มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 23

"หยวนต้าซานเป็นคนโง่!” แววตาของหวางหยุนแปรเปลี่ยนไม่แน่นอน ในสายตาของเขา ถึงแม้หนุ่มคนนี้จะช่วยชีวิตหยวนต้าซาน แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องยอมยกอสูรเสือหางเหล็กให้

การที่ทีมนักล่าอสูรผิดใจกันเพราะประโยชน์ของของล้ำค่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่มการกลั่นร่างขั้น6?

"พวกเราไปกันเถอะ!” หยวนต้าซานประสานมือให้กับหลัวซิว หลังจากนั้นก็พาบริวารของตนยกร่างของพวกพ้องออกไป

"หวางหยุน ฉันรู้ว่านายคิดยังไง แต่พี่ขอบอกอะไรนายหนึ่งอย่าง เจ้าหนุ่มคนนั้นสามารถฆ่าอสูรเสือหางเหล็กได้แสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดา ไม่แน่อาจจะเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่สักตระกูลในเมืองชิงหยุนก็ได้ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะหาเรื่องได้"

หยวนต้าซานเหลือบมองหวางหยุนที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงเยือกเย็น "ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันเป็นคนฝึกยุทธ์มีหรือจะลืมบุญคุณ?"

"ครับ พี่ใหญ่สั่งสอนได้ถูกต้อง" หวางหยุนพูด แต่ภายในใจกลับไม่พอใจ

"ฉันรู้ว่านายเป็นคนมีไหวพริบ แต่เราต้องใช้สมองในทางที่ถูกต้อง" หยวนต้าซานพูดเตือนอีกหนึ่งคำ "ฉันสู้กับสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นแล้วได้รับบาดเจ็บ จำเป็นต้องหาที่พักเพื่อพักรักษาตัว คืนนี้พวกเราคงต้องนอนค้างบนภูเขาแล้ว"

สีหน้าของคนอื่นในคณะมีความอิดโรยเล็กน้อยแล้ว ล่าอสูรเสือหางเหล็กในครั้งนี้พูดได้ว่าแพ้อย่างน่าอนาถ ไม่เพียงแต่ตายไปคนหนึ่ง สุดท้ายยังไม่ได้ผลประโยชน์อะไร

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คณะเล็กๆ นี้ก็เจอสถานที่ปลอดภัยเพื่อพักผ่อน

หยวนต้าซานพิงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉีกเสื้อผ้าบริเวณเอวทิ้ง บาดแผลเต็มไปด้วยเลือด โชคดีที่เป็นแผลภายนอกเท่านั้น กระดูกไม่ได้หัก

เขาหยิบยาผงโรยแผลที่พกติดตัวออกมาทา พูดในใจ "ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทั้งที่ผลการฝึกตนคือการกลั่นร่างขั้น6 แต่ว่ากลับสามารถฆ่าอสูรเสือหางเหล็กด้วยสองหมัดได้......"

หยวนต้าซานรู้ดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะหนุ่มชุดดำคนนั้นปรากฏตัวกะทันหัน พวกเขาไม่สามารถฆ่าอสูรเสือได้ ไม่แน่แม้แต่ตนก็ต้องสังเวยตัวเข้าไปในปากเสือ

ผลการฝึกตนของเขาคือการกลั่นร่างขั้น8 เคลื่อนปราณในให้ความร่วมมือกับยาผงโรยแผล แผลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

"หื้ม? หวางหยุนกับจางหุนหายไปไหน?" ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แผลของหยวนต้าซานหายดีแล้ว ทว่าในคณะนอกจากเขาแล้ว ก็เหลือแค่สองคน

"หวางหยุนบอกจะไปดูรอบๆว่ามีสัตว์อะไรให้ล่าบ้าง" มีคนตอบ

"แย่แล้ว!” สีหน้าของหยวนต้าซานเปลี่ยนไปในทันที ด้วยประสบการณ์ของเขาและเท่าที่เขารู้จักหวางหยุน จะเดาความผิดปกตินี้ไม่ออกได้อย่างไร?

"ต้องเป็นเพราะหวางหยุนโลภมากอยากจะได้วัตถุดิบบนตัวอสูรเสือหางเหล็ก ดังนั้นจึงพาจางหุนไปฆ่าคนเพื่อแย่งชิงของล้ำค่า จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

……

ศพของอสูรเสือหางเหล็กใหญ่มาก หลัวซิวไม่สามารถเอากลับไปทั้งหมด

ใช้ปราณในควบคุมกระบี่ชิงเฟิง เขาเริ่มจากถลกหนังสือ หนังเสือผืนนี้ถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มีแค่รอยถูกฟันด้วยควานสองรอยเท่านั้น สามารถขายได้ราคาดี

นอกจากนี้ยังมีกระดูกเสือ เลือดหัวใจ เขี้ยวเสือ ราคาสูงที่สุด แน่นอนว่าคือหางของอสูรเสือ ถูกขนานนามว่าหางเหล็ก เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างทหารรบชนชั้นมนุษย์

เก็บวัตถุดิบที่มีมูลค่าทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะหนังเสือนั่น ทำให้ห่อผ้าของหลัวซิวแน่นเอี๊ยด

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คงจะกลับเมืองชิงหยุนไม่ทันก่อนพระอาทิตย์จะตก ทำได้เพียงนอนค้างในป่า แล้วค่อยกลับเช้าตรู่วันที่สอง

จำนวนอสูรกายในเขาสุ่ยวู่มีไม่เยอะเท่าไหร่ มีอสูรป่าเป็นหลัก ถ้าถึงตอนกลางคืน ป่าผืนนี้อันตรายมาก ดังนั้นหลัวซิวต้องหาสถานที่พักปลอดภัย ก่อนฟ้ามืด

"กรึก!”

เสียงสายธนูสั่นดังก้องอย่างชัดเจนในป่าที่เงียบสงัด

รูม่านตาของหลัวซิวหดเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงลมแรง บินผ่านศีรษะของเขาจากด้านหลัง

เขาเคลื่อนตัว ลูกดอกธนูปักลงบนต้นไม้ข้างๆ ขนลูกดอกสั่นเทา

สัมผัสการรับรู้แผ่ซ่าน หลัวซิวพบลมปราณชีวิตสองลมปราณ

ไม่ไกลจากที่นั่น ชายหนุ่มตัวเตี้ยคนหนึ่ง ถือคันธนูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ง้างธนูเต็มแรง มองเขาด้วยสีหน้าเยือกเย็น

ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็มีใครบางคนเดินออกมา ซึ่งก็คือหวางหยุนที่เจอก่อนหน้านี้

"พวกนายสองคนทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?" หลัวซิวถามเสียงเยือกเย้น

"เจ้าหนุ่ม แกไม่ต้องแกล้งโง่ ทิ้งห่อผ้าและกระบี่ของแกเอาไว้ พวกฉันจะปล่อยนายไป" ในมือของหวางหยุนถือกระบี่หนึ่งเล่ม พูดหัวเราะเสียงเยือกเย็น

"แล้วถ้าผมไม่ทิ้งเอาไว้ให้ล่ะ?" นัยน์ตาของหลัวซิวทอประกายความเยือกเย็น ตามหลักการแล้วเขาเป็นคนช่วยคนพวกนี้เอาไว้ คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะหน้าด้านไร้ยางอาย เนรคุณแบบนี้!

แต่ว่าในการรับรู้ของหลัวซวมีแค่หวางหยุนและมือธนูเท่านั้น หยวนต้าซานและอีกสองคนไม่ได้อยู่ระแวกนี้

ครุ่นคิด หลัวซิวก็พอจะเข้าใจแล้ว คาดว่าสองคนนี้ทำโดยพลการ อยากจะฆ่าคนเพื่อแย่งชิงของล้ำค่า

ชิ้นส่วนบนตัวอสูรเสือหางเหล็กมีมูค่าร่วมหมื่นตำลึง ย่อมคุ้มค่าให้ผู้ฝึกยุทธ์แดนกลั่นร่างเสียง

หลัวซิวเข้าใจแล้วว่า สิ่งใดที่เรียกว่าจิตใจคนเหี้ยมโหด!

ด้านหน้ามีมือธนูจางหุน ด้านหลังมีหวางหยุนหน้าตาน่ากลัวถมึงทึง ทั้งสองคนรุมโจมตีสองฝั่ง วางแผนจะให้หลัวซิวรับมือไม่ทัน

นอกจากหัวหน้าทีมหยวนต้าซานที่เป็นการกลั่นร่างขั้น8 ความสามารถของหวางหยุนและจางหุนแค่การกลั่นร่างขั้น7เท่านั้น

ใช้ชีวิตอยู่ในป่าลึกต่อสู้กับอสูรป่าและอสูรกายเป็นเวลานาน แน่นอนว่าหวางหยุนไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าการที่หนุ่มชุดดำคนนี้ฆ่าอสูรเสือหางเหล็กได้ ต้องมีวิธีที่ไม่ธรรมดา

แต่ว่าอสูรกายกับคนไม่เหมือนกัน มนุษย์ไม่มีขนและผิวหนังที่แข็งแกร่งเหมือนกับอสูรกาย ฆ่าง่ายกว่าอสูรกายมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่หวางหยุนและจางหยุนกล้าบุกมาปล้นฆ่าเขา

"ปล้นฆ่า? ฮ่าๆๆ......" จู่ๆ หลัวซิวก็หัวเราะ

"หนุ่มน้อย แกหัวเราะอะไร? แค่แกยอมทิ้งห่อผ้ากับกระบี่ ฉันรับประกันว่าจะไม่ทำให้แกต้องลำบาก" หวางหยุนพูดเสียงเยือกเย็น

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบหวางหยุนไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป เด็กหนุ่มที่สามารถฆ่าอสูรเสือหางเหล็กได้ ต้องมีฐานันดรศักดิ์ที่ไม่ธรรมดา ถ้าไม่สามารถฆ่าอีกฝ่าย เกรงว่าเขาคงจะไม่มีที่ยืนในเมืองชิงหยุนอีก

ดังนั้นเขาและจางหุนหาลือกันตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าหนุ่มชุดดำคนนี้จะยอมหรือไม่ยอมยกของให้ ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเขา

"อยากจะได้ของของฉัน ขยะเนรคุณอย่างพวกนายเนี่ยนะ คู่ควรด้วยเหรอ?" หลัวชิวพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ในเมื่อแกรนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโกรธพวกฉันแล้วกัน!”

หวางหยุนไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ เสียงเฟี้ยวดังขึ้น ดึงกระบี่ในมือออกมาจากฝัก ใช้วิชาท่าร่าง กระบี่ทอแสงเย็นยะเยือก มุ่งหน้าไปฆ่าหลัวซิว

ในเวลาเดียวกัน มือธนูจางหุนก็ลงมือในทันทีเหมือนกัน ลูกดอกธนูสีดำยิงออกไปดอกแล้วดอกเล่า

“กระบี่เศษเงา!”

กระบี่ยาวในมือหวางหยุนมีเงาออกมาติดต่อกัน เป็นวิชากระบี่ระดับ3ของทักษะยุทธ์

วิชายุทธ์ระดับนอกจากจะมีกำลังภายในที่ล้ำค่าแล้วนั้น ทักษะยุทธ์และวิชาท่าร่างก็ไม่สามารถซื้อได้ในเมืองชิงหยุน สำหรับนักยุทธ์ วิชายุทธ์สำคัญมาก ดังนั้นนักล่าอสูรทุกคนจึงทำทุกวิถีทางเพื่อซื้อวิชายุทธ์ขั้นสูง พัฒนาความสามารถของตน

ดังนั้น นักล่าอสูร มีวิชายุทธ์ระดับ3คือเรื่องที่เห็นเป็นปกติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ