มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1916

สรุปบท บทที่ 1916: มหายุทธ์ สะท้านภพ

บทที่ 1916 – ตอนที่ต้องอ่านของ มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอนนี้ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1916 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรทองที่ยาวหลายร้อยเมตรแล้ว เงาร่างของหลัวซิวก็ดูต่ำต้อยเล็กน้อยไปอย่างเห็นได้ชัด ทว่าพลังออร่าไร้รูปอย่างหนึ่งที่แผ่กระจายออกมาจากร่างเขา กลับทำให้รู้สึกว่ามังกรทองที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนดั่งปลาไหลตัวหนึ่งที่ไม่โดดเด่นอะไร

“โฮก!”

อสูรดูดจิตที่อยู่บนไหล่หลัวซิวคำรามครั้งหนึ่ง มังกรทองห้าอุ้งเท้านั่นก็มันเหมือนพบเจอกับสัตว์ศัตรูโดยธรรมชาติ ร่างกายสั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ 

มังกรทองห้าอุ้งเท้าตัวนี้ก็กลายมาจากเผ่าพันธุ์มารเช่นกัน ถูกพระโอรสจ้านเทียนทำให้เชื่องแล้วนำมาเป็นสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ตัวมันก็มีผลการฝึกตนระดับราชาเทพ 

แต่เผ่าพันธุ์มารในยุคปัจจุบันกลับเป็นทายาทของอสูรโบราณในยุคดาราดึกดำบรรพ์ สายเลือดของอสูรดูดจิตเหมือนดั่งบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มารในยุคปัจจุบัน มันจึงสามารถข่มและกดอัดสายเลือดของมังกรทองตัวนี้ได้โดยปริยาย

“โอหัง! ผู้ใดบังอาจขวางทางพระโอรส ไสหัวออกไปซะ!”

พระโอรสจ้านเทียนขมวดคิ้วลง เขาแค่แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็จะลงมืออย่างโกรธเกรี้ยวโดยธรรมชาติ

ซึ่งผู้ที่ลงมือคือชายหนุ่มแววตาดุร้ายคนหนึ่ง เขาใช้ผลการฝึกตนของตัวเองผันเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง แล้วฟาดลงไปทางหลัวซิวที่ลอยอยู่กลางอากาศ

แววตาของหลัวซิวเยือกเย็น อสูรดูดจิตที่เกาะอยู่บนไหล่ยื่นหัวออกมาโดยตรง เห็นเพียงมันสะบัดหัวครั้งหนึ่ง หัวของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นกะทันหัน ก่อนจะมีเสียงแคว็กดังขึ้น อสูรดูดจิตกัดมือใหญ่ที่ฟาดมานั่นจนแตกสลาย

ชายหนุ่มผู้ที่ลงมือร้องเฮือกทีหนึ่ง ยืนอยู่บนหลังมังกรทองพลางก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าว เนื่องจากพลังที่พิเศษของอสูรดูดจิตอยู่เหนือการคาดหมายของเขา

“บังอาจทำร้ายคนของข้า เจ้ากล้าหาญมากเลยนี่!”พระโอรสจ้านเทียนหรี่ตาลง จิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันเสี้ยวหนึ่งผนึกร่างหลัวซิวเอาไว้

ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังพระโอรสจ้านเทียนก็ต่างพากันนำสายตาจับจ้องไปทางตัวหลัวซิวเช่นกัน แววตาดั่งกระบี่สวรรค์ ราวกับจะสังหารหลัวซิวคาที่ยังไงอย่างนั้น 

“คนของเจ้าบังอาจลงมือต่อข้า ก็กล้าหาญไม่เบาเช่นกันนี่”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง

ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธสิ้นสุดลงแล้ว!

ท้องฟ้าที่มืดมนไร้แสงกลับมาปลอดโปร่งเหมือนเก่า สถานที่แห่งการข้ามผ่านทัณฑ์เละเทะไปหมด ซากปรักหักพังกองกันเป็นแถบ

ทรงผมของจีเสี่ยวจื่อยุ่งกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าเสียหาย ทว่ากลับยากที่จะบดบังโฉมหน้าอันงดงามนั่นของนาง เรือนร่างดุจหยก เกิดการแปรเปลี่ยนหลังผ่านการล้างบาปโดยทัณฑ์สายฟ้า และขณะที่กำลังกลั่นแปรลูกแก้วแก่นแท้ของช้างเงิน นางยิ่งได้รับแก่นแท้ชีวีและปราณเลือดที่มากมายมหาศาล ทำให้ได้รับการยกระดับเหมือนได้ลอกคราบใหม่

มีระลอกคลื่นปริภูมิกระเพื่อมออกมาจากข้างกายนาง เหมือนระลอกคลื่นบนผิวน้ำ ราวกับว่านางอยู่ในห้วงเวลาที่แตกต่างจากผู้คน

เมื่อหลัวซิวเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เขาจึงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ราวกับว่าพรสวรรค์ด้านกฎปริภูมิของจีเสี่ยวจื่อนี่จะไม่เลวเลย ตั้งแต่เริ่มตระหนักรู้กระทั่งถึงบัดนี้ก็เพิ่งผ่านไปไม่นานนัก แดนกฎปริภูมิของนางก็บรรลุถึงขั้นที่ 4 แล้ว

แน่นอนอยู่แล้วว่าการที่แดนกฎในช่วงเริ่มต้นยกระดับได้เร็วนั้น เป็นเพราะผลการฝึกตนของตัวนางเองบรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้ว หลังจากที่แดนกฎและผลการฝึกตนของตัวเองอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว การที่จะอยากยกระดับแดนกฎอีกนั้น ก็จะทำได้ยากกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัวมาก 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ