มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 253

“เจ้าสารเลวหลัวซิวไม่ให้ทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนกับข้า งั้นข้าก็ทำได้เพียงไปแย่งมาแล้ว!” คิดมาถึงตรงนี้ หลงหมิงก็ขยับใกล้เข้าไปหาฝานโหยว่หลี่

“ใครน่ะ?”

ฝานโหยว่หลี่พลันตกตะลึง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ปล่อยตัวสำนึกออกไปตรวจสอบ ชั่ววินาทีในเมื่อสักครู่นั่นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันตรายบางอย่าง

ถึงยังไงเขาก็มีผลการฝึกตนในแดนฝึกจิตขั้น 6 ส่วนหลงหมิงนั้นแค่อยู่ในระดับแดนพรสวรรค์เท่านั้นเอง พรสวรรค์ในการควบคุมปริภูมิอยู่ห่างหน่อยก็จะไม่สามารถถูกสัมผัสได้ ถ้าหากเข้าใกล้เกินไป ก็จะถูกพบเข้า 

ยิ่งไปกว่านั้น ลงมือโดยอาศัยความสามารถในระดับพรสวรรค์ของเขา ฝานโหยว่หลี่ก็สามารถตอบสนองได้ ไม่แน่อาจจะกลับกลายเป็นฝ่ายถูกควบคุมก็ได้

ความแตกต่างระหว่างแดนพรสวรรค์กับแดนฝึกจิตขั้น 6 นั้นห่างไกลกันมาก ต่อให้มังกรไร้ร่างมีพรสวรรค์ที่ร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะฆ่าศัตรูข้ามขั้นได้

“สารเลวเอ๊ย ตื่นตัวจริง ๆ” หลงหมิงถอยหลังอย่างรวดเร็ว อาศัยร่างเล็ก ๆ ระดับพรสวรรค์ของเขาในตอนนี้ อีกฝ่ายแค่โจมตี เกรงว่าตนคงต้องตายห่างชี้ฟ้าอย่างแน่นอน

ฝานโหยว่หลี่ระแวดระวังบริเวณรอบ ๆ อย่างตื่นตัว เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าการรับรู้ของตนในเมื่อสักครู่นั้นผิดไปหรือเปล่า เพราะเมื่อผลการฝึกตนในโลกยุทธ์มาถึงจุดที่แน่นอน สำหรับอันตรายนั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยสัญชาตญาณ

“หลัวซิว!”

ในตอนนี้เอง สีหน้าของฝานโหยว่หลี่ก็เปลี่ยนไป มองเห็นในกลางอากาศที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เงาร่างมนุษย์ในชุดสีดำกำลังลอยเข้ามาอยู่รวดเร็ว

“ข้าสลัดหลุดจากมันแล้วไม่ใช่หรือ มันตามมาได้อย่างไรกัน?”

ฝานโหยว่หลี่ไม่มีเวลาจะไปคิดอย่างอื่น เขารีบลอยตัวขั้นมาทันที และขยี้ยันต์วาตะระดับ 5 อีกชิ้น

หลัวซิวเห็นแบบนี้ ก็แทบจะหลุดปากด่าออกมา ยันต์ระดับ 5 เป็นผักกาดขาดหรืออย่างไร คิดไม่ถึงว่าหมอนี่ยังมีอยู่อีก

ยันต์เป็นของวิเศษที่นักค่ายกลทำขึ้นมา ปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 ทำยันต์ระดับ 5 ขึ้นมา ไม่เพียงแค่ต้องใช้หยกล้ำค่าเป็นวัตถุดิบเท่านั้น และอัตราความสำเร็จก็ต่ำมาก ดังนั้นยันต์ ถึงได้ค่อนข้างจะล้ำค่า เป็นไพ่ใบสุดท้ายที่นักยุทธ์ระดับล่างใช้เพื่อเอาชีวิตรอด

ราชวงศ์ตระกูลฝานมีปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 6 อัตราความสำเร็จในการทำยันต์ระดับ 5 ก็ไม่ได้สูงอะไรมากนัก หลัวซิวคิดว่าฝานโหยว่หลี่คงไม่มียันต์ระดับ 5 ไปมากกว่านี้อยู่อีกแล้ว

“ยันต์วาตะระดับ 5 สองชิ้น ยันต์โจมตีหนึ่งชิ้น ในมือของเขาน่าจะยังมียันต์ป้องกันอยู่อีกหนึ่งชิ้น” หลัวซิวพูดในใจ

แม้ว่าเขาอาจจะคาดเดาไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ต่อให้ฝานโหยว่หลี่ยังมียันต์โจมตีระดับ 5 มีพลังการโจมตีทัดเทียมราชายุทธ์โดยทั่วไป หลัวซิวเชื่อว่าตัวเองก็สามารถรับมือได้

ผ่านไปอีกสักครู่ พลังของยันต์วาตะถูกใช้จนหมด ประสิทธิภาพหมดไป ฝานโหยว่หลี่ไม่กล้าที่จะหยุดอยู่กับที่ เขายังคงบินหนีต่อไป ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้หยิบเอายาวิเศษออกมาเพื่อฟื้นฟูพลังจิตแท้ที่ได้ใช้ไป

ไม่พูดไม่ได้ว่า องค์ชายของตระกูลฝานนั้นมีฐานะกำลังทรัพย์ที่อุดมสมบูรณ์ไม่น้อย หลัวซิวไล่ตามอยู่ครึ่งค่อนวัน พลังจิตของตนได้ถูกใช้ไปกว่าครึ่งแล้ว ยังตามอีกฝ่ายไม่ทันอีก

“ดูเหมือนว่าต้องเพิ่งระดับความสามารถให้กับหลงหมิงหน่อยแล้ว ถ้าหากมันมีพลังในระดับผู้ฝึกจิต เพียงแค่ขัดขวางอีกฝ่ายเอาไว้สักหน่อย ตนก็จะสามารถตามทันแล้ว” หลัวซิวคิดในใจ

เพราะจากที่ผลการฝึกตนและพลังของเขาได้เพิ่มขึ้น ถ้าหากพลังของหลงหมิงตามไม่ทัน ก็จะไม่สามารถช่วยอะไรตนได้

มังกรไร้ร่างที่มีพลังควบคุมปริภูมิมาตั้งแต่เกิด ศักยภาพสูง ไม่เลี้ยงดูปลูกฝังดี ๆ เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริง ๆ

ระหว่างทางที่ตามสังหารฝานโหยว่หลี่ มีบางครั้งที่ได้พบกับนักยุทธ์คนอื่น ๆ ฝานโหยว่หลี่ขอความช่วยเหลือ ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ยอมช่วย

เพราะเหตุนี้ ก็เลยมีปรมาจารย์ยุทธ์อีกสิบกว่าคนที่ได้ตายภายใต้เงื้อมมือของหลัวซิว และมอบแหวนเก็บของของตนออกมา

โดยละเอียดแล้ว แค่ปรมาจารย์ฝึกจิตที่หลัวซิวได้สังหารหลังจากเข้ามา ก็เกือบจะสามสิบคนแล้ว บวกกับพวกคนที่ได้ตายไปในสถานการณ์อื่น ผู้คนร้อยสามสิบกว่าคนที่ได้เข้ามาในแดนปริศนาในครั้งนี้ ได้สูญเสียไปเกือบครึ่งแล้ว

และแดนปริศนาพึ่งจะเปิดได้ไม่ถึงสิบวัน ทุกคนยังต้องอยู่ที่นี่อีกเก้าสิบวัน!

หลังจากที่ผ่านไปครบร้อยวัน คนที่สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้และมีการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์นั้น ยังต้องลดลงอีก

สุดท้าย หลัวซิวไม่ลังเลที่จะเผาผลาญพลังจิตแท้เพื่อเพิ่มความเร็ว ในกลางอากาศบนแม่น้ำอันเย็นยะเยือกสายหนึ่ง ในที่สุดหลัวซิวก็ตามฝานโหยว่หลี่มาได้ทัน

“ไปตายซะ!”

ฝานโหยว่หลี่เห็นหลัวซิวตามมาทัน ใบหน้าซีดเซียวปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นมา ยกมือแล้วโยนยันต์ชิ้นหนึ่งออกไป พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ทะลักออกมา

ตูมมม!

ยันต์หยกแตกกระจาย กลายเป็นลำแสงบุกโจมตีเข้ามา นี่เป็นพลังโจมตีที่เทียบเท่ากับราชายุทธ์โดยทั่วไป

หลัวซิวฟันกระบี่ออกไป รัศมีพลังอันแข็งซัดกระหน่ำเข้ามา ทำให้เขาลอยกลับออกไป อวัยวะภายในสั่นสะเทือน เลือดไหลออกจากมุมปาก

“ยันต์โจมตีระดับ 5 ก็แค่นี้เอง” เขาแสยะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนี้เมื่อตกอยู่ในสายตาของฝานโหยว่หลี่ เป็นเหมือนดั่งปีศาจร้าย

“เจ้า.....” ฝานโหยว่หลี่เบิกตาโพลง ยันต์โจมตีระดับ 5 เพียงพอที่จะทำให้ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 9 ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เจ้านี้กลับแค่บาดเจ็บเล็กน้อย

หลังจากที่ได้ใช้ยันต์โจมตีระดับ 5 ชิ้นสุดท้ายออกมา พลังจิตที่เดิมทีก็เหลืออยู่ไม่มากของฝานโหยว่หลี่ถูกใช้จนหมดสิ้น สีหน้าซีดเซียวยิ่งขึ้น ไม่มีสีเลือดอยู่เลยสักนิดเดียว

หลิงหมิงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างได้พุ่งออกมาในทันที ร่างมังกรสีขาวเงินปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของฝานโหยว่หลี่ กรงเล็บโบกสะบัดเสียงพลัวะดังขึ้น ก็ตัดขอของเขาจนขาด

“ฮ่า ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าฆ่าคนหลังจากที่ได้ออกมาเห็นดวงตะวันอีกครั้ง เจ้าช่างมีเกียรติจริง ๆ! นอนตายตาหลับได้แล้ว!”

นี่คือเสียงสุดท้ายที่ฝานโหยว่หลี่ได้ยินก่อนสิ้นลมหายใจ

หลังจากที่สังหารฝานโหยว่หลี่ หลงหมิงก็หยิบแหวนเก็บของขึ้นมา ภายใต้การจ้องมองจากสายตาของหลัวซิว ก็ได้มอบแหวนเก็บของให้เขาด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ

จากนั้นหลัวซิวก็กลับไปทางเดิม เพราะปี้เซียนเสว่ยังรอเขาอยู่บริเวณใกล้เคียงเขาลูกเล็กในเมื่อก่อนหน้านั้น

มีปฏิกิริยาตอบโต้จากวิชาสยบวิญญาณ หลัวซิวใช้เวลาเกือบครึ่งวันถึงได้กลับมาถึง เห็นได้ว่าฝานโหยว่หลี่หลบหนีไปไกลแค่ไหน

เมื่อเห็นหลัวซิวกลับมาอย่างปลอดภัย ปี้เซียวเสว่ก็โล่งอก ถึงแม้นางจะรู้ว่าหลัวซิวมีฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม

“หาสถานที่สักแห่ง แบ่งสมบัติที่ได้มากันก่อน แล้วค่อยฝึกตน!” หลัวซิวยิ้มกล่าว

ก่อนหน้านี้ในแอ่งน้ำที่ถูกชีพจรมังกรหยินยึดครอง เขาได้รวบรวมหินหยินมาได้ร้อยกว่าก้อน บวกกับในแหวนเก็บของที่ได้มาจากนักยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ถูกสังหารก็มีหินหยินอยู่ เพียงพอที่จะทำให้ผลการฝึกตนก้าวขึ้นไปอีกขั้น

ผ่านไปไม่นานนัก หลัวซิวก็ได้ค้นพบถ้ำร้างอยู่ในสถายที่เงียบเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ปราณหยินในที่นี้ค่อนข้างหนาแน่น มีวิญญาณสองสามตนยึดครองอยู่ที่นี่ ล้วนถูกเขาจัดการเรียบร้อย

จากนั้นเขาก็ใช้ธงค่ายสร้างค่ายซ่อนงำขึ้นมา มองจากด้านนอก ผู้ที่ไม่เข้าใจค่ายกลจะเห็นเป็นเพียงภูเขารกร้าง ไม่มีเห็นมีถ้ำอยู่เลย

เพื่อเป็นการเผื่อเอาไว้ เขาเลยได้สร้างค่ายป้องกันและค่ายสังหารขึ้นอย่างละค่าย จากนั้นถึงได้เข้าไปในถ้าและเตรียมที่จะฝึกตน

หินหยินที่อยู่ในแหวนเก็บของ หลัวซิวเอาออกมาส่วนหนึ่งและยื่นให้กับปี้เซียนเสว่

ปี้เซียนเสว่เองก็คิดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะเอาหินหยินให้กับตัวเอง นางรีบส่ายหน้า: “เจ้าใช้เถอะ อีกอย่างถ้าหากไม่มีเจ้า อาศัยความสามารถของข้าคงไม่มีทางได้หินหยินพวกนี้มา”

“อย่าปฏิเสธอีกเลย ถ้าหากเจ้าติดตามข้า ผลการฝึกตนต่ำไปคงไม่ได้ ร่างแห่งเสวียนหยินของเจ้าสามารถฝึกตนได้เร็วกว่าคนอื่น เมื่อมีหินหยินก็ยิ่งจะรุดหน้าเร็วขึ้นไปอีก ฝีมือของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถช่วยข้าได้”

หลัวซิวกล่าวไป พลางไม่ยอมให้ปี้เซียนเสว่ปฏิเสธ และยัดแหวนเก็บของที่มีหินหยินอยู่ข้างในใส่มือนางทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ