มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1950

สรุปบท บทที่ 1950: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปตอน บทที่ 1950 – จากเรื่อง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

ตอน บทที่ 1950 ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดยนักเขียน หลงเซียว-มังกรคำราม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“มู่ช่าวหวง ขยะอย่างมึงก็บังอาจต่อกรกับพระโอรสอย่างกูอย่างนั้นหรือ? หากไม่ใช่เป็นเพราะจะเอากระบี่ตรีภพ พระโอรสอย่างกูจักสังหารมึงบัดเดี๋ยวนี้แหละ!”

พระโอรสจ้านเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง หลังจากโจมตีมู่ช่าวหวงจนถอยกลับไปแล้ว เขาไม่ได้ไล่โจมตีต่อแต่อย่างใด แต่เป็นการกระโดดลอยตัวขึ้นฟ้าแล้วพุ่งตรงไปทางกระบี่ผงาดตรีภพต่อ

มู่ช่าวหวงยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ สีหน้าปรวนแปรไม่แน่นอน ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ คำพูดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามนี้ของพระโอรสจ้านเทียนเป็นการตบหน้าเขาแรง ๆ อย่างไร้ข้อสงสัยเลย

“ปัง!”

เหล่านักยุทธ์ที่ขวางอยู่ตรงหน้าพระโอรสจ้านเทียนยังไม่ทันได้ตอบสนองใด ๆ ร่างกายก็ถูกพระโอรสจ้านเทียนพุ่งชน ทั้งร่างกายระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดภายในพริบตา ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก

มหาโลกาจ้านเทียนมีการถ่ายทอดสืบสานของมหาจักรพรรดิยุทธ์สองยุค ล้วนเดินบนเส้นทางแห่งการกลั่นร่าง พระโอรสจ้านเทียนได้หลอมรวมแก่นสารในวิถียุทธ์ของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองยุคเข้าด้วยกัน ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาแทบจะสามารถเทียบทัดศัตราวุธราชาขั้นสูงสุดแล้ว!

ร่างเนื้อระดับนี้ บวกกับการปลุกเสกจากเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักร คู่ต่อสู้ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าจ้าวมหาเทพ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อย

เมื่อเห็นว่าพระโอรสจ้านเทียนยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้กระบี่ตรีภพ ตำหนักที่มีเปลวไฟลุกโชนหลังหนึ่งจึงจุติลงมาจากฟ้ากะทันหัน พุ่งตรงไปทางศีรษะของพระโอรสจ้านเทียนพร้อมกับเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น

“ไสหัวไป!”

พระโอรสจ้านเทียนหันหลังกลับไปกะทันหันแล้วปล่อยหมัดออกไป หมัดทะลวงออกไปทั่วทุกสารทิศ ตำหนักที่มีเปลวไฟลุกโชนนั่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ทว่ากลับไม่กระเด็นออกไปเพราะหมัดของเขา

ซึ่งตำหนักเปลวไฟหลังนี้ก็คือตำหนักปีศาจหลอมที่สะดุดตานั่นเอง และผู้ที่ลงมือก็คือเทพธิดาท้ายแถวของวังมหาวาล เสิ่นปิงหยู 

แม้ตำหนักปีศาจหลอมจะไม่ใช่อาวุธจักรพรรดิ และไม่ใช่สมบัติจักรพรรดิเช่นกัน แต่ทว่ากลับเป็นของขลังที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลใช้ครั้นเมื่อยังไม่บรรลุมรรคผล ซึ่งระดับขั้นของมันอยู่เหนือของขลังระดับเจ้ายุทธจักรทั่วไปทั้งปวง

มู่ช่าวหวงมีการควบคุมเรือรบจ้าวมหาเทพ พลังป้องกันนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง แต่ทว่าในบรรดาวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งหมด ก็ไม่ขาดแคลนผู้ที่พกอาวุธสงครามจ้าวมหาเทพ ไม่นานนักมู่ช่าวหวงก็ต้านทานไม่ไหว ราวกับว่าไม่มีฮู้เทวสรรพสิทธิ์ให้กระตุ้นแล้ว สุดท้ายทำได้เพียงเลือกที่จะหลบหนีไปอย่างจนตรอก ควบคุมเรือรบทะยานสู่ฟ้า

พระโอรสจ้านเทียนฆ่าล้างทุกสารทิศ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่ตายอยู่ในเงื้อมมือเขาก็มีไม่ต่ำกว่าห้าหกสิบคน

แต่ทว่าพระโอรสจ้านเทียนก็ไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ผมยุ่งกระเซอะกระเซิง เลือดไหลออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการที่อยากสังหารทุกคนที่รุมโจมตีเขานั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก ๆ

มีคราบเลือดติดอยู่ตรงมุมปากเสิ่นปิงหยู ในขณะที่ต่อสู้กับพระโอรสจ้านเทียน พอจะพูดได้เลยว่าตำหนักปีศาจหลอมที่นางเรียกออกมานั้นสร้างผลงานความดีให้นางมาก

ทว่าฝั่งหลัวซิว เขายื่นมือออกไปคว้ากระบี่ผงาดตรีภพติดต่อกันหลายครั้ง แต่ปราณกระบี่ตรีภพก็จะปะทุออกมาทุกครั้ง ทำให้เขาถูกบีบจนทำได้เพียงถอยหลังกลับเพื่อหลบหลีกราณกระบี่ตรีภพ

ทันใดนั้นเอง มันก็ทำให้หลัวซิวนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หินนิรันดร์ยอมรับเขาเป็นนาย ราวกับว่าสมบัติล้ำค่าที่มีความเร้นลับของเกณฑ์แฝงซ่อนประเภทนี้ ล้วนเป็นสมบัติที่มีธาตุทิพย์ ซึ่งพวกมันจะเลือกเจ้านายด้วยตนเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ