“พลังนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขาไม่ใช่ระดับฝึกจิตครึ่งทั่วไป แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่กลั่นร่าง!” ระดับฝึกจิตครึ่งคนหนึ่งที่ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ยิ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวรวบรวมจิตสังหารและยกกระบี่วาววับขึ้นอีกครั้ง โจมตีระดับฝึกจิตครึ่งอีกคนจนกระเด็นออกไปพร้อมเลือดที่กลบปาก
จอมยุทธ์ใหญ่สิยกว่าคนที่เหลือ เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน
คาดไม่ถึงว่าระดับฝึกจิตครึ่งก็ไม่สามารถต่อกรได้ หรือนี่จะเป็นอสูรกายที่โพล่ออกมาจากที่แห่งใด?
“มอบยันต์หยกขาวให้ข้า ทำลายยันต์หยกสีแดงของพวกเจ้าเสีย”
รอบกายหลัวซิวล้อมรอบไปด้วยรังสีอาฆาตสีเลือดอยู่ในอากาศ พลางก้องพูดเสียงอย่างไม่แยแส
จอมยุทธ์ระดับฝึกจิตครึ่งทั้งสองและอีกสิบกว่าคนได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปเป็นลำบากใจขึ้นมาทันที
ที่ต้องให้คนเหล่านี้ทำลายยันต์หยกแดง ความจริงแล้วหลัวซิวคำนึงถึงเมื่อตนยึดยันต์หยกของพวกเขามาแล้ว คนพวกนี้คงจะแค้นฝังใจอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะไปร่วมมือกับคนอื่น ๆ แล้วกลับมาแก้แค้นเขาอีกก็ได้
“อย่าท้าทายกับความอดทนของข้า” เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ยังคงลังเลไม่ยอมตัดสินใจเสียที หลัวซิวจึงเตือนอีกครั้ง
คนเหล่านี้ต่างก็มีสีหน้าที่ไม่เต็มใจ อยู่ ๆ ชายระดับฝึกจิตครึ่งคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “ทุกคนแยกย้ายแล้วหนีไป!”
ก่อนที่เสียงของจะสิ้นสุดลง เขาก็เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหวและเลือกทิศทางที่จะหลบหนีด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ค่อยเริ่มทำตาม และในเวลานั้นเอง สถานการณ์ตรงหน้าก็เหมือนกับลิงที่ตื่นตระหนกวิ่งไปคนละทิศคนละทาง
หลัวซิวขมวดคิ้ว คนพวกนี้ถือว่าฉลาดมากจริง ๆ ใช้วิธีนี้เขาจับทุกคนไม่ได้แน่นอน
“ดูเหมือนว่า ข้าจะใจดีเกินไป”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาของหลัวซิวก็เผยความเยือกเย็นขึ้นวูบหนึ่ง ถ้าเขาโจมตีคนเหล่านี้หรือฆ่าพวกเขาโดยตรง ก็จะไม่มีใครสามารถหลบหนีได้
การกำหนดจำนวนของแดนปริศนามันสำคัญต่อตัวเขาเช่นกัน หลัวซิวไม่ยินยอมให้ความใจดีเพียงน้อยนิดของเขา ทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น
กระแสสัมผัสถูกแพร่ออกไป ตรึงนักยุทธ์ระดับฝึกจิตครึ่งคนแรกที่จะหนีเอาไว้ หลัวซิวแพร่กระจายวิชาตามลมล่าจันทรา จากนั้นจึงไล่ตามออกไป
เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา หลัวซิวก็สามารถไล่ตามคู่ต่อสู้ได้ ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไรแม้แค่คำเดียว เขาก็จัดการฆ่าพวกเขาด้วยปราณกระบี่เปลวไฟดำห้าสายทันที
เพลิงมรณะรวมตัวกันเป็นปราณกระบี่ ในเวลานี้ต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย เพราะพรแห่งกระบี่สังหารห้วงยุทธ์ พลังของปราณกระบี่นั้นแข็งแกร่งมากขึ้น เทียบเท่ากับฝีมือแห่งปรมาจารย์ฝึกจิตขั้นต้นได้เลย
พวกระดับฝึกจิตครึ่งพยายามดิ้นรนต้านการต่อสู้ แต่ความเป็นจริงแล้วพลังนั้นห่างชั้นกับหลัวซิวเกินไป เผชิญหน้ากันเพียงไม่กี่อึดใจ ก็สามารถทำลายยันต์หยกแดงได้ด้วยมือเดียว
“ต่อให้ข้าทำลายยันต์หยกจนสิ้นแล้ว ก็ไม่มีมีวันยกให้เจ้า!”
อาจจะเป็นเพราะถูกหลัวซิวทำให้ถูกคัดออก นักยุทธ์หนุ่มระดับฝึกจิตครึ่งคนนี้ก็รู้สึกเคียดแค้น หยิบเอายันต์หยกขาวออกมาจากแหวนเก็บของ และทำลายมันตรงนั้น
เหตุผลที่เขากล้าทำเช่นนี้ เพราะเขาคิดว่าเขาได้บดทำลายยันต์หยกแล้ว ไม่เกินห้าการหายใจก็จะถูกส่งออกไปนอกเขต ไม่มีเหตุผลต้องกลัวว่านักยุทธ์หนุ่มชุดดำคนนี้จะทำอะไรเขาได้
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของอีกฝ่าย ความเยือกเย็นในดวงตาหลัวซิวยิ่งรุนแรงขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้เป็นผู้นำ ยันต์หยกขาวของทั้งสิบกว่าคนเหล่านั้นจะต้องตกอยู่ในมือหลัวซิวแล้วเป็นแน่
แต่ไอ้เวรนี่ไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในเมตตาขอวหลัวซิวแล้ว ยังทำลายยันต์หยกอีก ทำให้เขาไม่ได้อะไรเลย
“หาเรื่องตาย!”
จิตสังหารรอบกายหลัวซิวนั้นปราศจากการอดกลั้นแม้แต่น้อย
หากเขาใจดีด้วย คนอื่นก็จะไม่เห็นค่า แต่กลับคิดว่าอ่อนแอและหลอกลวงได้ง่าย
เช่นนั้นแล้ว ก็ไปถามหาความเมตตาจากแม่เจ้าเถอะ!
หลัวซิวตัดสินใจเปลี่ยนความคิดในชั่ววินาที
“ชิ้ง!”
กระบี่ยุทธ์ดินระดับกลางถูกดึงออกจากฟักที่อยู่ด้านหลัง แสงกระบี่เย็นวาบพาดผ่าน ศีรษะของนักยุทธ์ระดับฝึกจิตครึ่งคนนั้นกระเด็นออกจากบ่าในทันที พร้อมด้วยสายเลือดอุ่น ๆ ที่พุ่งกระจายออกมาเป็นสาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...