มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2359

การดับสลายสูญสิ้นของเจ้าหอยอดอัมพรมีความเกี่ยวข้องกับหลัวซิวหรือไม่นั้น ไม่มีผู้ใดมองเห็นด้วยตาแต่อย่างใด ต่อมาขณะที่จักรพรรดิเทพหลายสิบคนไปสำรวจแท่นบูชานั่นอีกครั้ง ก็ไม่เห็นร่องรอยใด ๆ ที่เจ้าหอยอดอัมพรทิ้งไว้ นี่จึงทำให้กองกำลังทั้งหลายต่างอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองชิ้นของหอยอดอัมพร ก็มีโอกาสตกอยู่ในเงื้อมมือหลัวซิวสูงมากเช่นกัน

วันนี้ ผู้ที่มาเยือนโลกาแดนปริศนาแห่งเผ่าจี้นั้นมีเยอะมาก ๆ ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพที่มาจากกองกำลังใหญ่ทั้งหลาย

ภายในตำหนักใหญ่เผ่าจี้ นายแห่งเผ่าจี้และผู้อาวุโสห้าคนปรากฏตัวพร้อมกัน ส่วนผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพที่มาจากกองกำลังทั้งหลายก็ต่างพากันนั่งอยู่ในตำหนักใหญ่

มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์นั่งที่นี่ ในส่วนของเหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศหรือจ้าวมหาเทพที่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเหล่านี้พามาด้วยนั้น กลับทำได้เพียงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเคารพนอบน้อม

“ไม่ทราบว่าที่ทุกท่านมาเผ่าจี้ของข้านั้น เป็นเพราะเรื่องอันใดหรือ?”นายแห่งเผ่าจี้กวาดตามองดูทั่วทุกสารทิศพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง

เขาทราบอยู่ว่าคนพวกนี้ล้วนมาเพราะหลัวซิว แต่หลัวซิวคือผู้มีพระคุณของเผ่าจี้ อีกทั้งยังมอบดอกถานฮวาเก้ากลีบที่มีมูลค่าสูงส่งให้แก่เผ่าจี้ด้วย ไม่ว่าอย่างไรเผ่าจี้ก็นิ่งดูดายต่อพระคุณนี้ไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ครั้งนี้เขาจึงพาผู้อาวุโสห้าคนปรากฏพร้อมกัน ก็เพื่อจะหนุนหลังให้หลัวซิว

“นายแห่งเผ่าจี้รู้แล้วแต่ยังแกล้งถามอักสินะ? หลัวซิวนั่นจองของพองขน สังหารผู้สืบทอดตระกูลมู่ของข้าในแดนเทวนิรันกาลไม่ว่า แล้วยังสังหารผู้อาวุโสตระกูลมู่ของข้าในโบราณสถานเทพมารอีก กักตัวผู้สืบทอดนายท่านตระกูลมู่ของข้า เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ตระกูลมู่ของข้าให้ได้!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลมู่ลุกตัวขึ้น มีออร่าจักรพรรดิเทพช่วงปลายที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมา ผู้อาวุโสคนดังกล่าวมีนามว่ามู่เทียนฮั๋ว ซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่ ณ ปัจจุบันของตระกูลมู่ ผลการฝึกตนเป็นรองเพียงนายท่านตระกูลมู่

ความเป็นมาของเผ่าจี้ลึกลับ ตระกูลมู่ก็ไม่อยากแตกหักกับเผ่าจี้ง่าย ๆ เช่นกัน ดังนั้นจึงเลือกวิธีการเจรจาต่อรองมาแก้ไขปัญหานี้

“ผู้อาวุโสมู่กล่าวเช่นนี้มันไม่ถูกต้องเลยนะ ก่อนหน้านี้ก็คุยกันแล้วว่าเรื่องการต่อสู้เข่นฆ่าจนบาดเจ็บและเสียชีวิตในแดนเทวนิรันกาลนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การตายของมู่ช่าวหวง ไม่ใช่ภาระหน้าที่ที่หลัวซิวต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

นายแห่งเผ่าจี้ไม่ได้ตอบกลับอะไร ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของเผ่าจี้จึงลุกตัวขึ้น แล้วตอบกลับมู่เทียนฮั๋ว

ซึ่งผู้อาวุโสเผ่าจี้คนดังกล่าวก็คือผู้ที่หลัวซิวพบเจอบนแท่นบูชาเทพมารนั่นเอง ซึ่งมีนามว่าจี้หยวนฉง

“น่าขำชะมัด! ในเมื่อมันฆ่าคน จะบอกว่ามันไม่มีความผิดเลยหรือ?”มู่เทียนฮั๋วทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น

“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ หรือแค่อนุญาตให้อัจฉริยะในตระกูลมู่ของพวกเจ้าสังหารผู้อื่น แต่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นมาสังหารมู่ช่าวหวง? สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะทักษะเทียบเทียมกับผู้อื่นไม่ได้ ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์มันก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เผ่าจี้ของข้ารู้สึกว่าหลัวซิวไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ต่อเรื่องนี้!”

จี้หยวนฉงตอบกลับอย่างเย็นเยือก ปัจจุบันเผ่าจี้ได้เปิดตัวสู่โลกภายนอกแล้ว การจะกระทำเรื่องอันใดจึงไม่มีความจำเป็นต้องถ่อมตัวดั่งอดีตอีกต่อไป เมื่อถึงช่วงที่ต้องแข็งกร้าว ก็ต้องแสดงลักษณะท่าทีของตระกูลโบราณออกมา

“แล้วเรื่องที่ผู้อาวุโสตระกูลมู่ขอข้าถูกสังหารล่ะ ว่าอย่างไร?”มู่เทียนฮั๋วก็ทราบอยู่ว่าหากพัวพันอยู่กับปัญหานี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้บทสรุปอะไรหรอก เขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนประเด็นซะเลย

“ผลการฝึกตนของหลัวซิวเป็นเพียงมกุฎเทพ แต่ผู้อาวุโสตระกูลมู่ของเจ้ากลับอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพ เมื่อนั้นข้าเห็นเองกับตาเลยว่าผู้อาวุโสตระกูลมู่ของเจ้าไม่ได้ถูกสังหารโดยหลัวซิวแต่อย่างใด แค่บังเอิญกระตุ้นหีบศพทมิฬ แล้วถูกจิตตั้งร่างผันของผู้แข็งแกร่งที่แฝงซ่อนอยู่ภายในสังหาร!”

จี้หยวนฉงยิ้มอย่างเย็นชา ปากแข็งไม่ยอมรับคำถามนี้

“เหลวไหล! ข้าเห็นเองกับตาเลยว่าหลัวซิวเป็นผู้สังหารผู้อาวุโสตระกูลมู่”และในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสตระกูลหงก็ลุกขึ้นยืนแล้วตะคอกด้วยใบหน้าที่เขียวช้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ