มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2146

“จากวิชาซ่อนตัวที่ล้าสมัยนั่นของเจ้า การที่สังเกตเห็นเจ้านั้นมันน่าแปลกตรงจุดใดหรือ?”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มุมปากของผู้อาวุโสนั่นจึงกระตุกสองทีอย่างควบคุมไม่ได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาได้ยินผู้อื่นบอกว่าวิชาซ่อนตัวของตนล้าสมัย ต้องท้าวความก่อนว่าเมื่อปีนั้นเขาคือชายหนุ่มที่ไม่มีภูมิหลังใด ๆ เลย จนค่อย ๆ รุ่งโรจน์ขึ้นมาทีละก้าว พอจะพูดได้เลยว่าวิชาซ่อนตัวนี้สร้างคุณูปการไว้เยอะมาก

อย่าว่าแต่นักยุทธ์ที่อยู่ในแดนเดียวกันเลย หากเขาใช้วิชาซ่อนตัวแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวมหาเทพก็สังเกตไม่เห็นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขารู้สึกภาคภูมิใจมากที่สุด กลับเป็นเพียงสิ่งที่ล้าสมัยในสายตาเด็กหนุ่มคนนี้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าน่าจะเป็นบรรพอาจารย์ของตระกูลฉีนี่สินะ?”หลัวซิวยังคงพูดอย่างสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย

“คิดว่าเจ้าก็น่าจะเป็นหลัวซิวที่สำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าออกหมายจับกุมในช่วงนี้สินะ?”บรรพอาจารย์ตระกูลฉีแบะปากพลางกวาดตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า

ภายในเวลาชั่วขณะ ณ ห้องโถงใหญ่ก็เงียบกริบลงไป ตกลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตระกูลฉีนี้จะจบลงอย่างไรนั้น ในมุมมองของทุกคนล้วนรู้สึกว่าขึ้นอยู่กับศึกระหว่างบรรพอาจารย์และหลัวซิว

“ตาแก่ หากเจ้าก็อยากจับกุมตัวข้าเพื่อไปขอความดีความชอบจากหอยอดอัมพรละก็ ข้าไม่รังเกียจที่จะส่งเจ้าไปลงนรกล่วงหน้าหลายหมื่นปีหรอกนะ”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา

ใบหน้าของบรรพอาจารย์ตระกูลฉีแข็งทื่อ “เด็กหนุ่มอย่างเจ้ามันมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า? แม้ข้าจักรู้อยู่ว่าเจ้าเป็นผู้สังหารเทพปีศาจเฒ่านั่นในตระกูลจู้ ทว่านั่นก็เป็นเพราะเจ้ามีอุบายในการปราบปรามกฎเพลิงอัคคี หรือว่าเจ้ายังมีอุบายในการปราบปรามตระกูลฉีของข้าด้วย?”

“ตาแก่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่าอย่าลองทดสอบอย่างหยั่งเชิงข้าเลย กึ่งจ้าวมหาเทพที่อยู่ในโลกามนุษย์เพียงพอที่จะเป็นผู้ไร้เทียมทานที่เกรียงไกร แต่กลับยังไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกข้านำไปไว้ในสายตา”

หลัวซิวไม่เก็บมาใส่ใจแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง: “หากเจ้าคิดว่าค่ายกลที่จัดวางอยู่ในตำหนักหลังนี้และคูเมืองแห่งนี้สามารถกำราบข้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็คิดเพ้อเจ้อจริง ๆ แล้วล่ะ ถึงแม้ค่ายกลเหล่านี้จะผ่านการปรับปรุงและสลักจารึกให้สมบูรณ์แบบขึ้นจากอาจารย์ค่ายเทพหลายคน แต่สำหรับข้าแล้วมันก็ยังคงเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง”

เมื่อเห็นสีหน้าอารมณ์ของบรรพอาจารย์ตระกูลฉี หลัวซิวก็ทราบแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะเข้าใจเจตนาของตนเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงอมยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจดีมากว่าควรทำอย่างไร นี่คือกิจการภายในของตระกูลฉีของพวกเจ้า ข้าที่เป็นคนนอกขอไม่เข้าร่วมด้วยแล้วกัน”

เมื่อสิ้นเสียง หลัวซิวก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่ ผู้ที่เดินตามออกมาพร้อมกับเขายังมีจีเสี่ยวจื่อด้วย

“เดิมทีคิดว่าบทประพันธ์ฎีกาค่ายที่ได้รับจากทะเลสาบมังกรทองจะสร้างประโยชน์ให้ได้ไม่มากนัก แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะอยู่เหนือการจินตนาการของข้า”

สิ่งที่บรรยายในบทประพันธ์ฎีกาค่ายที่ได้รับจากทะเลสาบมังกรทอง ล้วนเป็นความลี้ลับของค่ายกลต่าง ๆ เหมือนดั่งคัมภีร์โอสถที่มีการบรรยายความลี้ลับของการกลั่นยา

เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว สิ่งที่หลัวซิวต้องการมากกว่าคือเส้นลมปราณที่สมบูรณ์แบบของฎีกาค่ายและวิชาสลักแห่งตน รวมไปถึงเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณในคัมภีร์โอสถ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ