มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1950

“มู่ช่าวหวง ขยะอย่างมึงก็บังอาจต่อกรกับพระโอรสอย่างกูอย่างนั้นหรือ? หากไม่ใช่เป็นเพราะจะเอากระบี่ตรีภพ พระโอรสอย่างกูจักสังหารมึงบัดเดี๋ยวนี้แหละ!”

พระโอรสจ้านเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง หลังจากโจมตีมู่ช่าวหวงจนถอยกลับไปแล้ว เขาไม่ได้ไล่โจมตีต่อแต่อย่างใด แต่เป็นการกระโดดลอยตัวขึ้นฟ้าแล้วพุ่งตรงไปทางกระบี่ผงาดตรีภพต่อ

มู่ช่าวหวงยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ สีหน้าปรวนแปรไม่แน่นอน ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ คำพูดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามนี้ของพระโอรสจ้านเทียนเป็นการตบหน้าเขาแรง ๆ อย่างไร้ข้อสงสัยเลย

“ปัง!”

เหล่านักยุทธ์ที่ขวางอยู่ตรงหน้าพระโอรสจ้านเทียนยังไม่ทันได้ตอบสนองใด ๆ ร่างกายก็ถูกพระโอรสจ้านเทียนพุ่งชน ทั้งร่างกายระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดภายในพริบตา ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก

มหาโลกาจ้านเทียนมีการถ่ายทอดสืบสานของมหาจักรพรรดิยุทธ์สองยุค ล้วนเดินบนเส้นทางแห่งการกลั่นร่าง พระโอรสจ้านเทียนได้หลอมรวมแก่นสารในวิถียุทธ์ของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองยุคเข้าด้วยกัน ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาแทบจะสามารถเทียบทัดศัตราวุธราชาขั้นสูงสุดแล้ว!

ร่างเนื้อระดับนี้ บวกกับการปลุกเสกจากเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักร คู่ต่อสู้ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าจ้าวมหาเทพ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อย

เมื่อเห็นว่าพระโอรสจ้านเทียนยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้กระบี่ตรีภพ ตำหนักที่มีเปลวไฟลุกโชนหลังหนึ่งจึงจุติลงมาจากฟ้ากะทันหัน พุ่งตรงไปทางศีรษะของพระโอรสจ้านเทียนพร้อมกับเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น

“ไสหัวไป!”

พระโอรสจ้านเทียนหันหลังกลับไปกะทันหันแล้วปล่อยหมัดออกไป หมัดทะลวงออกไปทั่วทุกสารทิศ ตำหนักที่มีเปลวไฟลุกโชนนั่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ทว่ากลับไม่กระเด็นออกไปเพราะหมัดของเขา

ซึ่งตำหนักเปลวไฟหลังนี้ก็คือตำหนักปีศาจหลอมที่สะดุดตานั่นเอง และผู้ที่ลงมือก็คือเทพธิดาท้ายแถวของวังมหาวาล เสิ่นปิงหยู 

แม้ตำหนักปีศาจหลอมจะไม่ใช่อาวุธจักรพรรดิ และไม่ใช่สมบัติจักรพรรดิเช่นกัน แต่ทว่ากลับเป็นของขลังที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลใช้ครั้นเมื่อยังไม่บรรลุมรรคผล ซึ่งระดับขั้นของมันอยู่เหนือของขลังระดับเจ้ายุทธจักรทั่วไปทั้งปวง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ