มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1795

สังเกตเห็นผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงรู้สึกสนใจในตัวหญิงสาวนางนั่นเล็กน้อย ผู้คุมกฎชุดคลุมยาวทองที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดอย่างเคารพนอบน้อม “นางมีนามว่าหนิงหานยู่ มาจากโลกะดาราคุนหลุนขอรับ ผู้ที่มาพร้อมกับนางยังมีอีกสองคน คนหนึ่งมีนามว่าเย่ห้าวหราน อีกคนหนึ่งมีนามว่าฉียู่หรง ต่างมีผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 4 และราชาเทพขั้น 7”

“ในทั้งสามคนนี้ ศักยภาพของเย่ห้าวหรานแข็งแกร่งที่สุด ทันทีที่ขึ้นเรือก็สังหารราชาเทพขั้น 9 คนหนึ่งในห้องโถงหมายเลข 56 ภายในกระบวนท่าเดียว”

“ราชาเทพขั้น 4 สังหารราชาเทพขั้น 9 ภายในกระบวนท่าเดียว?”เมื่อสวี่เสวียนอานได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน

เนื่องจากแม้เขาที่ได้รับฉายาว่าเป็นอัจฉริยะสวรรค์ประทานเมื่อครั้นนั้น หากอาศัยผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 4 บางทีอาจจะสามารถต่อกรกับราชาเทพขั้น 9 ได้ แต่ถ้าจะบอกว่าสังหารภายในกระบวนท่าเดียวนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน 

เนื่องจากมาตรแม้นว่าเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจมากเพียงใดก็สามารถข้ามขั้น 5 ระดับประลองกับคู่ต่อสู้ได้ แต่ก็ไม่สามารถข้ามขั้นถึงระดับที่กดอัดคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับความสงสัยที่มีต่อหนิงหานยู่ ในทางตรงกันข้ามสวี่เสวียนอานกลับนำความสนใจเคลื่อนย้ายไปบนตัวหลัวซิวแทน 

ณ เสี้ยววินาทีนี้ หลัวซิวก็สัมผัสได้แล้วว่ามีตัวสำนึกหนึ่งร่วงลงบนร่างกายตนเอง ยิ่งกว่านั้นคือตัวสำนึกดังกล่าวไม่มีการอำพรางแต่อย่างใด ทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นเหมือนเป็นวัตถุโปร่งใส ถูกตัวสำนึกของฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบโดยสิ้นเชิง ไม่มีความลับแม้แต่อย่างเดียว 

หลัวซิวเหงื่อแตกรัว ๆ ทุกคนที่อยู่บนเรืออนัตตา ผู้ที่มีตัวสำนึกแข็งแกร่งเช่นนี้ นอกเหนือจากผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงที่มีผลการฝึกตนจ้าวมหาเทพแล้ว ต้องไม่มีผู้อื่นอีกแน่นอน

และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปิติยินดีมากกว่าคือ เนื่องจากตรงกลางดาราหยั่งรู้ของเขามีตำหนักวัฏสงสารคอยกดอัด ฉะนั้นภายใต้การอำพรางจากตำหนักวัฏสงสาร มาตรแม้นว่าเป็นตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพ ก็ไม่สามารถมองทะลุความลับที่แท้จริงบนตัวเขาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ