มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1840

ภายในเศษใจแห่งศุภรมีความเร้นลับของกฎเวลาซ่อนอยู่ เมื่อนั้นเขาก็ได้รับการตระหนักรู้จากเศษใจแห่งศุภรเช่นกัน ถึงสามารถยึดกุมกฎเวลาได้

หากจีเสวียนคงสามารถตระหนักรู้ในกฎเวลาได้สำเร็จละก็ จากผลการฝึกตนของเขาที่อยู่บนจุดสูงสุดของผู้ไร้เทียมทานตั้งแต่แรก ศักยภาพต้องเพิ่มขึ้นสูงอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีต่อตัวเองเช่นกัน ที่พึ่งพิงของตัวเองก็จะมั่นคงมากยิ่งขึ้น 

“ศิษย์พี่เจ้าคะ……”จีเสี่ยวจื่อหรี่ตามองหลัวซิว ลักษณะท่าทางที่ดูอ่อนช้อยน่ารักนั่น ทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากทะนุถนอมอย่างอดไม่ได้

“ข้าไม่ได้ทำร้ายนางนะเจ้าคะ ท่านช่วยสอนวิธีการตระหนักรู้ในกฎปริภูมิให้แก่ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อเห็นว่าท่านปู่ของตัวเองนำเศษใจแห่งศุภรไปตระหนักรู้ในกฎเวลาแล้ว จีเสี่ยวจื่อก็อยากตระหนักรู้เช่นกัน 

พรสวรรค์ของนางไม่เลว ทว่ากลับไม่ได้ยึดกุมสี่กฎใหญ่เลย แต่เป็นการฝึกกฎธาตุอัสนี 

นางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ในการตระหนักรู้กฎเวลา ในบรรดาสี่กฎชั้นยอด สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดก็คือกฎปริภูมิ

หากสามารถฝึกกฎปริภูมิจนสำเร็จ เมื่อใช้ควบคู่กับกฎธาตุอัสนีที่เชี่ยวชาญการโจมตีและความเร็วละก็ ศักยภาพของนางต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน

หลัวซิวหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะทำสำเนาประสบการณ์และการตระหนักรู้ในกฎปริภูมิของตัวเองหนึ่งฉบับ จากนั้นค่อยนำสำนักเต๋าเสวียนเทียนมอบให้จีเสี่ยวจื่อ ให้นางไปตระหนักรู้เอง

ปริมาตรของอสูรดูดจิตใหญ่โตมาก ๆ พื้นที่บนศีรษะก็เหมือนสนามจัตุรัสขนาดเล็กแห่งหนึ่งแล้ว หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิลงตรงหน้าเหยียนเยว่เอ๋อร์ หากพูดให้แม่นยำหน่อยก็คือนาง ณ วินาทีนี้ไม่ใช่เหยียนเยว่เอ๋อร์ แต่มีนามว่าหงเฟย

ดวงตาทั้งสี่ข้างปะทะกัน แค่จ้องมองกันอย่างเงียบ ๆ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

ที่หงเฟยเงียบนั้นเป็นเพราะนางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ส่วนหลัวซิวนั้นถึงแม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่สำหรับหงเฟยที่สูญเสียความทรงจำในอดีตไปแล้ว ถึงตนจะพูดมากเพียงใดมันก็ไม่มีประโยชน์ 

“ข้าจะทำให้ความทรงจำของเจ้าฟื้นคืนกลับมาเอง”

หลังจากนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ จู่ ๆ หลัวซิวก็พูดเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ