วินาทีนี้หากปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เกรงความเชื่อใจของทั้งสองฝ่ายในเมื่อครู่นี้คงจะพังยับเยินไปภายในพริบตา มิหนำซ้ำจากศักยภาพของตระกูลเทพสงคราม หากหลัวซิวจะใช้อำนาจแก่งแย่ง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้
ซิงเฉินแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่บอกใบ้ของเหล่าผู้อาวุโส เขาพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง แล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “ในเมื่อคุณชายเปิดกล่องเหล็กได้แล้ว ของชิ้นนี้จึงต้องเป็นของคุณชายท่านเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
ซิงเฉินเข้าใจดีมาก ๆ ว่าวินาทีนี้ตัวเองจำเป็นต้องแสดงท่าที โลหิตใจหยดหนึ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เป็นของที่ล้ำค่าอย่างยิ่งก็จริง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับโชคชะตาในอนาคตของตระกูลเทพสงครามแล้ว มันกลับเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง
เมื่ออยู่บนความถูกผิดหลักของปัญหา ซิงเฉินมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดของตัวเอง และนี่ถึงจะเป็นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่หัวหน้าตระกูลคนหนึ่งควรมี!
แม้แต่หลัวซิวก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซิงเฉินเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ลักษณะท่าทีของเขาทำให้หลัวซิวรู้สึกพึงพอใจมาก
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเลือดบรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามหยดนี้มีประโยชน์ต่อข้ามาก ๆ เพียงพอที่จะสามารถทำให้ผลการฝึกตนของข้าพุ่งพรวดอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ๆ”
หลัวซิวปิดกล่องเหล็ก รังสีเลือดบรรพบุรุษจึงหายวับไปภายในพริบตา
“แต่ข้ารู้สึกว่าเลือดบรรพบุรุษหยดนี้มันเหมาะสมกับตระกูลเทพสงครามของพวกเจ้ามากกว่า สำหรับข้าแล้วมันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ข้าแข็งแกร่งมากกว่าเดิม แต่สำหรับตระกูลเทพสงครามของพวกเจ้าแล้วมันกลับเหมือนส่งถ่านท่ามกลางหิมะตก เป็นสิ่งที่จะทำให้ตระกูลของพวกเจ้ารุ่งเรืองขึ้น!”
ในระหว่างที่พูดคุยอยู่นั้น หลัวซิวก็โบกมือทีหนึ่ง กล่องเหล็กที่มีรอยสนิมด่างมากมายจึงบินกลับไปยังมือซิงเฉินอีกครั้ง แล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง: “นำเลือดบรรพบุรุษหยดนี้หลอมรวมกับเลือดในหัวใจเจ้า มันสามารถทำให้สายเลือดฐานร่างของเจ้าสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้เจ้ามีพื้นที่ในการเติบโตและศักยภาพที่แข็งแกร่งมากขึ้น”
ผลลัพธ์เช่นนี้อยู่เหนือการจินตนาการของทุกคนอีกครั้ง ถึงแม้ขณะที่หลัวซิวตัดสินใจทำเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
“เสี่ยวเฉิน ข้าพูดได้เลยว่าข้ามองดูเจ้าค่อย ๆ เติบโตมาตั้งแต่เด็ก ความรุ่งเรืองในอนาคตของตระกูลเทพสงครามคงต้องตกลงบนบ่าเจ้าแล้ว อย่าทำให้นายท่านบรรพบุรุษผิดหวังในตัวเจ้าล่ะ!”
สายตาของเหล่าผู้อาวุโสล้วนรวมกันบนตัวซิงเฉิน การหลอมรวมเลือดบรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามนั้น ผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็ต้องเป็นซิงเฉินอยู่แล้ว ในสายตาของเหล่าผู้อาวุโส ทันทีที่ซิงเฉินหลอมรวมเลือดบรรพบุรุษตระกูลเทพสงคราม ก็เท่ากับรับการสืบทอดปณิธานของบรรพบุรุษ ซึ่งความหมายที่แฝงซ่อนอยู่ในนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
“ข้าทราบความคาดหวังของทุกท่านอยู่ ทว่าผู้ที่เราควรขอบคุณมากที่สุดก็คือคุณชายหลัว หากไม่มีท่าน ตระกูลเทพสงครามของเราจะมีโอกาสรุ่งโรจน์และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไรเล่า?”
แววตาของซิงเฉินแน่วแน่อย่างมาก ภายในใจมีความจงรักภักดีต่อหลัวซิวเพิ่มขึ้น สามารถพูดได้เลยว่าหลัวซิวก็เหมือนพระเยซูของตระกูลเทพสงคราม ช่วยชีวิตคนทั้งตระกูลให้รอดจากภัยอันตราย อีกทั้งจะนำพาพวกเขาขึ้นไปสู่ความรุ่งโรจน์ด้วย
“เสี่ยวเฉินพูดถูก ตระกูลเทพสงครามของเราจะไม่ยอมทำตามผู้อื่นอย่างฝืนใจง่าย ๆ แต่ในเมื่อพวกเราเลือกที่จะติดตามคุณชายหลัวแล้วก็ต้องสัตย์จริง อย่าได้มีใจที่ไม่จงรักภักดีใด ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...