มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1829

“เจ้ายินดีที่จะกราบไหว้ข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”แววตาอันร้อนผ่าวของจีเสวียนคงจ้องมองหลัวซิว

ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง ราวกับที่ตัวเองมาที่นี่นั้นก็มาเพื่อไหว้ครู แต่ผลลัพธ์กลับเปลี่ยนเป็นว่าเหมือนตนไม่ได้มาไหว้ครู แต่ฝ่ายตรงข้ามจะรับตัวเองเป็นศิษย์แทน?

แววตา ณ วินาทีนี้ของจีเสวียนคงทำให้หลัวซิวรู้สึกว่า หากตัวเองปฏิเสธละก็ เกรงว่าผู้อาวุโสท่านนี้ต้องเสียใจมากแน่นอน

ดูจากปฏิกิริยาที่แตกต่างระหว่างก่อนหน้านี้และบัดนี้ของจีเสวียนคง หลัวซิวจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร เนื่องจากตระหนักรู้ได้ในคัมภีร์โอสถ พรสวรรค์ที่ตัวเองแสดงออกมา มันทำให้มหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกายอดอัมพรท่านนี้ตะลึงจริง ๆ 

“ใต้หล้านี้นอกจากข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์รับเจ้าเป็นศิษย์!”

ราวกับสิ่งเดียวที่เกรงกลัวคือหลัวซิวจะปฏิเสธ จีเสวียนคงจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง ความหมายนั่นราวกับจะสื่อว่าหากเจ้าไม่กราบไหว้ข้าเป็นอาจารย์ ก็จะทำให้พรสวรรค์ของเจ้าสูญเปล่า

“ศิษย์กราบคารวะอาจารย์ขอรับ”

หลัวซิวไม่ได้ลังเลใจอีก เห็นเพียงเขาค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าจีเสวียนคง

ใต้เข่าลูกผู้ชายมีทองคำ พวกเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ นอกเหนือจากการคุกเข่าต่อฟ้าดินและพ่อแม่แล้ว จะคุกเข่าก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ผู้เคารพ

ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องอัปยศแต่อย่างใด แต่เป็นความเคารพที่มาจากหัวใจจริง

คนส่วนมากก็เรียกแทนกันว่าอาจารย์และศิษย์เช่นกัน ทว่าตราบใดที่ยังไม่เคยทำพิธีคุกเข่ากราบ แท้จริงแล้วล้วนไม่ถือเป็นศิษย์อาจารย์อย่างแท้จริง 

ยกตัวอย่างเช่นครั้นเมื่ออยู่ในโลกเสวียนเทียน ซุ๋นหวู่หยาอยู่ในนามอาจารย์ของเขา แต่เขากลับไม่เคยทำพิธีคุกเข่ากราบมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นอาจารย์และศิษย์ในนามเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่อาจารย์และศิษย์อย่างแท้จริง

มาตรแม้นว่าเป็นบรรพจารย์ไท่หยุนครั้นเมื่ออยู่ในโลกาดาราอุดร หลัวซิวก็ไม่เคยทำพิธีคุกเข่ากราบมาก่อนเช่นกัน เนื่องจากบรรพจารย์ไท่หยุนแค่อยากให้เศษคัมภีร์อมฤตถ่ายทอดสืบต่อไปผ่านตัวเขา การแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่เยอะมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ