มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 243

เพียงแต่ว่าสำหรับหลัวซิววงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพผังกฎดั้งเดิมเก้าแผ่นยังทำความเข้าใจได้ไม่ถึงไหนเลย ปัจจุบันก็เพียงแค่อยู่ในระดับการควบคุมความเป็นตาย ยังไม่สามารถรวมสองระดับความเป็นตายเข้าด้วยกันได้

ถ้าหากสามารถรวมสองระดับความเป็นตายเข้าด้วยกันได้ พลังและความสามารถก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า ตราธรรมจุติมรณะก็คือหลักในการรวมสองระดับความเป็นตายเข้าด้วยกันได้ หลัวซิวยังไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดนี้ได้มาโดยตลอด

ไม่ได้เข้าใจความประหลาดใจและตกอกตกใจของหลัวซิว หลัวซิวเดินมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของแดนปริศนาต่อไป

เมื่อพบกับวิญญาณ เขาก็ใช้เพลิงมรณะกลืนกินและกลั่นแปร เพิ่มระดับผลการฝึกตน พบกับศพเดินได้ ก็เปลี่ยนเป็นใช้อัคคีขาวเสวียนหยางสังหาร

ศพเดินได้เป็นภูตผีที่มีระดับสูงกว่าวิญญาณ ในร่างเนื้อมีพลังหยินมรณะอยู่มหาศาล ทว่าหลัวซิวลองใช้มากมายหลายวิธี ก็ไม่สามารถดูดซับเอาพลังหยินมรณะที่อยู่ในร่างเนื้อของศพเดินได้มากลั่นแปรได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด รัศมีที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหาย ทำให้หลัวซิวพลันชะงักฝีเท้าลง

ความรู้สึกเช่นนี้ แทนที่จะบอกว่าเป็นรัศมี สู้บอกว่าเป็นห้วงบางชนิด ห้วงยุทธ์บางอย่าง ห้วงยุทธ์ที่ประกอบไปด้วยไอมรณะ!

ทำให้ในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความปีติยินดี เนื่องด้วยนักยุทธ์ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์ โดยทั่วไปจะขยายออกไปตาม Attr ที่ตนฝึกฝน ตัวอย่างเช่นเหยียนเยว่เอ๋อร์ฝึกฝนพลังจิตแท้ธาตุไฟก็ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์อัคคี

จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชากระบี่ ก็ตระหนักรู้ห้วงกระบี่ นักยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชาดาบก็ตระหนักรู้ห้วงดาบ อย่างอื่นก็เป็นเช่นนี้

และพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายที่ตัวหลัวซิวฝึกฝนนั้น Attr ไฟก็นับเป็นอย่างหนึ่ง แต่ห้วงยุทธ์ที่ตระหนักรู้นั้น แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Attr ทั้งสามนี้เลย แต่กลับได้ตระหนักรู้ห้วงกระบี่พิฆาต

สาเหตุที่ตระหนักรู้ห้วงกระบี่พิฆาต เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต่อสู้เข่นฆ่า เดินอยู่บนเส้นแดนของความเป็นตายที่อับจนอยู่หลายครั้ง ในทางกลับกันบนการตระหนักรู้สองระดับความเป็นตายและอัคคี ยังห่างจากระดับของการตระหนักรู้ห้วงยุทธ์ที่บรรลุถึงอยู่อีกมากนัก

ถึงอย่างไรช่วงเวลาที่เขาฝึกฝนนั้นก็ยังสั้นอยู่ ไม่เหมือนกับพวกคนที่ฝึกฝนมานานนับร้อยปีเหล่านั้น ผ่านการตกตะกอนของเวลา ได้สั่งสมการตระหนักรู้มามากมาย

ห้วงยุทธ์ที่หลัวซิวสัมผัสได้ในตอนนี้นั้น แฝงไปด้วยไอมรณะ ทำให้คนรู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่ในแดนมรณะที่ไร้ทางออก เป็นตายไม่อาจกำหนดเองได้

ห้วงยุทธ์นี้คมดั่งมีด น่าจะเป็นรัศมีห้วงยุทธ์ของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชาดาบท่านหนึ่งทิ้งเอาไว้

“อยู่ที่โลกแสงดาวสำนักไท่เสวียนก็นับเป็นกองกำลังใหญ่ ในสำนักก็มียอดฝีมือที่ฝึกฝนสองระดับความเป็นตายอยู่เช่นกัน ห้วงยุทธ์สายนี้ น่าจะเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนพลังแห่งความตายท่านหนึ่งทิ้งเอาไว้” หลงหมิงเองก็สัมผัสได้ถึงรัศมีห้วงยุทธ์นี้เช่นกัน

หลัวซิวไม่ได้ตระหนักถึงโลกแสงดาวที่หลงหมิงเอ่ยถึง จิตใจทั้งหมดของเขาในตอนนี้ ล้วนตกอยู่ในภวังค์ห้วงดาบมรณะที่แผ่ซ่านในตอนนี้

ห้วงดาบมรณะที่ครอบคลุมอยู่ด้านหน้านั้นไม่ชัดเจนนัก หลัวซิวตอบสนองตามห้วงยุทธ์สายนี้ ร่างของเขาก้าวเดินออกไปด้านหน้า

เมื่อเดินขึ้นไปด้านหน้าเรื่อย ๆ พลังของห้วงยุทธ์มรณะ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น พลังห้วงยุทธ์ที่มองไม่เห็น ทำให้คนรู้สึกว่าร่างกายและจิตวิญญาณของตนล้วนอยู่ใกล้ขอบเขตแห่งความตาย

หลัวซิวปล่อยห้วงยุทธ์กระบี่สังหารของตนออกมา เผชิญหน้ากับห้วงดาบมรณะในขณะเดียวกันนั้นผังกฎดั้งเดิมความเป็นตายภาพที่สองก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสมอง ทำความเข้าใจความล้ำลึกของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ เน้นไปที่ความล้ำลึกของพลังแห่งความตายโดยเฉพาะ

โดยไม่รู้ตัว หลัวซิวก็ได้ตกอยู่ในสภาวะลืมตัวเช่นนี้

หลงหมิงก็เคยทัดเทียมได้กับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 แม้ว่าเป็นเพราะได้ใช้เคล็ดวิชาทำลายกฎของธรรมชาติพรากชีวีถึงได้ร่วงหล่นลงมาถึงระดับแดนพรสวรรค์ แต่ระดับที่บรรลุถึงของมันก็ยังคงอยู่ ภายใต้การครอบงำของห้วงดาบมรณะก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ

“เจ้าคนนี้ได้จมอยู่ในภวังค์รู้แจ้งการลืมตนไปเสียแล้ว ไม่ได้มีการป้องกันใด ๆ จากโลกภายนอกเลย ถือโอกาสนี้เอาชีวิตมันเลยจะดีหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ