มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1947

สรุปบท บทที่ 1947: มหายุทธ์ สะท้านภพ

บทที่ 1947 – ตอนที่ต้องอ่านของ มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอนนี้ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1947 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในฐานะที่เป็นเทพบุตรท้ายแถวที่โดดเด่นของวังมหาวาล จากบรรดาผู้สืบทอดสำนักจักรพรรดิทั้งหมด ศักยภาพของซูปินมากสุดก็ถือว่าอยู่ระดับกลาง

หากศักยภาพของตัวเองแข็งแกร่งมากพอ เขาก็คงไม่ไปสมคบกับคนในสำนักจักรพรรดิมรณะเพื่อมาจัดการเสิ่นปิงหยูอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว 

“ให้ข้าช่วยสังหารมันไหม”หลัวซิวใช้นิ้วชี้ไปทางซูปินพลางมองไปทางเสิ่นปิงหยู

นาง ณ วินาทีนี้มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก บนโฉมหน้าอันงดงามและเย็นชาดุจเทพธิดาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ พลางตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง: “ไม่ต้อง อนาคตข้าจะลงมือจัดการมันด้วยน้ำมือข้าเอง”

แตกต่างจากซูปิน เสิ่นปิงหยูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม เทพธิดาของวังมหาวาลในอนาคตต้องเป็นนางอย่างแน่นอน และตำแหน่งเจ้าอาจารย์ก็ต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน!

หลัวซิวอมยิ้มไม่ได้พูดอะไร ทว่าซูปินกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งไปเดินวนที่ประตูนรกมารอบหนึ่ง เมื่อครู่หากเสิ่นปิงหยูพยักหน้า เขาเชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำนั่นต้องลงมือสังหารตนแน่นอน

“เหตุใดเจ้าถึงต้องช่วยข้า?”เสิ่นปิงหยูเขม็งมองหลัวซิวพลางถาม

“ข้าเป็นผู้ที่ทนดูสาวงามถูกรังแกไม่ได้ จึงต้องยื่นมือช่วยเหลืออยู่แล้ว”หลัวซิวยิ้มพลางพูดหยอกล้อ

เสิ่นปิงหยูขมวดคิ้ว นางไม่เชื่อคำพูดของฝ่ายตรงข้ามหรอก ในส่วนของจุดประสงค์ที่คนดังกล่าวช่วยเหลือนางนั้น นางเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ด้วยซ้ำ

นางนึกอย่างไรก็ไม่มีทางนึกถึงว่านักยุทธ์โลกามนุษย์ที่นางเคยเชิญชวนให้เข้าร่วมวังมหาวาลเมื่อครั้นนั้น จะเป็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง  

“ท่านคือผู้ใดกันแน่?”เสิ่นปิงหยูเปลี่ยนลักษณะคำถามใหม่

“ข้ามีนามว่าเหยียนโม่!”หลัวซิวตอบกลับพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เหยียนโม่?”เสิ่นปิงหยูขมวดคิ้วลงอย่างอดไม่ได้ นางไม่คุ้นเคยกับชื่อดังกล่าว และไม่มีอยู่ในความทรงจำของนางเลย

หลัวซิวไม่ได้พูดอะไรอีก ง้างมือโยนขวดหยกให้นางหนึ่งขวดพลางพูด: “ด้านในมียาถอนพิษ ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถถอนผงสิบพิษผนึกปราณที่อยู่บนตัวเจ้าได้”

ภายในเสียงกรีดร้องของญาณอาฆาตมีพลังโจมตีวิญญาณแฝงซ่อนอยู่ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ตัวหยั่งรู้ของคนจำนวนมากล้วนถูกโจมตี จนทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่ชั่วขณะ

ตั้งแต่วินาทีที่กระบี่ผงาดตรีภพปรากฏกระทั่งถึงบัดนี้ เวลาก็ผ่านพ้นไปปีกว่าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว ในที่สุดพระโอรสจ้านเทียนผู้ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของมหาโลกาพันสามก็อดกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว 

พระราชสาส์นหนึ่งที่อยู่ในมือเขากางออก ด้านบนมีลักษณะขีดเขียนของพู่กันที่มีพลังมากจนแม้แต่มังกรพบเห็นก็ตื่นตะลึง ลายมือพู่กันหนักแน่นและนุ่มนวลงดงาม มีตัวหนังสือเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือคำว่า รบ! 

ซึ่งภายในคำว่า‘รบ’มีความเร้นลับอันไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่ มีพลังออร่าที่มีอำนาจสูงสุดในโลกหล้า เป็นผู้ไร้เทียมทานในห้วงดาราแผ่กระจายออกมา 

“ระ……หรือว่านี่คือตัวหนังสือหนึ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนลงมือเขียนด้วยตนเอง?”ทุกคนล้วนรู้สึกช็อกจนพูดอะไรไม่ออก 

เห็นเพียงพระโอรสจ้านเทียนจับพระราชสาส์นดังกล่าวไว้ในมือ พลางเดินตรงไปทางกระบี่ผงาดตรีภพ วิญญาณผูกอาฆาตและญาณอาฆาตที่นับไม่ถ้วนคำราม คำว่า‘รบ’บนพระราชสาส์นกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง มือใหญ่กำหมัด และบดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่ขวางกั้นให้แหลกสลายเป็นฝุ่นผงด้วยอำนาจแห่งผู้ไร้เทียมทาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ