลับรู้สึกซาบซึ้งใจมากยิ่งนัก ท่านช่างเป็นผู้อาวุโสที่มีความรับผิดชอบเหลือเกิน

  "หืม?"

  ในครานั้น ฉู่เฟิงหันกลับไปมองก็เจอร่างที่คุ้นเคยเบียดไหล่ผ่านเขาไป นั้นคือต้วนหยู่ซวน ทว่าสีหน้าของมันมีท่าทางผิดไปจากปกติ

  ฉู่เฟิงไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับมันสักเท่าไร ดังนั้นจึงมิได้สนใจมันมากนัก ทว่าก่อนที่จะผละไป กลับมีเสียงกระซิบ นินทาอันแผ่วเบาข้างหลังของเขา เขาจึงรู้ถึงสาเหตุที่มันมีสีหน้ากลัดกลุ้มเยี่ยงนั้น

  "ต้วนหยู่ซวน มาทำอะไรที่นี่รึ? มันได้คัมภีร์วรยุทธ์ระดับสี่ไปแล้วนิ แล้วทำไมมันถึงมายืมคัมภีร์เล่มอื่นอีก? หรือว่าแท้จริงแล้ว คัมภีร์วรยุทธ์ระดับสี่อาจอยู่ที่หยางเทียนหยวี่?"

  "เจ้าไม่รู้หรือ? ในงานเลี้ยงเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้อาวุโสสำนักฝ่ายในเตือนพวกมันสองคนว่า คัมภีร์วรยุทธ์ระดับสี่ไม่สามารถฝึกร่วมกันได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฝึกเคล็ดวิชาในคัมภีร์นั้นได้"

  "หลังจากได้ยินผู้อาวุโสเอ่ยเช่นนั้น พวกมันสองคนรู้สึกว่าตนเองโง่เขลายิ่งนัก จากนั้นพวกมันก็ยอมรับสารภาพต่อหน้าฝูงชนในท้ายที่สุด กลายเป็นว่าพวกมันไม่ได้ผ่าน การทดสอบเป็นคนแรก อีกทั้งไม่ได้สังหารสัตว์อสูรสี่สิบตัวในห้องนั้น แต่ทว่ามีใครอีกคนเป็นคนลงมือจัดการพวกมัน"

  "มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงรึ แต่ทำไมพวกมันทั้งสองคนถึงได้ยอมรับว่าเป็นคนที่ผ่านการทดสอบในตอนแรกล่ะ?"

  "อา ใครจะไปรู้ บางทีพวกมันอาจต้องการชื่อเสียงเกียรติยศและคำชมเชย แต่เวลานี้พวกมันกลับไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"

  "ก็จริงอย่างที่เจ้ากล่าว แล้วถ้าเยี่ยงนั้นใครที่ผ่านเป็นคนแรกล่ะ? ข้าไม่เห็นเคยรู้เลยว่ามีศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น?”

  "สัตว์อสูรสี่สิบตัวเชียวนะ แล้วในนั้นก็มีพลังอำมหิต ระดับสี่อยู่ตัวหนึ่งด้วย นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน"

  เมื่อได้ฟังบทสนทนานั้น ฉู่เฟิงยิ้มและส่ายศีรษะไปมา ขณะเดินขึ้นชั้นถัดไป มันอยากเริ่มฝึกเคล็ดวิชาให้บรรลุผลโดยไว

  ชั้นหนึ่งกับชั้นสี่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทั้งชั้นเต็มไป ด้วยฝูงชนมากมายราวกับฝูงมด ทั้งศิษย์ใหม่และศิษย์เก่าต่างพากันเลือกคัมภีร์วรยุทธ์อยู่

  ฉู่เฟิงกวาดตามอง แม้จะกล่าวได้ว่ามันยืนอยู่ในห้องโถง หากจะบอกว่าที่นี่เป็นลานฝึกวรยุทธ์น่าจะเหมาะกว่า มี จอมยุทธ์อย่างน้อยหนึ่งพันคนกำลังฝึกกับกลไก และมีเสียงตะโกนดังมาจากทั่วทุกสารทิศ เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างน่าตื่นเต้นทีเดียว

  นอกจากเสาหลักกลไกนับพันที่อยู่ในห้องโถงกลางแล้ว บนชั้นสี่ยังมีห้องลับอีกนับไม่ถ้วนที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกวรยุทธ์เช่นเดียวกัน

  การออกแบบสถานที่แห่งนี้ช่างเหมาะเจาะ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องการความมีชีวิตชีวาสามารถฝึกร่วมกับคนอื่น ๆ ในโถง กลางได้ และสามารถช่วยเป็นคู่ซ้อมให้กับผู้อื่นได้ ส่วนผู้ที่ชอบความเงียบสงบ สามารถเลือกห้องลับและฝึกฝนด้วยตนเอง หลังจากประตูศิลาปิดลง พวกมันจะปลีกวิเวกจากความวุ่นวายทั้งปวง

  ฉู่เฟิงไม่ได้ร่วมฝึกกับคนอื่น ๆ มันตรงไปยังชั้นหก ซึ่งลักษณะคล้ายคลึงกับชั้นสาม ทว่าเงียบสงัดกว่ามาก แถมยังมีพื้นที่สำหรับฝึกฝนมากกว่าด้วย

  ฉู่เฟิงเข้าไปในห้องลับ หลังจากปิดประตูศิลาตามหลังมาแล้ว ฉู่เฟิงก้มศีรษะหลบเสาที่มีเครื่องกล เพราะมันรู้ว่าหากสัมผัสถูกเสา กลไกจะเริ่มทำงานและอาจทำให้เกิดอันตรายได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม