ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องมองปี้เซียวเสว่อยู่แสนนาน และยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ: “คิดว่าได้รับการคุ้มครองจากหลัวซิวก็ไม่เป็นอะไรแล้วงั้นหรือ?”
“พี่รอง ได้ยินว่าสมาชิกระดับสูงของตระกูลมีใจที่จะรับหลัวซิวผู้นี้เข้ามา หรือว่ามันจะรู้เรื่องร่างแห่งเสวียนหยิน และคิดที่จะชิงเอาหยวนหยินของนางไป?” อีกสองคนที่เหลือใช้ตัวสำนึกสื่อสารกับชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ
“ถึงยังไงหยวนหยินของปี่เซียนเสว่ก็ยังคงอยู่ แต่เพื่อเป็นการเผื่อไว้ หาโอกาสแย่งนางกลับมาแล้วค่อยว่า ส่วนหลัวซิวผู้นั้น รอหลังจากที่ออกไป ไม่ว่ามันจะตอบรับคำเชิญของราชวงศ์หรือไม่ ท่านทวดสามจะต้องลงวิชาสยบวิญญาณกับมันเป็นแน่ มีโอกาสสั่งสอนมันอีกเยอะ”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้น้ำกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นทั้งสามคนก็หันหลังจากไป เพื่อตามหาหินหยินในที่อื่น
หลัวซิวคอยสังเกตศิษย์ตระกูลฝานทั้งสามคนที่จากไปอยู่ตลอดเวลา และแอบตั้งมั่นอยู่ภายในใจ เมื่อไหร่ที่เห็นพวกมันอยู่เพียงลำพัง จักต้องจัดการพวกมันให้หมดสิ้นเป็นแน่
ขอบเขตของแอ่งนั้นไม่ใหญ่นัก จากที่ผู้คนได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถูกขุดจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
หลัวซิวมาค่อนข้างจะช้าไป แต่อาศัยแรงสัมผัสที่มีต่อหินหยิน ก็ได้ค้นพบหินหยินจำนวนร้อยกว่าก้อน ในนั้นมีอยู่สิบกว่าก้อนที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ซึ่งอยู่ในระดับชั้นกลาง
เขาเชื่อว่าเมื่อมีหินหยินพวกนี้แล้ว เพียงพอที่จะให้เข้าบรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 7
ในตอนที่เขาเก็บหินหยินอยู่นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยให้มังกรไร้ร่างอย่างหลงหมิงอยู่นิ่งเฉย อาศัยพลังที่สามารถควบคุมปริภูมิได้ของมัน ก็ได้ค้นพบหินหยินหลายสิบก้อน นับว่าได้ผลลัพธ์ที่ไม่เลว
ทันใดนั้นเอง บริเวณใจกลางแอ่งได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา ปราณหยินสีดำเหมือนดั่งสสารได้พุ่งออกมา และเกิดระเบิดขึ้น นักยุทธ์สิบกว่าคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกปราณหยินกลืนกินไปในทันที ร่างกายมลายหายไป กายจิตดับสูญ
ทุกคนต่างตกใจหน้าถอดสี วิ่งหนีออกไปทั้งสี่ทิศ ปราณหยินสีดำที่พุ่งออกมาจากใจกลางแอ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนดั่งทะเลสีดำ แพร่กระจายไปทั่วแอ่งน้ำ
หลัวซิวและปี้เซียนเสว่เองก็ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ไม่นานแอ่งด้านล่างก็ถูกปราณหยินสีดำทับถม กลายเป็นเหมือนดั่งทะเลสาบสีดำ
“เป็นปราณหยินที่เข้มข้นและบริสุทธิ์จริง ๆ” หลัวซิวก้มมองลงไป ดวงตาเฉียบขาด
เพียงแต่พลังของปราณหยิกก้อนนี้แข็งแกร่งจนเกินไป อาศัยผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ไม่สามารถที่จะซึมซับกลั่นแปรเพื่อเพิ่มพลังได้
“ใต้ที่แห่งนี้น่าจะมีชีพจรมังกรหยินอยู่!” หลงหมิงพลันเอ่ยขึ้น
ชีพจรมังกร เป็นของประหลาดอย่างหนึ่งที่ฟ้าดินให้กำเนิดขึ้น แบ่งเป็นชีพจรมังกร Attr และชีพจรมังกรไร้ Attr
ชีพจรมังกรไร้ Attr เกิดจากการรวมตัวกันของพลังฟ้าดินจิต เกิดมีจิตวิญญาณขึ้นมา สามารถลอยตัวอยู่ในใต้ดินลึกได้ แพร่กระจายพลังฟ้าดินจิตที่บริสุทธิ์ออกมา
ในสมัยโบราณ ผู้แข็งแกร่งยอดยุทธ์ได้ใช้พลังจิตอันลึกล้ำกำหนดชีพจรมังกร เพื่อสร้างเป็นที่ตั้งของสำนัก กลายเป็นแดนวิเศษในการฝึกตน
ส่วนชีพจรมังกรที่มีพลัง Attr นั้น ก็ล้ำค่าและพบได้ยากกว่าชีพจรมังกรไร้ Attr ตัวอย่างเช่นชีพจรมังกรทองนั้นเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของพลังจิตธาตุโลหะ ชีพจรมังกรเขียวเกิดจากการรวมตัวกันของพลังจิตธาตุไม้......
ชีพจรมังกรหยิน ก็เกิดจากการรวมตัวของปราณหยิน ผ่านการวิวัฒนาการของกาลเวลาที่ไม่รู้จบ ทำให้มีจิตวิญญาณขึ้นมา
ตามที่หลงหมิงได้กล่าวมานั้น ได้มีการกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ยอดยุทธ์ของสำนักไท่เสวียนได้กำหนดชีพจรมังกรสายหนึ่ง ถึงได้สร้างค่ายกลขนาดใหญ่กลายเป็นแดนหยินสุดขั้ว บุกเบิกแดนปริศนา
ในแดนปริศนา สิ่งที่ล้ำค่าจนไม่สามารถประเมินได้นั้นไม่ใช่สมบัติที่อยู่ข้างใน แต่เป็นชีพจรมังกรหยินที่ถูกค่ายกลใหญ่กำหนดอยู่สายนี้!
ชีพจรมังกรนั้นหายาก หรือต่อให้หาพบก็ยากที่จะกำราบ ชีพจรมังกรที่มีจิตวิญญาณสามารถกลืนและคายพลังจิตเพื่อฝึกตนได้ ชีพจรมังกรที่แข็งแกร่งนั้นแม้แต่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่อาจต้านทานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกำราบให้ยอมจำนน
มีเพียงยอดยุทธ์ในสมัยโบราณ ถึงมีคุณสมบัติพอที่จะกำราบชีพจรมังกร และสร้างแดนวิเศษเพื่อการฝึกตนขึ้นมา
หลัวซิวเองก็ได้รู้จากปากของหลงหมิง สิ่งที่เรียกว่ายอดยุทธ์ในสมัยโบราณ ก็คือผู้ที่มีผลการฝึกตนอยู่เหนือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นั่นเอง
ในปัจจุบัน อย่าวว่าแต่ยอดยุทธ์เลย ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่หลัวซิวเคยได้ยินมานั้น ก็คือนายท่านที่ประจำตำแหน่งอยู่ในตำหนักจื่อ มีผลการฝึกตนในแดนมกุฏยุทธ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...