มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 255

หลัวซิวคิดว่าความเร็วในการฝึกตนของตนนั้นเป็นที่น่าตกตะลึงแล้ว คิดไม่ถึงว่าปี้เซียนเสว่จะก้าวหน้าได้มากกว่าเขาเสียอีก

ครุ่นคิดอยู่สักพัก หลัวซิวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมปี้เซียนเสว่ถึงได้บรรลุสองระดับแดนเล็กได้ภายในหนึ่งเดือน

ด้านหนึ่งคือได้หลุดพ้นจากการควบคุมของราชวงศ์ตระกูลฝาน ทำให้สภาวะจิตใจของนางผ่อนคลาย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงอย่างเมื่อก่อน และความแตกต่างของสภาวะจิตใจเช่นนี้ มีผลกระทบต่อการฝึกตนไม่น้อย

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น นั่นก็เป็นเพราะร่างแห่งเสวียนหยินของปี้เซียนเสว่ และได้ซึมซับพลังหยินสุดขั้วจากหินหยินเพื่อฝึกตน ประสิทธิภาพเพิ่มเป็นสองเท่า บวกกับที่นางฝึกพลังจิตแท้เป็นหลัก ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์กลั่นร่างและกลั่นวิญญาณเพิ่มเติม เป็นธรรมดาที่ผลการฝึกตนจะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

ไม่ต้องพูดถึงว่าผลการฝึกตนได้เพิ่มขึ้นมากเพียงใด บนความแข็งแกร่งโดยรวม ในระยะเวลาหนึ่งเดือน หลัวซิวนั้นได้เพิ่มขึ้นกว่านางอีกมาก

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ปี้เซียนเสว่ก็ได้ตื่นขึ้นมาจากการฝึกตน ในตอนที่ลืมตาขึ้นมา ได้เห็นหลัวซิวกำลังเดินออกมาจากถ้ำด้านในพอดี

ผลการฝึกตนบรรลุติดต่อกันสองระดับแดนเล็ก ทำให้ปี้เซียนเสว่ทั้งตกในทั้งดีใจ ในขณะเดียวกันนั้นก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณหลัวซิวอย่างมาก เพราะนางทราบดีว่า ถ้าหากไม่มีหลัวซิว อย่าว่าแต่ผลการฝึกตนบรรลุเลย โชคชะตาจะต้องอนาถถึงเพียงใด ไม่อาจจะจินตนาการได้จริง ๆ

นางอยากจะเอ่ยคำขอบคุณกับหลัวซิว แต่หลายวันมานี้ แค่คำของคุณนั้นก็ได้กล่าวออกไปหลายครั้งแล้ว ถ้าหากพูดมากจนเกินไป กลับจะทำให้คุณค่าและความสำคัญของการขอบคุณในบุญคุณนี้ลดลง

ดังนั้นปี้เซียนเสว่จึงได้ลุกขึ้นมา และแสดงความเคารพต่อหลัวซิวอย่างจริงใจ และสัญญากับตัวเองว่า ไม่ว่าตนจะสามารถทะลวงพันธนาการกักขังจากวิชาสยบวิญญาณได้หรือไม่ นางก็จะใช้ชีวิตของตนมาตอบแทนบุญคุณนี้ของหลัวซิว ต่อให้ต้องตาย ก็จะไม่ลังเล

หลัวซิวไม่รู้ว่าในใจของปี้เซียนเสว่กำลังคิดอะไรอยู่ สำหรับเขาแล้ว ช่วยปี้เซียนเสว่เอาไว้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะปี้เซียนเสว่ได้บอกเรื่องวิชาสยบวิญญาณกับเขา เขาคงไม่รู้ถึงความน่ารังเกียจและความต่ำช้าของราชวงศ์ตระกูลฝาน

“ฮ่า ๆ ข้าท่านชายหลงก็ได้ฟื้นฟูถึงแดนผู้ฝึกจิตแล้ว! คราบใดที่ฟื้นฟูถึงระดับราชายุทธ์ จากนั้นก็ระดับจักรพรรดิยุทธ์ ข้าท่านชายหลงก็จะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของวิชาสยบวิญญาณได้แล้ว และเล่นงานเจ้าเสีย!

หลงหมิงได้กลืนกินยาที่หลัวซิวมอบให้จนหมด แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่เต็มที่ แต่ผลการฝึกตนพลันฟื้นฟูมามากขนาดนี้ มันก็ค่อนข้างดีอกดีใจ

อันที่จริงในตอนที่หลัวซิวให้ยากับมัน ก็ได้คำนวณดูก่อนแล้วว่ายาเหล่านั้นสามารถทำให้มันฟื้นฟูพลังมาถึงแดนฝึกตนขั้น 4 มากสุดไม่สูงไปกว่าแดนฝึกตนขั้น 6

“เซียนเสว่ เจ้ารู้จักแดนปริศนาดีแค่ไหน?” หลัวซิวเอ่ยถาม

ก่อนหน้านี้ปี้เซียนเสว่ได้ถูกราชวงศ์ตระกูลฝานลงวิชาสยบวิญญาณควบคุม แดนปริศนาแห่งนี้อยู่ในเงื้อมมือของราชวงศ์ตระกูลฝานเป็นเวลานับพันปี น่าจะรู้รายละเอียดยิ่งกว่า

“ราชวงศ์ตระกูลฝานเองก็รู้เรื่องเกี่ยวกับแดนปริศนาไม่มากนัก เพราะสถานที่ที่ถูกส่งเข้ามาในแต่ละครั้งนั้นไม่เหมือนกัน ต่อให้มีคนได้วาดแผนที่ แล้วนำออกไปก็ไม่มีที่ใดเหมือนกับเมื่อก่อนเลย”

ปี้เซียนเสว่ส่ายหน้า กล่าว: “แต่ว่าแดนปริศนามีเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือยิ่งเดินลึกเข้าไป อัตราในการพบเจอสมบัติและโอกาสก็ยิ่งมากขึ้น และมีมูลค่าสูงกว่า”

ในส่วนลึกของแดนปริศนา ในเทือกเขาสีดำที่ทอดยาวออกไปหลายร้อยลี้ นักยุทธ์ห้าสิบกว่าคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่

ในบรรดานักยุทธ์เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาววัยรุ่น ผู้ที่มีผลการฝึกตนในแดนฝึกจิตนั้นเจ็ดขึ้นไปนั้นมีน้อยมาก ต่างเป็นยอดฝีมือรุ่นเก่าที่กองกำลังต่าง ๆ ส่งเข้ามา

แดนปริศนาได้เปิดมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว เกือบทุกคนต่างเดินสำรวจจากบริเวณรอบนอกและมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของแดนปริศนา

และในเวลานี้ เกือบทุกคนต่างมารวมกันอยู่ที่นี่ นั่นก็เป็นเพราะได้ปรากฏม่านค่ายกลขึ้นที่ด้านหน้าอยู่หลายแห่ง

ม่านค่ายกลแต่ละสายนั้น ล้วนเป็นเหมือนดั่งถ้วยใบใหญ่ที่ถูกคว่ำลง ปิดกั้นพื้นที่ในระยะหลายร้อยเมตร มองผ่านการปิดก้นของม่านค่ายกล สามารถมองเห็นข้างในได้อย่างเลือนราง

ในบางค่ายกล เป็นสวนยาแห่งหนึ่ง มียาวิเศษนานาชนิดเกิดอยู่ในนั้น ในบางค่ายกลนั้นมีหินหยินกองอยู่จำนวนมาก และในบางค่ายกลก็มีอาวุธยุทธ์ หรือวัตถุดิบวางอยู่

อย่างไรก็ตาม ค่ายกลทุกค่ายที่ปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ ข้างในล้วนมีของวิเศษอยู่

“มีคนอยู่แค่นี้เองหรือ?”

ถาวโจว่จวิ้นนายน้อยตำหนักจื่อกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ที่มุมปากแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “ราชวงศ์ตระกูลฝานควบคุมการเปิดของแดนปริศนา แต่กลับไม่มีใครมาสักคน หรือว่าจะตายกันหมดแล้ว?”

“คงเป็นไปไม่ได้มั้ง ครั้งนี้ราชวงศ์ตระกูลฝานได้ส่งผู้ฝึกจิตขั้น 9 มาสองคน บวกกับพวกไพ่ใบสำคัญที่ซ่อนเอาไว้ คงจะไม่ตายกันไปจนหมดหรอก” ที่ด้านหลังของถาวโจว่จวิ้น ผู้อาวุโสเคราขาวผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียงเข้ม

“ท่านต้วนมีความมั่นใจว่าจะทำลายค่ายกลเหล่านี้ได้หรือไม่?” ถาวโจว่จวิ้นหันหน้ามองไปทางอาวุโสเคราขาวผู้นี้

“เมื่อสักครู่ข้าได้ดูแล้ว ค่ายกลที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นค่ายกลขั้นห้า และยังได้ใช้วิธีการตั้งค่ายกลแบบโบราณ แม้ว่าข้าจะมีความรู้ระดับปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 5 คิดจะทำลายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” ท่านต้วนส่ายหน้ากล่าว

“ครืน! ครืน! ครืน!......”

ในตอนนี้เอง เสียงกระหึ่มได้ดังลอยมาติดต่อกัน เหล่านักยุทธ์ที่มาจากแต่ละกองกำลังบางจำนวนร่วมมือกันเริ่มจู่โจมม่านค่ายกล

แม้ว่าค่ายกลจะดับ 5 นี้จะใช้วิธีตั้งค่ายกลแบบโบราณ แต่ภายใต้การร่วมมือโจมตีของปรมาจารย์ฝึกจิตสิบกว่าคน ก็ต้านรับเอาไว้ได้ไม่นานและถูกทำลายลง ในวินาทีที่ม่านค่ายกลถูกทำลายนั่นเอง ทุกคนต่างได้กระโจนเข้าไป และแย่งชิงสมบัติที่อยู่ด้านในอย่างบ้าคลั่ง

ด้านในค่ายกลที่ถูกทำลายแห่งนี้ คือสวนยาแห่งหนึ่ง ยาวิเศษระดับต่ำสุดที่อยู่ด้านในก็เป็นยาทิพย์ระดับ 4 แล้ว และยังมียาทิพย์ระดับ 5 อยู่อีกมากมาย รวมทั้งยาทิพย์ระดับ 6 ที่มีไม่มากนัก

หญิงสาวงามเฉิดฉายในชุดสีขาวนางหนึ่ง แย่งชิงยาทิพย์ระดับ 6 ต้นหนึ่งมาได้ในความโกลหล จากนั้นก็รีบเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของทันที บนหน้ามีท่าทางปีติยินดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“สวีเสว่ มอบสิ่งที่เจ้าเก็บเข้าไปออกมาเสีย” เสียงตวาดดังลอยมา ชายหนุ่มในชุดสีเขียวได้ตวาดขึ้น

“ช่าวชูเจิ้งฉี เจ้าหมายความเช่นไร?” ชายหนุ่มในชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่ที่ด้านหน้าของสวีเสว่และปกป้องนางเอาไส้ที่ด้านหลัง เผชิญหน้ากับช่าวชูเจิ้งฉี

“ความหมายของข้าชัดเจนยิ่งนัก เซี่ยหย่งหากเจ้ารักดี ก็ให้นางมอบสิ่งของออกมาซะ” ช่าวชูเจิ้งฉีตวาดอย่างไม่สบอารมณ์

สิบสามเขตการปกครองมีรายชื่อทั้งหมดสิบสิทธิ์ ตัดหลัวซิวออกไป ยังมีคนอื่น ๆ อีกเก้าคน และมีเจ็ดคนที่ได้มาอยู่ที่นี่

เซี่ยหย่งและสวีเสว่อยู่ร่วมกัน ส่วนคนอื่น ๆ อีกห้าคนนั้นคอยติดตามช่าวชูเจิ้งฉี กลายเป็นกลุ่มเล็ก ๆ

ในสิบสามเขตการปกครอง สำนักชิงเทียนเจี้ยนเป็นสำนักอันดับหนึ่ง ช่าวชูเจิ้งฉีเป็นอัจฉริยะมากปรีชาสามารถของสำนักชิงเทียนเจี้ยน ดังนั้นถึงได้มีพลังดึงดูดเช่นนนี้

“ไม่มอบออกมาแล้วยังไง?” สวีเสว่ยิ้มเยาะ

“เช่นนั้นก็ไปตายซะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ