มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1792

“ระดับความเร็วของปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้าจะยังมีข้อได้เปรียบก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิเท่านั้น หากประสบกับมกุฎเทพช่วงกลางก็ไม่ไหวแล้ว”หลัวซิวขมวดคิ้ว การที่อยากให้ปีกเทพข้ามขั้นนั้น พวกวัตถุดิบที่ต้องการนั้นมันหาไม่ได้เลยนะ

จากระดับราชาแห่งศัสตราวุธเลื่อนขั้นไปเป็นศัตราวุธราชา ต้องการวัตถุดิบสองประเภท หนึ่งคือไหมคันฉ่อง และอีกประเภทหนึ่งคือหินแก้วแสงลอย

ซึ่งวัตถุดิบทั้งสองประเภทนี้สอดคล้องกับกฎความเร็วและปริภูมิ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการเพิ่มพลานุภาพของปีกเทพ ดังนั้นเขาจึงผสมกฎความเร็วและปริภูมิรวมเข้าด้วยกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วระดับความเร็วก็จะเพิ่มมากขึ้น ทว่าข้อเสียก็คือระดับความยากในการข้ามขั้นจะเพิ่มขึ้น อดีตต้องการเพียงวัตถุดิบประเภทเดียวก็สามารถข้ามขั้นได้แล้ว ปัจจุบันกลับต้องการสองประเภท

หลัวซิวค่อนข้างให้ความสำคัญกับปีกเทพไร้มลทิ ของขลังที่สามารถวิวัฒนาการเช่นนี้มีศักยภาพที่สูงมาก ๆ ไม่เหมือนพวกของขลังที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระดับขั้นได้ ทันทีที่ศักยภาพของตนเองบรรลุถึงระดับที่แน่นอน ก็มีเพียงต้องทิ้งของขลังเหล่านั้น 

“ทำสำเร็จหรือไม่?”

ปล่อยหญิงสาวทั้งสองคนออกมาจากสำนักเต๋าเสวียนเหมิน หนิงหานยู่ก็ถามอย่างอดใจรอไม่ไหว

“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”หลัวซิวอมยิ้ม “ข้าพลั้งมือน้อยมาก ๆ เลยนะ”

เมื่อได้ยินว่าหลัวซิวแย่งหนวดของอสูรกลืนดารามาได้จริง ๆ หญิงสาวทั้งสองก็รู้สึกตะลึงมาก ๆ นี่มันเป็นการแย่งอาหารมาจากมือผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพเชียวนะ

“พี่เย่เก่งกาจเสียจริง”

นอกจากเก่งกาจ ฉียู่หรงก็ไม่รู้แล้วว่าควรใช้ศัพท์อะไรมาพรรณนาเขา ต้องท้าวความก่อนว่าเขาเคยข้ามแดนสังหารมกุฎเทพมาก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเพียงใด เมื่อเกิดขึ้นบนตัวเขา ราวกับเรื่องเหล่านั้นก็กลายเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้วยังไงอย่างนั้น

เวลาต่อจากนี้ หลัวซิวทั้งสามคนก็ลอยไปลอยมาอยู่ทั่วทุกสารทิศบนดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ต่อ ระยะเวลาสามวันใกล้จะสิ้นสุดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว

ในระยะเวลาสามวันนี้ ผู้อาวุโสแดนจ้าวมหาเทพที่ปกปักรักษาเรืออนัตตาทั้งสองลำเข่นฆ่ากับอสูรกลืนดารามาโดยตลอด อย่างไรก็ตามมาตรแม้นว่าจ้าวมหาเทพทั้งสองจะร่วมมือกัน มากสุดก็แค่สามารถก่อกวนอสูรกลืนดาราอย่างไม่หยุด กลับไม่สามารถสังหารมันได้เลยด้วยซ้ำ

สาเหตุที่ตัดหนวดเส้นหนึ่งของอสูรกลืนดาราขาดได้นั้น ก็เป็นเพราะผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงบนยอดอัมพรหมายเลข 3 นั่นใช้ภัณฑ์ต้องห้ามที่มีพลานุภาพทรงพลังมาก ๆ ชิ้นหนึ่ง

เพื่อเป็นการหยุดนิ่งดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ดวงนี้ บวกกับต้านทานการจู่โจมจากอสูรกลืนดารา เรืออนัตตาทั้งสองลำต่างสูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก

เพราะฉะนั้นหลังจากถึงเวลาที่นัดหมายแล้ว ก็ไม่สนใจเช่นกันว่ายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่บินตรงมาทางนี้และยังไม่ทันได้ขึ้นเรือ เรืออนัตตาก็เดินเครื่องอย่างรวดเร็ว เกราะคุ้มกันลอยขึ้นสูง กีดกันเหล่าผู้คนที่กลับมาสายไว้ข้างนอก

ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะตะโกนเสียงดังมากเท่าไหร่ คนของเรืออนัตตาต่างเย็นชามาก ๆ ไม่มีท่าทีที่จะเปิดเกราะคุ้มกันเพื่อให้พวกเขาเข้ามาเลยแม้แต่น้อย

“บอกแล้วว่าเมื่อถึงเวลาสามวันตามที่กำหนด หากกลับมาไม่ได้ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมาเอง พวกเขาเป็นผู้ก่อกรรมทำเข็ญเอง!”

น้ำเสียงของผู้คุมกฎในชุดคลุมยาวทองคนหนึ่งเย็นเยือกมาก ๆ สายตากวาดมองทุกคนที่กลับขึ้นมาบนเรือแล้ว

นักยุทธ์ของเรืออนัตตายอดอัมพรหมายเลข 3 ลำนี้ออกไปหลายหมื่นคน ทว่าสุดท้ายผู้ที่มีชีวิตรอดกลับมาก็มีเพียงครึ่งเดียว ครึ่งหนึ่งที่ขาดหายไปล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว หรือไม่ก็เพื่อให้ตามหาทรัพยากรสมบัติได้มากกว่าจึงส่งผลให้กลับช้า และถูกกีดกันอยู่นอกเรือ

โลกของนักยุทธ์มันก็โหดเหี้ยมเช่นนี้นี่แหละ ทุกครั้งที่โอกาสและโชคปรากฏ ในความเป็นจริงก็เป็นการชะล้างครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน ผู้ที่เข้มแข็งอยู่รอด ผู้ที่ด้อยกว่าย่อมถูกคัดออก ผู้แข็งแกร่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผู้อ่อนแอต้องตายหายไปจากโลกนี้

มีคนเสียชีวิตมากมายเช่นนี้ สำหรับเรืออนัตตาแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรด้วยซ้ำ เนื่องจากขณะที่คนเหล่านี้ขึ้นเรือ เรืออนัตตาก็ได้รับกำไรจากตั๋วเรือที่แพงราคาสูงลิ่วแล้ว

เมื่อเรืออนัตตาไปถึงโลกาอีกใบหนึ่ง พวกตำแหน่งที่ว่างล้วนสามารถขายออกไปได้ ทำให้เรืออนัตตาทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ