มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2337

ขนาดของวังใต้แห่งนี้ ใหญ่กว่าที่คิดอีกมาก หนึ่งชั่วยามกว่า ๆ ต่อมา ทั้งสามคนก็ได้สลัดหลุดกลุ่มคนที่ไล่ตาม มาถึงสถานที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง

“คนของห้ากองกำลังใหญ่ได้เข้ามาก่อนพวกเรา จักรพรรดิเทพทั้งห้าน่าจะสำรวจไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของวังใต้แล้ว” ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกล่าวขึ้นมา

เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวซิวก็ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เห็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพของกองกำลังต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้เห็นได้ว่าเป้าหมายของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเหล่านั้นได้พุ่งไปที่ร่องเทพมารโดยตรง แม้กระทั่งว่าไม่ได้รวบรวมคนที่พามาด้วยเลย

“ด้วยความสามารถของพวกเราพอที่จะต่อต้านกับกึ่งจักรพรรดิเทพได้อยู่บ้าง แต่หากต้องเผชิญกับจักรพรรดิเทพยังด้อยอยู่บ้าง” ชีชีกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

แม้ว่านางจะเป็นผู้สืบทอดของขิมเก้าบรรเลงอาดูร ต่อสู้ข้ามหนึ่งแดนใหญ่กับจ้าวมหาเทพขั้นเก้าหรือแม้กระทั่งกึ่งจักรพรรดิเทพด้วยผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้นเก้า นับว่าเป็นยอดอัจฉริยะแล้ว แต่ถ้าหากต้องข้ามช่องว่างหนึ่งแดนใหญ่ไปต่อสู้กับจักรพรรดิเทพ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน

“แหะแหะ ต่อให้ไม่ได้รับผลดีอะไร ไปหาประสบการณ์หน่อยก็ดีเหมือนกัน ต่อให้เป็นโลกมหาศักดิ์ ร่องเทพมารของยุคไท่ชูเช่นนี้ ก็พบได้ไม่ง่ายนัก” ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนยิ้มกล่าว

“ผลการฝึกตนของข้าต่ำสุด ให้ทั้งสองท่านเป็นผู้นำแล้วข้าจะเป็นฝ่ายตาม” หลัวซิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ

ได้เย็นเช่นนี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเบ้ปาก แม้ว่าผลการฝึกตนของเจ้าหมอนี่จะไม่สูงก็จริง เป็นแค่มกุฎเทพขั้นสอง แต่กลับทำให้เขาหวั่นเกรงเล็กน้อย มองความตื้นลึกหนาบางไม่ออก

“คุณชายไท่ซ่างล้อเล่นแล้ว จากความสามารถและพรสวรรค์ของคุณชาย หากวางไว้ในโลกมหาศักดิ์ จะต้องมีความสามารถในขั้นจักรพรรดิเทพระดับสามอย่างแน่นอน แต่ผลการฝึกตนของเจ้ากลับเป็นเพียงเทพมารระดับสามช่วงต้นเท่านั้น ในอนาคตหากบรรลุถึงเทพมารระดับสามขั้นสูงสุด ไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสได้พลังการต่อสู้ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับสามมาก็ได้” ชีชีกล่าว

ในแดนเดียวกัน ยกเว้นการแบ่งแยกผลการฝึกตนช่วงแรก ช่วงกลาง ช่วงปลาย ในด้านความสามารถนั้นแบ่งความแตกต่างออกเป็นธรรมดา ราชาเทพ มกุฎเทพ จักรพรรดิเทพ และมหาจักรพรรดิยุทธ์

ผลการฝึกตนยิ่งต่ำ พลังการต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าพลังแฝงยิ่งสูง ความสำเร็จในอนาคตก็ยิ่งไร้ขีดสุด

ตอนที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนมีผลการฝึกตนเทพมารระดับสามในเมื่อก่อน มีพลังการต่อสู้ในขั้นมกุฎเทพระดับสาม และมีความสามารถในขั้นจักรพรรดิเทพระดับสาม

ชีชีเองก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ผลการฝึกตนของนางก็อยู่แดนเทพมารระดับสามขั้นสูงสุด พลังการต่อสู้อยู่ในขั้นจักรพรรดิเทพขั้นสาม ห่างจากมหาจักรพรรดิยุทธ์เพียงแค่เส้นด้าย หรือแม้กระทั่งว่าได้อยู่ในขั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นที่เรียบร้อย ความสามารถยากแท้หยั่งถึง

แต่พวกเขาสองคน ต่างก็ถามตัวเองว่าตอนผลการฝึกตนอยู่ที่เทพมารระดับสามช่วงแรกนั้น ไม่แข็งแกร่งเท่าหลัวซิวอย่างแน่นอน นี่หมายความว่า พรสวรรค์และศักยภาพของหลัวซิว มีความเป็นไปได้มากว่าสูงยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก

สถานะของจอมยุทธ์จะสูงจะต่ำ ไม่ได้อยู่ที่ผลการฝึกตน แต่อยู่ที่พลังการต่อสู้ จักรพรรดิเทพระดับสามผู้หนึ่ง ฝีมือทัดเทียมได้กับเทพมารระดับสี่ขั้นสูงสุดธรรมดา แต่สถานะนั้นเหนือกว่าเทพมารระดับสี่ขั้นสูงสุดธรรมดาอีกมากนัก

ทั้งสามคนเดินทางต่อไป มุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของวังใต้ จากนั้นไม่นานนัก กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายอยู่ข้างหน้า แม่น้ำแห่งสายเลือดไหลเชี่ยวขาดสาย ได้ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า

กลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงทำให้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อหลัวซิวทั้งสามคนได้เห็นเมื่อน้ำแห่งสายเลือดนี้ ต่างก็รูม่านตาหดเล็กลง

ที่ด้านหน้าของหลัวซิว ราวกับได้ปรากฏภาพเหตุการณ์ในภาพจ้านเทียนขึ้นมาอีกครั้ง ศึกครั้งนั้น ร่างไร้วิญญาณเกลื่อนกลาด เหลือไหนกลายเป็นสายน้ำ ผู้แข็งแกร่งที่ท้าดวลทวนสวรรค์จบชีวิตลงคนแล้วคนเล่า เลือดของพวกเขาไหลรวมกัน กลายเป็นแม่น้ำแห่งสายเลือด

หากบอกว่าผังปรปักษ์สวรรค์ภาพแรก แฝงไว้ด้วยความหมายของการไม่ยอมแพ้และต่อต้าน เช่นนั้นภาพจ้านเทียนก็คือไม่เสียใจ!

ท้าดวลทวนสวรรค์ ถึงตายก็ไม่เสียใจ!

ใช้เลือดของข้า ย้อมสรวงสวรรค์!

“สู้!”

“สู้!”

“สู้!”

......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ