มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 103

เหวินเซวียนหงกล่าวอย่างช้า ๆ “เจ้าสามารถประกาศภารกิจรางวัลนำจับในองค์กรนักล่ายุทธ์ใหม่อีกครั้งได้ เพียงแค่ไม่ใช่คนในองค์กรนักล่ายุทธ์รับภารกิจนี้ ก็จะไม่ต้องถูกจำกัดจากกฎขององค์กร สามารถลงมือได้ตามอำเภอ”

“แต่ไม่ว่าจะเป็นใครที่รับภารกิจนี้ จะต้องกลายเป็นปรปักษ์กับสำนักเซียวเหยา ข้าคิดว่าคงยากที่จะมีคนรับภารกิจเช่นนี้”

แน่นอน มีประโยคหนึ่งที่เหวินเซียนหงไม่ได้กล่าวออกมา นั่นก็คือถ้ามีแนวโน้มว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่มากเพียงพอ จักต้องมีคนรับภารกิจนี้แน่ แต่เขาไม่คิดว่าหลัวซิวจะสามารถให้ผลประโยชน์ที่มหาศาลเช่นนั้นได้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ทั้งหลายหิวกระหาย

และต่อให้มีก็ตาม ของที่จอมยุทธ์ชี่ไห่คนหนึ่งนำออกมา แม้ว่าจะเป็นสมาชิกอัจฉริยะของแก๊งก็จักต้องเป็นหายนะอย่างแน่นอน

แม้ว่าหลัวซิวจะอายุยังน้อย แต่เขาก็เข้าใจหลักการเช่นนี้ ทว่าถ้าจักต้องให้ลู่เมิ่งเหยาแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก กลายเป็นเครื่องมือที่บิดาของเขาให้เพื่องแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ นี่เป็นสิ่งที่หลัวซิวมิอาจรับได้

เหวินเซวียนหงไม่ปฏิเสธสมบัติทั้งสามที่หลัววิวเอาออกมานั้นอีก เขาหยิบเอาขวดหยกออกมาจากแหวนเก็บของ กล่าว: “นี่คือยาย้ายร่างเปลี่ยนกระดูก สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าได้ภายในสิบชั่วโมง ถ้าหากเจ้าต้องไปพบลู่เมิ่งเหยาให้ได้ ยาเม็ดนี้ช่วยให้เจ้าแฝงตัวเข้าไปในนอกสำนักเซียวเหยาได้”

เมื่อเห็นยาเม็ดนี้ หลัวซิวก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา นี่คือยาระดับ3 แม้ว่าจะไม่ล้ำค่าอะไรมากนัก แต่ก็เหมาะสำหรับเขาพอดี เพียงต้องระวังไม่ให้ถูกพบเข้า

“ขอบคุณท่านหัวหน้าแก๊ง!” หลัวซิวกล่าวขอบคุณ หยิบเอายาในขวดออกมา บอกลาและหมุนตัวจากไป

......

ด้านหน้าประตูใหญ่นอกสำนักเซียวเหยา มีศิษย์นอกสำนักสองคนทำหนี้ที่เฝ้าประตู

แต่การเฝ้าประตูของที่นี่นั้นไม่ได้เคร่งครัดมากนัก เพียงแค่แสดงป้ายประจำตัว ก็สามารถเข้าไปได้แล้ว

เพราะยังไงที่นอกสำนักเซียวเหยาก็ไม่ได้มีความลับอะไร ต่อให้มีคนแฝงตัวเข้าไปก็จะไม่ได้รับผลดีอะไร ถ้าหากถูกพบเข้า คิดจะหนีออกมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ยังคงเป็นชุดดำทั้งตัว หลังจากที่ได้ทานยาย้ายร่างเปลี่ยนกระดูกเข้าไป ความสูงของหลัวซิวก็ได้ลดลงเล็กน้อย สีผิวค่อนข้างจะดำ รูปลักษณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ดูแล้วเหมือนกับชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่า

เขาสะพายกระบี่เอาไว้หนึ่งเล่ม มาถึงที่นอกสำนักเซียวเหยา เมื่อแสดงป้ายจำตัวของศิษย์นอกสำนักเซียวเหยาออกมา ก็ไม่ได้ถูกกีดขวางใด ๆ และได้ผ่านเข้ามาทันที

หลังจากที่เข้ามา หลัวซิวไม่ได้ชักช้า และตรงไปที่ที่พักของลู่เมิ่งเหยาทันที

แม้ว่าหน้าตาของเขาจะดูแปลกตาอยู่บ้าง แต่นอกสำนักเซียวเหยานั้นมีศิษย์มากมาย เลยไม่มีใครสงสัยเขาเลยสักนิด

ทะลุป่าไผ่แห่งหนึ่ง เดินไปตามเส้นทางลูกรังเล็ก ๆ หลัวซิวก็ได้มองเห็นลานสวนแห่งหนึ่งอยู่ไกล ๆ ต้องอยู่ที่ริมทะเลสาบ

ที่นี่ก็คือที่พักของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวไม่ได้เข้าไปโดยพลการ เขาสังเกตเห็นว่ามีเงาคนอยู่จำนวนหนึ่ง เดินไปมาอยู่รอบ ๆ ลานสวน

ไม่ต้องสงสัย คนพวกนี้จะต้องถูกจัดไว้โดยลู่เฟยเฉินอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาแฝงตัวเข้ามาหาลู่เมิ่งเหยาในนอกสำนักเซียวเหยา

ถ้าหากเขาเข้าไปจะต้องถูกพบเข้าอย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้นไม่ต้องรอลู่เฟยเฉินมาเอง แค่จอมยุทธ์พรสวรรค์คนหนึ่ง ก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว

กระแสสัมผัสพลังชีวิตแพร่กระจายออกไป ภายในขอบเขตการสัมผัสของหลัวซิว มีกระแสพลังของจอมยุทธ์อยู่ทั้งหมดเจ็ดสาย

กระแสพลังหนึ่งในนั้น หลัวซิวคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นก็คือกระแสพลังของลู่เมิ่งเหยา

ส่วนกระแสพลังที่เหลืออีกหกสายนั้น จากกระแสสัมผัสของหลัวซิว มีวิชาชี่ไห่ขั้น7 สามคน วิชาชี่ไห่ขั้น8 สองคน และวิชาชี่ไห่ขั้น9 หนึ่งคน

การค้นพบนี้ ทำให้หลัวซิวสบายใจขึ้นเล็กน้อย ตราบใดที่ไม่มีจอมยุทธ์พรสวรรค์ เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร

ขอบเขตของกระแสสัมผัสพลังชีวิตสามารถครอบคลุมระยะห้าร้อยกว่าเมตร หลัวซิวไม่ได้พบเห็นว่ามีคนอื่น ๆ ซ่อนตัวอยู่

คิดมาถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปทางลานสวน

จอมยุทธ์ทั้งหกคนที่คอยตรวจการอยู่โดยรอบ ก็สังเกตเห็นหลัวซิวภายในพริบตา และปิดล้อมเข้ามาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ