มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 113

หากพิษนั้นสามารถฆ่าอสูรงูปีกเขียวตายได้ ต่อให้หลัวซิวไม่โดนอสูรงูปีกเขียวกลืนลงไป หลัวซิวก็ต้องตายอยู่ดี

และหากหลัวซิวตาย ลู่เมิ่งเหยาก็รู้ดีว่าการที่ตัวเองอยู่ในมือของกลุ่มคนชั่วกลุ่มนี้ จุดจบของเธอก็คงเลวร้ายพอกัน

เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ ลู่เมิ่งเหยาจึงดึงดาบเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของแล้วจ่อไปยังจางไห่เฟยที่กำลังควบคุมค่ายกลอยู่

ต่อให้เธอมาร่วมมือกับคนพวกนี้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา

“นังสารเลวรนหาที่ตาย!”

เถียนกวงโหย่วหัวเราะเย็นยะเยือก เขาดึงดาบที่ส่องประกายออกมาดังกริ๊งก่อนจะจ่อไปที่ลู่เมิ่งเหยา

ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวที่อยู่ในค่ายยากเย็นก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นกัน

เขายังไม่ได้กินยาแก้พิษเข้าไป แต่ภายในพื้นที่จำกัดที่มีค่ายยากเย็นห้อมล้อมเอาไว้นั้น อสูรงูปีกเขียวได้โจมตีเขาราวกับพายุที่สาดซัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาต้องเผชิญอันตรายอยู่รอบตัว

“เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ……”

ในเวลาเดียวกันอสูรงูปีกเขียวก็พยายามทำลาย ค่ายยากเย็น อย่างต่อเนื่อง ปรากฏเป็นแสงสีขาวสว่างวาบก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

หลัวซิวไม่ได้เอากระบี่ออกมาต่อสู้กับอสูรงูปีกเขียว เขาเพียงเอาร่างกายและจิตใจของตัวเองเข้าไปอยู่ในวิชาท่าร่างเงาเศษสิบช่องเพื่อหลบหลีกการโจมตีของอสูรงูปีกเขียวที่ถาโถมเข้าใส่

เพลิงมรณะสามารถป้องกันหมอกพิษสีดำได้ดี แต่ก็ยังคงมีสารพิษบางส่วนที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้สีหน้าของหลัวซิวกลายเป็นสีเขียวพิลึกพิลั่น

ทันใดนั้นเอง เกิดแรงอาฆาตอันหนักอึ้งแพร่กระจายไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว คมมีดสีแดงปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า แล้วโจมตีเข้าใส่ลำตัวใหญ่มโหฬารของอสูรงูปีกเขียวราวกับลูกธนูที่ทะยานออกจากคันธนู

หากใช้เพียงค่ายยากเย็นอย่างเดียวไม่สามารถทำอะไรอสูรงูปีกเขียวได้ และไม่นานนักอสูรงูปีกเขียวก็จะสามารถหลุดออกมาจากการถูกขังอยู่ในค่ายยากเย็นได้ ดังนั้นจางไห่เฟยจึงต้องรีบใช้ ค่ายสังหารระดับ3

ค่ายสังหารระดับ3มีหน้าที่สำหรับสังหาร การโจมตีของมันเทียบเท่าได้กับจอมยุทธ์พรสวรรค์ แม้ว่าเกล็ดของอสูรงูปีกเขียวจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ยากจะทานทนกับการโจมตีของค่ายสังหารระดับ3ที่โหมเข้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฟ่อวว!”

อสูรงูคำรามออกมาด้วยความโมโห จากนั้นจึงหยุดการโจมตีหลัวซิว หางงูที่แข็งราวเหล็กกล้าส่ายไปส่ายมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อปะทะเข้ากับค่ายยากเย็นจึงเกิดเป็นลำแสงสีขาวสว่างวาบ

ไม่นานนักจึงเกิดเสียงปะทะดังสนั่น ลำแสงของค่ายยากเย็นพลันระเบิดออกกลายเป็นลำแสงแหลกละเอียดที่กระเซ็นไปทั่วทั้งท้องฟ้า

อสูรงูปีกเขียวหลุดออกมาจากพันธนาการ เกล็ดบนลำตัวของมันถูกทำลายไปแล้วไม่น้อยและมีเลือดไหลซึมออกมาทั่วลำตัวของมัน

ดวงตารูปขีดตั้งสีแดงของมันอัดแน่นด้วยแรงพยาบาท หลังจากที่มันทำลายค่ายยากเย็นออกมาได้แล้ว มันก็เงยหน้าพ่นหมอกพิษสีดำทะมึนพุ่งตรงออกไปโจมตีพวกของจางไห่เฟยและเถียนกวงโหย่ว

“แย่แล้ว หนีเร็ว!”

สีหน้าของจางไห่เฟยเปลี่ยนเป็นซีดเผือดอย่างรวดเร็ว การควบคุมค่ายกลทำให้เขาสูญเสียปราณแท้ไป ทว่าตอนนี้อสูรงูปีกเขียวยังไม่ตายแค่ได้รับบาดเจ็บ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นหลัวซิวที่หลุดออกจากการพันธนาการมาพร้อมๆ กับอสูรงูปีกเขียว เขาถูกขังเอาไว้ภายในค่ายยากเย็นเดียวกับอสูรงูกปีกเขียวแท้ๆ แต่กลับยังไม่โดนอสูรงูกลืนลงท้องไปหรอกหรือ

อีกอย่างตอนนี้ยาแก้พิษที่มีพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว แต่ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่

หรือว่า......ที่จริงแล้วเขายังไม่ได้กินยาแก้พิษลงไป?

จางไห่เฟยยังคงคิดไม่ออกว่าหลัวซิวทำได้อย่างไร ต่อให้ไม่ได้กินยาแก้พิษลงไป แต่เขารับมือกับหมอกพิษของอสูรงูปีกเขียวได้อย่างไร จอมยุทธ์ชี่ไห่ขั้นห้าจะต่อสู้กับอสูรงูปีกเขียวโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

แต่ตอนนี้จางไห่เฟยไม่มีเวลาขบคิดอะไรมากนัก เขาหยิบยาแก้พิษออกมากลืนลงท้องไป แล้วรีบรุดถอยหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว

เถียนกวงโหย่วกับเหมียวเฟยเฟยที่จับตัวลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ก็พากันถอยหลังหนีเช่นกัน เถียนกวงโหย่วยังไม่ลืมที่จะคว้าตัวลู่เมิ่งเหยาหนีไปด้วยกัน เพราะเขาไม่สามารถทำใจปล่อยให้ผู้หญิงสวยขนาดนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ