สรุปตอน บทที่ 1894 – จากเรื่อง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม
ตอน บทที่ 1894 ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดยนักเขียน หลงเซียว-มังกรคำราม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
จากเรื่องเล่าในตำนาน เมื่อฝึกกฎชีวิตถึงแดนขั้น 10 ยิ่งสามารถแผดเผาพลังและเลือดได้อย่างไร้ขีดจำกัด และภายใต้การปลุกเสกจากกฎชีวิต พลังและเลือดของตัวเราก็จะไม่สูญหายไปเลยแม้แต่น้อย!
นี่ต้องเป็นความสามารถที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งชนิดหนึ่งแน่นอน ดังนั้นถึงแม้ผลการฝึกตนของจีเสวียนคงจะเป็นเพียงจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ แต่ทว่ากลับไม่มีจักรพรรดิเทพคนอื่น ๆ อยากไปมีปัญหากับเขา เนื่องจากหากแผดเผาพลังและเลือดอย่างไร้ขีดจำกัดละก็ จีเสวียนคงสามารถระเบิดกำลังรบที่เทียบเท่าจักรพรรดิเทพช่วงปลายออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งไม่อ่อนกว่าผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในมหาโลกายอดอัมพรอย่างเจ้าหอยอดอัมพร!
ตั้งแต่วินาทีที่หลัวซิวใช้กฎชีวิตแผดเผาพลังและเลือด โดยส่วนใหญ่ก็เป็นการประกาศความพ่ายแพ้ของตวนมู่ชางแล้ว
ที่ท้าวแขนของเก้าอี้ที่บรรพอาจารย์ตวนมู่กำลังนั่งอยู่ถูกเขาบีบจนผิดรูป หรือว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งในตระกูลตวนมู่ของข้าก็ยังเทียบเคียงกับลูกศิษย์ของจีเสวียนคงไม่ได้หรือ?
วินาทีนี้ จิตใจของนักยุทธ์จำนวนมากในตระกูลตวนมู่ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและไม่ยอม
“เวิง!”
เตายาของหลัวซิวเป็นฝ่ายที่หยุดนิ่งก่อน เห็นเพียงขนาดของเตายาเล็กลงเท่าฝ่ามือข้างหนึ่ง แล้วตกลงมาในฝ่ามือเขา ทุกอย่างฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาวะเงียบสงบ
ยาน้ำที่อยู่ภายในเตายาหลอมรวมกันจนกลายเป็นรูปร่างยา ขอแค่ร่ายวิชาเก็บยา ขั้นตอนการกลั่นยาทั้งหมดก็จะถือว่าเสร็จสิ้น
เมื่อตวนมู่ชางเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วเขาก็แทบจะกระอักเลือด เขายอมทำลายรากฐานวิถียุทธ์แผดเผาพลังและเลือดอย่างไม่เสียดาย วินาทีนี้เขากลับเหมือนตัวตลกตัวหนึ่ง
ไม่! ข้าไม่ยอม!
ดวงตาของตวนมู่ชางแดงเถือก ดังนั้นเขาจึงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “แม้ความเร็วในการกลั่นยาของเจ้าจะเร็วกว่าข้า แต่คุณภาพของยาที่เจ้ากลั่นออกมาได้นั้น ต้องไม่สูงกว่าของข้าอย่างแน่นอน”
เมื่อนึกถึงที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองในการดวลวิถียาในครั้งนี้ ความดุร้ายที่อยู่บนใบหน้าตวนมู่ชางจึงค่อย ๆ หายไป ราวกับกลับไปสุขุมเรียบนิ่งเหมือนเก่าอีกครั้ง ลักษณะท่าทางเหมือนกุมชัยชนะอยู่ในกำมือ
“เหอะ ๆ พี่ตวนมู่มั่นใจเช่นนี้เลยหรือ?”หลัวซิวยิ้มตาหยี
“เจ้าชาง ระดับของอัคคีเทพที่หลัวซิวนั่นใช้กลั่นยาไม่ต่ำกว่าของเจ้า ยิ่งกว่านั้นคืออาจจะสูงกว่าของเจ้าด้วย”
การที่ต้องพูดคำพูดเหล่านี้ออกมานั้น บรรพอาจารย์ตวนมู่ก็รู้สึกจนปัญญามาก ๆ เช่นกัน เนื่องจากหากเขาไม่พูดละก็ สามารถยืนยันได้เลยว่าเจ้าชางต้องติดกับดักของหลัวซิวนั่นแน่นอน ซึ่งไม่รู้ว่าต้องสูญเสียสมบัติอะไรอีก
คนนอกดูความสนุกแค่ภาพภายนอก คนในดูวิธีการและเนื้อแท้ จากระดับความรู้ที่ลึกซึ้งของบรรพอาจารย์ตวนมู่ ต้องสามารถแยกแยะได้อยู่แล้วว่าตกลงผู้ใดเป็นผู้ชนะในการดวลวิถียาในครั้งนี้
แม้อาจารย์ตระกูลตนจะพูดได้นิ่มนวลมาก ทว่าตวนมู่ชางก็ฟังความหมายที่แฝงอยู่ภายในออกแล้ว หรือว่าอาจารย์ตระกูลตนคิดว่าตัวเองเทียบกับหลัวซิวนี้ไม่ได้ คิดว่าตนจะพ่ายแพ้ให้เจ้าหมอนี่?
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?! ข้าตวนมู่ชางเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในวิถียาต่างหาก!
สีหน้าของตวนมู่ชางปรวนแปรไม่แน่นอน ร่างกายเหมือนถูกปีศาจมารควบคุมยังไงอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
Good...
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...