มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2358

หลัวซิวไม่รู้ว่าสวรรค์ที่ถูกฝังอยู่ในหีบศพทมิฬยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่อ้างอิงจากการอนุมานของเขา หากสวรรค์ตายไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้ง 9 คนก็ไม่ถึงขั้นยอมสละชีวิตรวมไปถึงร่างแห่งเลือดเนื้อเพื่อสร้างโลงเทพมาฌาปนนภาสวรรค์ เช่นนั้นก็หมายความว่าสวรรค์แค่ถูกผนึกกดอัด ทันทีที่มีคนเปิดหีบศพทมิฬออก บางทีสวรรค์ในตำนานก็อาจจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง

ส่ายหน้าไปมา หลัวซิวสลัดความคิดที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงในหัวทิ้ง หากเขาคือไท่ซ่างฉิงในอดีตละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้บ้าง แต่เขาในปัจจุบันยังอ่อนเกินไปอยู่ดี

“เจ้าวางแผนที่จะช่วยข้าฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บบนฐานยุทธ์ของข้าเมื่อใด?”

เมื่อทราบข่าวการกลับมาของหลัวซิว หนิงหานหลิงจึงมาตามหาเขาเป็นสิ่งแรก ยิ่งปล่อยสภาพอาการบาดเจ็บบนฐานยุทธ์ไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสส่งผลกระทบต่อรากฐานวิถียุทธ์ของนางมากเท่านั้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการข้ามขั้นในอนาคตของนาง

เดิมทีหลัวซิวก็เคยสัญญากับนางแล้วว่าจะช่วยนางฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บบนฐานยุทธ์ ดังนั้นหลัวซิวจึงปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา จัดวางค่ายสีมาเพลาในเผ่าจี้ เพื่อฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บบนฐานยุทธ์ให้นาง

ในขณะที่หลัวซิวช่วยหนิงหานหลิงบำบัดรักษา โลกภายนอกกลับเกิดเรื่องราวใหญ่โตแล้ว

สำนักจักรพรรดิและตระกูลทั้งหลาย รวมไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์จากมหาโลกาต่าง ๆ ล้วนส่งตัวผู้แข็งแกร่งเร่งเดินทางมา เล่ากันว่าแค่จำนวนผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพก็มีหลายสิบคนแล้ว คนเหล่านั้นบุกเข้าไปในส่วนลึกของสถานฌาปนนภาสวรรค์อีกครั้งโดยที่มีสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนเป็นผู้นำ แล้วเจอแท่นบูชาที่ลึกลับนั่น

ส่วนบนของแท่นบูชา จักรพรรดิเทพหลายสิบคนร่วมมือกันหวังจะเปิดฝาโลง จึงทำให้จิตตั้งร่างผันของผู้แข็งแกร่งแห่งยุค 9 คนที่อยู่ในหีบศพทมิฬตื่นตกใจแล้วปรากฏตัว

วันนั้นส่วนยอดของแท่นบูชาถูกสังหารจนเลือดไหลนองเป็นทาง จักรพรรดิเทพหลายสิบคนดับสลายสูญสิ้นไปเกือบครึ่ง มีจักรพรรดิเทพไม่ถึงสิบคนเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ ทุกคนล้วนหวาดผวาอย่างยิ่ง ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง

หลังจากข่าวดังกล่าวแพร่พรายออกไปแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนก็ยังตื่นตกใจไปด้วย ก่อนจะเร่งเดินทางมาจากมหาโลกาจ้านเทียนด้วยตนเอง หลังจากที่เขาเดินขึ้นมาถึงส่วนบนสุดของแท่นบูชา มองโลงศพใหญ่สีดำนั่นหนึ่งรอบ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไปเลย

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ก่อนจะจากไปมหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านเทียนยังพาทุกคนจากสำนักจักรพรรดิกลับไปด้วย แล้วบอกว่าอย่าได้มีผู้ใดคิดวิธีหมายปองโลงเทพบนแท่นบูชานั่นอีก

เขาคือเทพมารระดับหกเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกาพันสามในปัจจุบัน หลังจากที่เขาเดินขึ้นไปบนแท่นบูชา ก็มองเห็นความน่ากลัวของโลงเทพแล้ว สัมผัสได้ว่ามีปณิธานของผู้แข็งแกร่งแห่งยุคแฝงซ่อนอยู่ในโลงเทพ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเลยแม้แต่น้อย

เมื่อหลัวซิวที่อยู่ในเผ่าจี้ได้ยินข่าวคราวดังกล่าว กลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้ง 9 คนที่ใช้ร่างแห่งเลือดเนื้อหลอมสร้างโลงเทพฌาปนนภาสวรรค์นั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่อยู่เหนือมหาจักรพรรดิยุทธ์์ระดับเก้า มาตรแม้นว่าเหลือเพียงเศษปณิธานที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่เทพมารระดับหกสามารถต่อกรได้

สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดกลับเป็นลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีทั้งสองคนนี้ พวกเขากำเนิดจากโลกมหาศักดิ์ หากนำข่าวคราวดังกล่าวแพร่งพรายไปยังโลกมหาศักดิ์ ไม่แน่ก็จะมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าลงมือ ทันทีที่มีผู้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเปิดฝาโลงเทพออกอย่างอุกอาจ เกรงว่าหายนะต้องมาเยือนสรรพโลกแน่!

แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์์จ้านทานที่เป็นผู้ไร้เทียมทานในยุคปัจจุบันยังถดถอยแล้ว นี่จึงทำให้ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังและดินแดนทั้งหลายหวาดผวามากยิ่งขึ้น สถานฌาปนนภาสวรรค์กลายเป็นเขตต้องห้ามโดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกัน ความสนใจของกองกำลังจากแดนต่าง ๆ ก็เบี่ยงเบนไปจากสถานฌาปนนภาสวรรค์ในโบราณสถานเทพมาร เนื่องจากการล่มสลายของหอยอดอัมพร รวมไปถึงการลงมือโจมตีของหลัวซิวที่อยู่บนแท่นบูชาโบราณสถานเทพมาร ตกเป็นเป้าที่ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ในทันที

สำนักเซียนเทียนหยุนไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว เรื่องที่เฒ่าประหลาดเทียนหยุนถูกสังหารก็ไม่มีผู้ใดถามไถ่อยู่แล้ว แต่ในบรรดาผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพที่ถูกหลัวซิวสังหาร มีคนหนึ่งคือผู้อาวุโสของตระกูลมู่ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยเล็ก

และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือผู้อาวุโสตระกูลมู่ถูกสังหาร สมบัติอย่างเรือม่วงทองที่มหาจักรพรรดิยุทธ์์สรรพสิทธิ์ทิ้งไว้ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือหลัวซิวเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ